ทำไม เป๊ป กล้าขาย ราฮีม ให้คู่แข่ง
เหรียญรางวัลบ่งบอกถึงเรื่องนั้นได้เป็นอย่างดี กับแชมป์พรีเมียร์ลีก 4 สมัย, ลีก คัพ 5 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย และดีกรีรองแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก
ในช่วงเวลาแห่งความสำเร็จที่ไม่เคยมีมาก่อนของสโมสรภายใต้การคุมทัพของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่มีใครที่ได้ลงสนามในจำนวนนาทีมากกว่าเขาอีกแล้ว แถมยังมีเพียง เซร์คิโอ อเกวโร่ ที่ทำประตูได้มากกว่าเขา และ เควิน เดอ บรอยน์ ที่ทำแอสซิสต์ได้มากกว่าเขา
กับอายุ 27 ปี นั้นเป็นช่วงวัยที่นักเตะจะไปถึงจุดพีคมากที่สุดในอาชีพค้าแข้ง
เหตุใด ซิตี้ จึงตกลงขายเขา และเป็นการขายให้กับทีมคู่แข่งแย่งความสำเร็จโดยตรงอย่าง เชลซี ด้วย
แน่นอนว่าเวลาเป็นสิ่งสำคัญของเรื่องนี้ กับสัญญาที่เหลือแค่ 12 เดือน ซัมเมอร์นี้จึงเป็นโอกาสสุดท้ายที่ แมนฯ ซิตี้ จะได้เงินกับการเสียดาวเตะทีมชาติอังกฤษไป
แม้จะมีข่าวว่าเขาต้องการเล่นฟุตบอลในต่างแดน แต่ก็ไม่เคยมีข้อเสนอจากยักษ์ใหญ่ที่ไหนที่ยอดเยี่ยมเหมือน เชลซี ของ ท็อดด์ โบห์ลี่ เจ้าของทีมใหม่ ผู้ซึ่งตั้งใจแน่วแน่ที่จะเรียกอรุณรุ่งกลับมายังถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์ อีกครั้ง
ค่าตัวในการย้ายทีม 47.5 ล้านปอนด์ แสดงถึงความคุ้มค่าสำหรับดาวเตะที่จะไม่มีค่าตัวในซัมเมอร์หน้า และมันหมายความว่า เรือใบ ได้ถอนทุนคืนเกือบทั้งหมดจากตอนที่ซื้อ สเตอร์ลิง มาจาก ลิเวอร์พูล ในปี 2015 (49 ล้านปอนด์)
มันเป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การจดจำว่าบรรดากูรูทั้งหลายรู้สึกว่า ซิตี้ ใช้เงินมากเกินไปในตอนนั้น และกลัวว่า สเตอร์ลิง จะไม่คุ้มค่ากับจำนวนเงินที่จ่ายไป
ตอนออกจาก ลิเวอร์พูล พิสูจน์ให้เห็นถึงปัญหามากมาย โดยทั้ง สเตอร์ลิง และตัวแทนของเขาต่างก็โดนวิจารณ์ยับถึงวิธีการจัดการกับเรื่องทั้งหมด
แต่การย้ายทีมครั้งล่าสุดนี้ อย่างน้อยมันก็มีแต่ความราบรื่น แม้จะมีสัญญาณให้เห็นในช่วงไม่กี่เดือนหลังว่าตัวรุกรายนี้ไม่พอใจกับชีวิตในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม อีกต่อไป
"ถ้ามีทางเลือกไปที่อื่นเพื่อมีโอกาสลงเล่นมากกว่านี้ ผมก็พร้อมที่จะทำมัน" สเตอร์ลิง กล่าวเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2021
เห็นได้ชัดว่า กวาร์ดิโอล่า ไม่เคยรับประกัน สเตอร์ลิง หรือผู้เล่นคนใดก็ตามถึงเรื่องการลงสนามมาตลอดการทำงานของเขา
ถึง สเตอร์ลิง จะไม่เคยได้รับโอกาสในช่วงหลัง แต่เขาก็ยังสร้างอิทธิพลในสนาม และช่วยให้ เรือใบ ประสบความสำเร็จป้องกันแชมป์ลีกได้อีกสมัย
แม้สโมสรจะมีความสุขที่จะมอบสัญญาใหม่ให้กับเขา แต่ข้อความดังกล่าวก็ชัดเจนว่าเขาจะต้องได้รับโอกาสลงสนามสำหรับการแข่งขันที่เข้มข้นอย่างมากในฤดูกาลใหม่
อันที่จริง การมาถึงของกองหน้าระดับโลกอย่าง เออร์ลิง ฮาแลนด์ ควบคู่กับการเซ็นสัญญา จูเลียน อัลวาเรซ หมายความว่า สเตอร์ลิง แทบจะไม่มีโอกาสเล่นตัวกลางเลยในซีซั่น 2022-23
นอกจากนี้ แม้จะพิจารณาถึงการจากไปของ กาเบรียล เชซุส ที่ย้ายไป อาร์เซน่อล แล้ว เรือใบ ก็ยังเต็มไปด้วยตัวรุกด้านกว้าง
ริยาด มาห์เรซ เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดของ กวาร์ดิโอล่า มาตลอด 2-3 ฤดูกาลที่ผ่านมา ขณะที่ แจ็ค กรีลิช ก็คาดว่าจะสร้างผลกระทบได้มากขึ้นกว่าเดิมกับซีซั่นที่สองของเขาในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม แถมยังมีดาวรุ่งฝีเท้าจัดอย่าง โคล พัลเมอร์ อีกด้วย
"เมื่อคุณได้รับโอกาสในการเล่น จงแสดงให้ผมได้เห็น (ว่าคุณสมควรได้ลงเล่น)" กวาร์ดิโอล่า กล่าวถึงการเลือกทีมของเขาหลังการแสดงความคิดเห็นของ สเตอร์ลิง เพียงไม่นาน
"แสดงให้โลกได้เห็นว่าผมคิดผิดแค่ไหนที่ไม่ได้เลือกคุณ"
"ผู้เล่นต้องดีที่สุดในสนาม ผมเป็นผู้จัดการทีมที่มีผู้เล่นระดับท็อปที่น่าเหลือเชื่อ และพวกเขาก็ไม่เคย ไม่เคยบ่นกับผมเลย"
"ออกไปที่นั่นสิ แล้วแสดงให้ผมได้เห็นว่าผมคิดผิดแค่ไหนที่ไม่ได้เลือกคุณ พวกเขาต้องแสดงให้ผมเห็นว่าพวกเขาดีแค่ไหน"
"นักกีฬาที่ดีที่สุดในโลก ในทุกกีฬา พวกเขาจะพูดเรื่องนั้นในสนาม หรือในคอร์ต นั่นคือที่ที่พวกเขาต้องคุย"
อย่างไรก็ตาม กับการที่ฟุตบอลโลกกำลังจะมาถึงในช่วงปลายปีนี้ และทีมชาติอังกฤษซึ่งมีเสถียรภาพมากที่สุดในช่วงระยะเวลาหนึ่งกำลังมีผลงานที่ย่ำแย่ในช่วงหลัง สเตอร์ลิง ก็เข้าใจดีว่าเขาต้องการลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ
ในฤดูกาล 2021-22 เขาได้เป็นตัวจริงน้อยกว่าการเล่นเป็นตัวสำรองตลอด 7 ซีซั่นก่อนหน้านี้ที่แมนเชสเตอร์
ที่ผ่านมา เขามักจะถูกเลือกให้ลงเล่นกับทีมที่สำคัญที่สุดของ ซิตี้ อยู่เสมอ
แต่เขาได้เล่นไปแค่ชั่วโมงเดียวจากทั้ง 2 นัดที่พบ เรอัล มาดริด ในแชมเปี้ยนส์ลีก รอบตัดเชือก และก็ 2 นัดสุดท้ายของฤดูกาลในพรีเมียร์ลีก
การพูดคุยกับ โธมัส ทูเคิ่ล กุนซือ สิงห์บลูส์ ทำให้ สเตอร์ลิง พอใจว่าเขาจะเป็นผู้เล่นคนสำคัญในถิ่นสแตมฟอร์ด บริดจ์
เชลซี กำลังอยู่ในช่วงของการยกเครื่องแนวรุกใหม่ หลัง โรเมลู ลูกากู จากไปแล้ว ขณะที่อนาคตของ ฮาคิม ซิเย็ค และ คัลลั่ม ฮัดสัน-โอดอย ก็ไม่มีความแน่นอน ส่วน คริสเตียน พูลิซิช, ทิโม แวร์เนอร์ และ ไค ฮาแวร์ตซ์ ก็ต่างมีปัญหาเรื่องฟอร์ม และความฟิต
ทูเคิ่ล ต้องการกองหน้าที่ไม่เพียงแค่ทำประตูได้เท่านั้น แต่ยังต้องเล่นฟุตบอลเพรสซิ่งหนักได้อีกด้วย และ สเตอร์ลิง ก็ถนัดมากในเรื่องนี้
สโมสรใหญ่ที่สุดของอังกฤษไม่ค่อยทำธุรกิจกันหรอก และมันก็ให้ความรู้สึกว่าทั้งสองทีมกำลังเสี่ยงกับ สเตอร์ลิง
ซิตี้ ยินดีนำเงินก้อนโตไปลงทุนกับตำแหน่งอื่นๆ และก็กำลังปลดระวางผู้เล่นที่อิทธิพลลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงไม่กี่ฤดูกาลที่ผ่านมา
ในขณะเดียวกัน เชลซี กำลังเซ็นสัญญากับดาวเตะทีมชาติอังกฤษ ซึ่งมีผลงานการทำประตูระดับสูง และพิสูจน์ตัวเองมานานแล้ว
เมื่อมองในมุมของ สเตอร์ลิง เป็นการส่วนตัว การย้ายทีมครั้งนี้แสดงถึงโอกาสที่จะรีเซ็ต และชุบชีวิตตัวเองในบ้านเกิดอย่างกรุงลอนดอนที่เขาตกหลุมรักเกมลูกหนังเป็นครั้งแรกในชีวิต
สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปจากนี้ในฤดูกาลใหม่สำหรับทั้ง แมนฯ ซิตี้ และ เชลซี คือเรื่องที่น่าสนใจที่สุด
พาสต้า
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT