'ฮาแลนด์ vs นูนเญซ' ของจริงกำลังรออยู่!
ในเดือนพฤษภาคม ปี 2019 ในสภาพแวดล้อมที่เรียบง่ายของสตาดิโอ เมียสกี้ วิดเซว่า ในกรุงล็อดซ์ นั่นคือเกมที่สองดาวเด่นหน้าใหม่แห่งพรีเมียร์ลีก ได้พบกันครั้งล่าสุด มันเป็นเกมยู-20 ชิงแชมป์โลก รอบแบ่งกลุ่ม ที่เล่นต่อหน้าแฟนบอลอันน้อยนิดแค่ 5,000 คนเท่านั้น
นูนเญซ กองหน้าคนใหม่ของ ลิเวอร์พูล เจ้าของค่าตัว 64 ล้านปอนด์ ฉีกยิ้มหลังทำประตูแรกบนชัยชนะ 3-1 ของอุรุกวัย ซึ่งแน่นอนว่าลูกนั้นทำให้เราได้เห็นเงาของ เฟร์นานโด ตอร์เรส ในตัวเขาจากการวิ่ง พักอกเอาบอลลงอย่างนิ่มนวล และวอลเลย์ใบไม้ร่วงด้วยเท้าขวาส่งบอลตุงตาข่าย
ฮาแลนด์ ซึ่งย้ายจาก ดอร์ทมุนด์ มายัง แมนฯ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 53 ล้านปอนด์ ในซัมเมอร์นี้ต้องเจอกับความผิดหวัง เมื่อลูกโหม่งตุงตาข่ายของเขากลายเป็นจังหวะล้ำหน้า ซึ่งแม้ว่าเขาจะผิดหวังกับทัวร์นาเมนต์นั้น แต่ก็ยิงไปคนเดียว 9 ลูก ในเกมที่ถล่ม ฮอนดูรัส 12-0 ในกรุงลับบลิน
เป็นอย่างที่คุณคิด จำนวนเท่านั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ ฮาแลนด์ คว้ารางวัลดาลซัลโวของรายการแล้วแม้ว่า นอร์เวย์ จะตกรอบแบ่งกลุ่มก็ตาม ในขณะที่ อุรุกวัย ของ นูนเญซ นั้นตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย หลังแพ้ให้กับ เอกวาดอร์ ที่ไปถึงอันดับ 3
ในเกมเมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา สองกองหน้าได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้เป็นที่ เลสเตอร์ เพราะสนามคิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ถูกใช้เป็นสังเวียนแข่งเกมคอมมิวนิตี้ ชิลด์ แทนเวมบลีย์ ที่ติดภารกิจฟุตบอลหญิงชิงแชมป์ยุโรป
บางคนเรียกเกมนี้ว่าโปรแกรมอุ่นเครื่องปรีซีซั่นที่ดูเอาจริงเอาจัง และยกระดับขึ้นมา แต่มันไม่น่าใช่สำหรับ ลิเวอร์พูล และ ซิตี้ ที่น่าจะมองไปยังความท้าทายที่ใหญ่กว่า และมากกว่าในพรีเมียร์ลีก แต่คุณก็มั่นใจได้เลยว่าทั้ง เจอร์เก้น คล็อปป์ และ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คงหวังว่านั่นจะเป็นขวัญกำลังใจในการเริ่มต้นที่ดี
สำหรับ นูนเญซ และ ฮาแลนด์ มันก็เป็นโอกาสที่จะปล่อยของ เนื่องจากทั้งสองต่างมายังอังกฤษแบบชื่อเสียงสนั่นวงการทั้งคู่ และมีป้ายราคาแสนแพงที่ต้องพิสูจน์
แต่หลังผ่านเกมคอมมิวนิตี้ ชิลด์ ที่ลงเอยด้วยชัยชนะของ ลิเวอร์พูล ไปแล้ว แน่นอนว่า นูนเญซ อาจจะมั่นใจกว่าเล็กน้อย หลังเรียกทั้งจุดโทษ และทำประตูให้กับทีมได้ ขณะที่ ฮาแลนด์ ดันมีช็อตหมูหกพลาดแบบไม่น่าเชื่อในช่วงก่อนจบเกม
แต่ทั้งคู่ก็ทำประตูในเกมปรีซีซั่นกันได้แล้ว โดย ฮาแลนด์ ใช้เวลาเพียง 12 นาทีในการประเดิมสกอร์ให้ เรือใบ ในเกมพบ บาเยิร์น มิวนิค ที่กรีนเบย์ ขณะที่ นูนเญซ ก็กลบเสียงวิจารณ์อย่างน่าทึ่งด้วยการซัลโวคนเดียว 4 ประตูในเกมที่ หงส์แดง ตบ ไลป์ซิก 5-0 ที่เยอรมัน
สิ่งที่ผู้จัดการทีมต้องการในขั้นตอนต่อไปก็คือแผนของวิวัฒนาการ
สำหรับ คล็อปป์ และ กวาร์ดิโอล่า การเซ็นสัญญากับผู้เชี่ยวชาญหมายเลข 9 แสดงให้เห็นถึงสิ่งใหม่ บางสิ่งบางอย่างที่แตกต่าง
ทั้ง ลิเวอร์พูล และ ซิตี้ ต่างก็ประสบความสำเร็จมากมายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยที่ไม่ต้องมีกองหน้าอาชีพแบบดั้งเดิม แต่ทั้งคู่ก็ได้เปลี่ยนแนวทางในซัมเมอร์นี้ และอนุญาตให้ผู้เล่นคนสำคัญอย่าง ซาดิโอ มาเน่ และ ราฮีม สเตอร์ลิง ย้ายออกไป
นูนเญซ และ ฮาแลนด์ จะตั้งหลักได้เร็วแค่ไหน และเพื่อนร่วมทีมใหม่ของพวกเขาจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับกองหน้าคนใหม่ได้เร็วแค่ไหน นั่นอาจเป็นตัวตัดสินการแข่งขันในฤดูกาลนี้
ลิเวอร์พูล และ ซิตี้ มีสไตล์การเล่นที่ชัดเจนที่สุดในลีก บางทีอาจจะชัดเจนที่สุดในยุโรปเลยก็ว่าได้ และเป็นเรื่องน่าสนใจที่จะได้เห็นว่าพวกเขาจะทำกันได้ดีมากแค่ไหน และอย่างไร
"พวกเขามีปัญหาเดียวกับที่เรามี" คล็อปป์ กล่าวในสัปดาห์นี้ เมื่อถูกถามถึงความเหมือน และแตกต่างระหว่างเด็กใหม่ทั้งสองคน
"พวกเขาไม่คุ้นเคยกับการวิ่งตามธรรมชาติของ เออร์ลิง เช่นเดียวกับเราที่ยังไม่คุ้นเคยกับการวิ่งของ ดาร์วิน"
กวาร์ดิโอล่า ก็คงคาดหวังถึงช่วงเวลาของการปรับตัวเหมือนกัน แม้จะหล่นความเห็นล่าสุดว่า "เราจะป้อนบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้"
นั่นอาจชี้ให้เห็นถึงคำแนะนำจากเขาถึงทีมตัวเองที่ไม่ต้องมีอะไรที่ซับซ้อนจนเกินไป
ที่ ซิตี้ เขาได้สร้างโลกที่ผู้เล่นตัวริมเส้นอย่าง สเตอร์ลิง หรือ ฟิล โฟเด้น ได้รับความไว้วางใจให้เป็นศูนย์กลางของเกมรุก
แจ็ค กรีลิช ก็เคยถูกใช้งานมาแล้วในซีซั่นก่อน เควิน เดอ บรอยน์, แบร์นาร์โด็ ซิลวา หรือแม้กระทั่ง อิลคาย กุนโดกัน ต่างก็รับบท 'ฟอลส์ไนน์' มาหมดแล้ว
ในขณะเดียวกัน กองหน้าอาชีพ เช่น กาเบรียล เชซุส และแม้แต่ เซร์คิโอ อเกวโร่ ผู้ยิ่งใหญ่ที่เป็นถึงดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสโมสรก็ต้องพอใจกับบทบาทของตัวเองในทีม หรือกรณีของ เชซุส ที่กลายเป็นถูกจับใช้งานตรงริมเส้นเลย
ในทางกลับกัน ระบบของ ลิเวอร์พูล ถูกสร้างขึ้นรอบตัว โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ มาเป็นเวลานาน บางทีเขาอาจเป็นผู้เล่นยุคโมเดิร์นที่เกี่ยวข้องกับบทบาท 'ฟอลส์ไนน์' มากที่สุดแล้ว
ด้วยความปรารถนาที่จะวิ่งบีบพื้นที่ และความจริงที่ว่าสัญชาตญาณตามธรรมชาติของเขาคือพุ่งหาลูกบอล นั่นเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ มาเน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ประสบความสำเร็จในฐานะกองหน้าริมเส้น ซึ่งทำให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน กลายเป็นศูนย์กลางการปั้นเกมของทีมด้วย
อย่างที่ คล็อปป์ ยอมรับอย่างง่ายดายว่า นูนเญซ เป็นกองหน้าที่แตกต่างออกไป เขาทำไป 34 ประตู ให้ เบนฟิก้า เมื่อฤดูกาลที่แล้ว และเป็นนักเตะที่เล่นในกรอบเขตโทษมากกว่าทั้ง ฟีร์มีโน่ และ ดีโอโก้ โชต้า
เขาทำได้ดีในโปรตุเกส เมื่อตัดจากกราบซ้ายเข้าตรงกลาง แต่ด้วยการที่ หลุยส์ ดิอาซ ได้ตอกย้ำบทบาทนั้นนับตั้งแต่ที่เขามาจาก ปอร์โต้ ในเดือนมกราคม เราจึงคาดได้เลยว่าจะได้เห็น นูนเญซ ทำงานตรงกลางเป็นส่วนใหญ่
เมื่อรวมกับความชอบของหัวหอกคนใหม่ที่จะวิ่งทะลุขึ้นหน้าแทนที่จะเป็นการวิ่งสั้นๆ เปิดช่องการโจมตีใหม่ๆ ให้ ลิเวอร์พูล แม้ว่ามันอาจจะมีปริศนาใหม่ให้ต้องแก้ไขด้วย
นูนเญซ อาจต้องการเวลาก่อนที่เราจะได้เห็นเขาเล่นอย่างเต็มความสามารถ และก็เช่นเดียวกับ ฮาแลนด์ แม้ตามสายตาทั่วไปแล้วหัวหอกชาวนอร์เวย์มีระดับที่สูงกว่า และน่าเชื่อใจมากกว่า เนื่องจากประตูที่เขาทำให้กับ ดอร์ทมุนด์, ซัลซ์บวร์ก และทีมชาติในช่วง 3 ฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งนั่นเป็นเรื่องยากที่จะโต้แย้ง
เมื่อคืนวันเสาร์ เราได้เห็นสองเด็กหนุ่มที่ไม่มีใครรู้จักการกรุงล็อดซ์มีอนาคตมาถึง เลสเตอร์ ซึ่งทั้ง นูนเญซ และ ฮาแลนด์ ก็เดินทางมาไกลมากในช่วงเวลาแค่ 3 ปี
แต่ของจริงอย่างพรีเมียร์ลีกมันกำลังรอแข้งเบอร์ 9 อาชีพทั้งสองรายให้มาพิสูจน์ตัวเองอยู่
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT