บุนเดสลีกาไส้ไหล
การเสียหนึ่งในกองหน้าที่เก่งที่สุดของคุณ มันอาจถือได้ว่าเป็นความโชคร้ายของบุนเดสลีกา แต่การกำลังจะเสียคนที่สองมันน่าจะเป็นเรื่องอื่นแล้ว
แฟนๆ ของลีกสูงสุดเยอรมันเริ่มฟื้นตัวกับการจากไปของ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ที่ประกาศว่าเขาจะย้ายไปเล่นกับ แมนฯ ซิตี้ ในช่วงซัมเมอร์มาสักระยะแล้ว แต่พวกเขาก็ได้รับข่าวที่น่าเซอร์ไพรส์มากกว่าเดิมกับการที่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ของ บาเยิร์น มิวนิค ก็ต้องการอำลาเช่นกัน
ดาวเตะทีมชาติโปแลนด์ยังเหลือสัญญาอีก 1 ปี ในถิ่นอัลลิอันซ์ อารีน่า แต่ตอนนี้เขาต้องการย้ายทีมโดยเร็วที่สุด
มันเป็นเวลาหลายปีแล้วที่บุนเดสลีกา เป็นหนึ่งในเวทีที่แข็งแกร่งที่สุด และสนุกที่สุดในยุโรป ทว่าตอนนี้กลับอยู่ในสถานะที่เต็มไปด้วยความอันตรายมากกว่าที่เคยเป็นมา
แน่นอนว่า เลวานดอฟสกี้ และ ฮาแลนด์ ไม่ใช่จุดจบทั้งหมดของบุนเดสลีกา แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาคือสองดาวดังระดับโลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของลีก และทั้งคู่จะออกจากทีมในซัมเมอร์เดียวกัน นั่นเป็นเรื่องที่น่ากังวลสำหรับฟุตบอลเยอรมัน
อันที่จริงก็ไม่ใช่แค่ผู้เล่นระดับซูเปอร์สตาร์เท่านั้นที่ดูเหมือนจะหันหลังจากไป แต่ยังรวมถึงกลุ่มนักเตะที่มากด้วยพรสวรรค์ด้วย
คริสโตเฟอร์ เอ็นกุนกู ที่เอาชนะ เลวานดอฟสกี้ คว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของบุนเดสลีกา หลังมีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมกับ ไลป์ซิก กำลังตกเป็นข่าวอย่างหนักกับ เชลซี, แมนฯ ยูไนเต็ด และ เปแอสเช
อีกแข้งที่เต็มไปด้วยศักยภาพอย่าง จู๊ด เบลลิงแฮม คือหนึ่งในดาวดังของลีกนับตั้งแต่ที่ย้ายจาก เบอร์มิงแฮม มายัง ดอร์ทมุนด์
มันมีความเป็นไปได้สูงที่มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษจะย้ายทีมในช่วงซัมเมอร์หน้า อาจตามรอย เจดอน ซานโช่ ที่โบยบินไปยังพรีเมียร์ลีก ซึ่งดูเหมือนว่าอนาคตระยะยาวของเขานั้นไม่ใช่ในเยอรมัน
มันทำให้มีความรู้สึกเหมือนว่าตอนนี้กำลังมีการระบายผู้เล่นที่มีความสามารถเกิดขึ้นในเยอรมัน
นักเตะอย่าง ทิโม แวร์เนอร์, คริสเตียน พูลิซิช และ ไค ฮาแวร์ตซ์ ซึ่งทั้ง 3 คนเล่นอยู่กับ เชลซี ยังคงไม่สามารถแจ้งเกิดได้ในอังกฤษ นั่นหมายความว่ามาตรฐานโดยรวมของบุนเดสลีกากำลังถูกตั้งคำถาม
มีข้อโต้แย้งเรื่องการรั่วไหลดังกล่าวว่าที่เยอรมัน สโมสรไม่สามารถเสนอเงินค่าเหนื่อยแบบเดียวกับที่ทีมใหญ่ในอังกฤษ หรือสเปนจะให้ได้ แต่อย่างน้อยสำหรับ บาเยิร์น มันก็ไม่ใช่ปัญหานี่นา
ยอดทีมจากบาวาเรียจ่ายเงินให้ ลูกัส แอร์กน็องเดซ มากกว่า 15 ล้านยูโรต่อปีมาตั้งแต่ปี 2019 และยังมีรายงานว่า ซาดิโอ มาเน่ ได้รับข้อเสนอสูงถึง 20 ล้านยูโรต่อซีซั่น หากเขาย้ายมาจาก ลิเวอร์พูล
แต่ปัญหาที่ใหญ่กว่าสำหรับ บาเยิร์น ก็คือพวกเขาไม่ต้องการจ่ายเงินหลายสิบล้านยูโรเมื่อพูดถึงเรื่องค่าตัวการย้ายทีม โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เล่นอายุน้อย
เมื่อหลายปีก่อน นักเตะเยอรมันมากพรสวรรค์ที่สุดอย่าง มาริโอ เกิทเซ่, มานูเอล นอยเออร์ หรือ เยโรม บัวเต็ง มีราคาถูกพอที่ บาเยิร์น จะจ่ายไหว แต่สิ่งนั้นใช้ไม่ได้อีกแล้วในทุกวันนี้ที่ภาวะเงินเฟ้อในตลาดซื้อขาย
ดังนั้นพวกแข้งพรสวรรค์ระดับท็อปจากทีมกลางๆ ไปถึงชั้นนำของบุนเดสลีกา อาทิ ดอร์ทมุนด์, เลเวอร์คูเซ่น หรือ ฮอฟเฟ่นไฮม์ จึงเลือกย้ายไปค้าแข้งต่างแดนแทน
ในทางกลับกัน สโมสรในบุนเดสลีกา ก็รู้สึกว่าพวกเขาไม่สามารถดึงดูดผู้เล่นชั้นยอดให้ย้ายออกจากในอังกฤษ, สเปน หรือแม้แต่อิตาลีได้
กลายเป็นว่า ลีก เอิง คือแหล่งช้อปปิ้งที่ได้รับความนิยม เนื่องจากสโมสรเยอรมันส่วนใหญ่ต่างรู้ว่าที่นั่นเป็นลีกนั้นนำแห่งเดียวในยุโรปที่สามารถตีความได้ว่ามีระดับที่ต่ำกว่าบุนเดสลีกา
คำถามก็คือ แล้วฟุตบอลเยอรมันจะเป็นอย่างไรต่อไป?
แน่นอนว่าไม่มีวิธีแก้ปัญหาระยะสั้นที่ชัดเจนกับการที่ผู้เล่นมากความสามารถต้องการย้ายออกไป ขณะที่ความอนุรักษ์นิยมที่มากเกินไปของ บาเยิร์น ในเรื่องการใช้เงินก็เป็นปัจจัยสำคัญ
อันที่จริงพวกเขาสามารถจ่ายเงินมหาศาลเพื่อคว้าตัววันเดอร์คิดของ เลเวอร์คูเซ่น อย่าง ฟลอเรียน เวิร์ทซ์ แต่ความรู้สึกของพวกเขาก็คือไม่อยากทำแบบนั้น ทว่าหากพวกเขาไม่เสี่ยงอะไรบางอย่าง พวกเขาก็จะไม่ได้ผู้เล่นอย่าง เวิร์ทซ์ ในอนาคต
หลายปีที่ผ่านมา บาเยิร์น ต้องเผชิญกับข้อกล่าวหาในการดึงแข้งมากพรสวรรค์จากทีมที่เหลือในบุนเดสลีกา ทำลายสโมสรกลางตาราง และเปลี่ยนลีกนี้ให้เป็นขบวนพาเหรดแบบทีมเดียว
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา บาเยิร์น ที่คว้าแชมป์บุนเดสลีกา มาโดยตลอด พวกเขาซื้อผู้เล่นจากลีกเดียวกัน 21 นัด รวมเป็นเงิน 238.2 ล้านยูโร
ในขณะเดียวกัน ดอร์ทมุนด์ ใช้เงินซื้อผู้เล่น 29 คนจากคู่แข่งในลีก มูลค่ารวม 386.2 ล้านยูโร ซึ่งมากกว่า บาเยิร์น เกือบ 150 ล้านยูโร
สิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นถึงกลยุทธ์ที่ไม่ได้มีความชัวร์อะไรของ ดอร์ทมุนด์ ในแง่หนึ่งพวกเขาได้แข้งดีๆ อย่าง อิลคาย กุนโดกัน และ มาร์โค รอยส์ ในทางกลับกัน พวกเขาก็พบความล้มเหลวกับ มักซี่ ฟิลิปป์ และ เยเรมี่ โทลยาน
พวกเขายังคงพยายามหาผู้เล่นที่ดีที่สุดของเยอรมันต่อไป ซึ่งก็ได้ตัว นิโค ชล็อทเทอร์เบ็ค จาก ไฟร์บวร์ก พร้อมกับ ซาลีห์ เอิซชาน ของ โคโลญจน์
มีแนวโน้มมากขึ้นว่าบุนเดสลีกา จะยังคงเป็นสถานที่เริ่มต้นสำหรับดาวรุ่งมากพรสวรรค์ อย่างเช่น โยชัว คิมมิช, แซร์ช นาบรี้, เลออน โกเร็ตซ์ก้า หรือ เบลลิงแฮม และเหล่าผู้ล้มเหลวจากที่อื่นที่ต้องการฟื้นฟูอาชีพค้าแข้งของตัวเองอย่าง อาร์เยน ร็อบเบน หรือ ลีรอย ซาเน่ ในปัจจุบัน
ปัญหาก็คือมันหมายความว่าบุนเดสลีกา ไม่ใช่จุดหมายปลายทาง แต่เป็นบันไดสำหรับผู้เล่นเพื่อส่งต่อไปอีกทอด
บาเยิร์น ไม่ใช่ทีมที่จะจ่าย 100 ล้านยูโร เพื่อคว้าตัว เบลลิงแฮม ในช่วงซัมเมอร์หน้า ไม่เหมือนกับ เรอัล มาดริด หรือบรรดาทีมระดับท็อปในพรีเมียร์ลีก
การที่สิ่งนี้ใช้ได้กับสตาร์ระดับโลกเพียงไม่กี่รายในลีกจึงเป็นเรื่องน่ากังวลอย่างมากต่อฟุตบอลเยอรมัน
สำหรับ บาเยิร์น ในตอนนี้ ผู้เล่นหลายคนต้องการบางสิ่งที่แตกต่างออกไป ดาวิด อลาบา, ติอาโก้ อัลกันตาร่า และตอนนี้ก็ เลวานดอฟสกี้ ซึ่งเป็นผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในทีมต่างเดินจากไปภายในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
บาเยิร์น กลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว ทั้งที่ย้อนกลับไปในอดีตตลอด 7 ฤดูกาลแรกที่พวกเขาเริ่มครองความยิ่งใหญ่อย่างต่อเนื่อง มีเพียง โทนี่ โครส แค่คนเดียวที่เป็นสตาร์ดังแล้วย้ายไป เรอัล มาดริด
สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดจากมุมมองที่กว้างขึ้นของฟุตบอลเยอรมันก็คือ มันอาจจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเงินเลย แต่มันอาจมาจากความเบื่อหน่าย
การคว้าแชมป์ลีกกลายเป็นกิจวัตรของ เลวานดอฟสกี้ ไปแล้ว และมันก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาอยากแสวงหาอะไรใหม่ๆ
เมื่อรวมสิ่งนี้กับการที่ทั้งเขา, อลาบา หรือแม้แต่ นอยเออร์ เคยแสดงความไม่พอใจในบางครั้งเกี่ยวกับการทำงานของผู้บริหารอย่าง โอลิเวอร์ คาห์น, เฮอร์เบิร์ต ไฮเนอร์ และ ฮาซาน ซาลิฮามิดซิช มันชัดเจนยิ่งขึ้นว่านี่เป็นปัญหาที่เงินก็แก้ไขอะไรไม่ได้
ข้อดีอย่างมากของบุนเดสลีกา ก็คือพวกเขายังคงเป็นหนึ่งใน 5 ลีกชั้นนำของยุโรป มีสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุดในการชมฟุตบอล มีสนามที่ยอดเยี่ยมในระดับสากล มีแฟนบอลที่หลงใหล และราคาตั๋วที่ไม่แพง
อย่างไรก็ตาม หากคุณไม่มีผู้เล่นที่ดีที่สุดของคุณให้พวกเขาได้ดูได้ชม ต่อให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ดีที่สุดมันก็ไม่สามารถชดเชยอะไรได้หรอก
พาสต้า
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT