คนใกล้ตัว
แต่ก็เป็นเรื่องดีที่ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะได้ใช้เวลาพักฟื้นทั้งร่างกาย และจิตใจ หลังกรำศึกหนักมาติดๆ ในช่วงก่อนหน้านี้
กว่าจะถึงศึกพรีเมียร์ลีกโปรแกรมหน้า นัดล่าสุดของ ลิเวอร์พูล ก็คือเกมแชมเปี้ยนส์ลีกที่แหย่ขาเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศไปแล้วข้างนึง
พวกเขาโชว์เพลงแข้งบุกถล่ม ปอร์โต้ 5-0
ย้อนกลับไปก่อนหน้าถ้าบอกหงส์แดงจะแรงฤทธิ์ถึงขนาดบุกชนะก็ถือเป็นงานยากแล้ว แต่นี่เล่นรัวยิงทำเอากองเชียร์อ้าปากค้างจนยูงเข้าไปบินเล่นกันเลยทีเดียว
โอเค แนวรุกแสนจัดจ้านทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ ต่างมีชื่อบนสกอร์บอร์ด โดยเฉพาะดาวเตะเซเนกัลที่ทำแฮตทริกได้ด้วย
แต่หนึ่งในคนที่ได้รับเสียงชื่นชมอย่างมากกลับเป็น เจมส์ มิลเนอร์
ทวนเข็มนาฬิกากลับไป ครั้งหนึ่ง ฟาบิโอ คาเปลโล่ ซึ่งขณะนั้นคุมทีมชาติอังกฤษเคยหล่นวาจาไว้เมื่อปี 2008 ว่า "เจมส์ มิลเนอร์คืออนาคตของผม"
ผู้คนต่างเย้ยหยันลั่นหัวเราะกับสิ่งที่นายใหญ่ชาวอิตาเลี่ยนพูดถึงดาวเตะที่มีวัยเพียง 22 ปีในตอนโน้นอย่าง มิลเนอร์ ซึ่งกำลังวาดลวดลายกับ แอสตัน วิลล่า
แต่ความเป็นจริง มิลเนอร์ นั้นไม่เคยเป็นอนาคตสำหรับทัพสิงโตคำรามเลย แม้เขาจะเคยชูรางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ เมื่อปี 2009-10 มาก่อนก็ตาม
ดาวเตะที่ปัจจุบันอยู่บนวัย 32 ปี มีชื่อเสียงโดดเด่นในเรื่องของความขยัน และการทำงานหนักอย่างเสมอต้นเสมอปลาย
มันเป็นแบบนั้นเรื่อยมาตั้งแต่อดีตจนถึงทุกวันนี้ เขาเป็นนักเตะคนสำคัญสำหรับ ลิเวอร์พูล แต่ไม่เคยเป็นคนที่ทีมจะขาดไปไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในซีซั่นนี้ที่เขาต้องเสียตำแหน่งตัวจริงไปหลายครั้ง
ทว่านับจากเกมที่เขาปล่อยของอย่างเต็มที่นัดชนะ ปอร์โต้ บางทีนี่อาจเป็นจิ๊กซอว์ตัวสำคัญสำหรับช่วงที่เหลือของฤดูกาลนี้
ไม่ใช่เรื่องน่าเซอร์ไพรส์หรอกที่บรรดาสื่อทั้งโซเชียล และหนังสือพิมพ์จะมีแต่ชื่อของ ซาลาห์, มาเน่ หรือ ฟีร์มีโน่ บนหัวใหญ่
ขณะที่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ก็ได้รับคำชมอย่างมากสำหรับการคุมแนวรับได้อยู่หมัด ส่วนฟูลแบ็กทั้ง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ก็เติมเกมได้อย่างน่าตื่นตา
แต่หากวัดถึงประสิทธิภาพ มิลเนอร์ คือคนที่น่าประทับใจที่สุดแล้วในแดนกลางวันนั้น
บางคนส่งเสียงบ่นหลังไม่เห็นชื่อ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ในทีมชีต เนื่องจากมองว่าเขาน่าจะดีกว่า วูบวาบกว่า และเล่นเกมบุกหลากหลายกว่า
ทว่าจนถึงตอนนี้ อดีตดาวเตะอาร์เซน่อลก็ยังมีเครื่องหมายคำถามอยู่มากมายว่าอะไรกันคือความเก่งกาจของเขา
บนสภาพพื้นสนามที่เปียกแฉะท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายในเอสตาดิโอ โด ดราเกา มิลเนอร์ เล่นได้อย่างดุดันโดยเขาเอาชนะได้ทั้ง 4 ครั้งที่เข้าแท็คเกิ้ล รวมถึงยังมีเปอร์เซ็นต์ผ่านบอลแม่นยำถึง 81.8 เลยทีเดียว มันทำให้เราได้เห็นเขาทำงานร่วมกับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ จีนี่ ไวนัลดุม อย่างเนียนตา
ใครกันวิ่งไม่รู้จักเหนื่ย
ใครกันคอยช่วยแนวรับ
ใครกันคอยตัดเกม
ใครกันคอยเติมเกมรุก
คำตอบทั้งหมดรวมไว้ที่ มิลเนอร์ เพียงคนเดียวในแมตช์นั้น
น่าเสียดาย กองกลางพลังช้างสารน่าจะมีชื่อทำประตูในนัดนี้ แต่โชคร้ายที่ลูกยิงสุดสวยของเขาไปชนเสา
สถิติแอสซิสต์ 7 ครั้งในแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลนี้ทำให้เขาขึ้นนำเป็นเบอร์หนึ่งแบบเดี่ยวๆ แล้ว
ขนาดเหล่าดาราดังอาทิ ลีโอเนล เมสซี่ (1), คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (1), เอแด็น อาซาร์ (3), เนย์มาร์ (4) และ เควิน เดอ บรอนย์ (4) ยังต้องหลีกทางให้
หากจะหานัดไหนดีที่สุดของ มิลเนอร์ ในสีเสื้อหงส์แดง ก็คงต้องบอกว่าเกมกับ ปอร์โต้ ติดชาร์จอย่างแน่นอน
นั่นแสดงให้เห็นว่ามันคุ้มค่าแค่ไหนที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เซ็นสัญญาเขาเข้ามาเมื่อมิถุนายน 2015 แบบไร้ค่าตัว
"เราต้องจัดการสิ่งต่างๆ ในเกมให้ดีขึ้น เราได้พูดคุยกันถึงเรื่องนี้มาตลอด 2-3 เดือนในฐานะทีม รวมถึงผู้จัดการทีมก็ด้วย"
"เรายังคงบุก บุก และก็บุก แต่ตอนนี้เรามีการจัดหลังบ้านที่ดีขึ้น เรามีการปรับปรุง และนั่นคือสิ่งยอดเยี่ยมที่สุด"
นั่นคือคำกล่าวของอดีตดาวเตะทีมชาติอังกฤษหลังเกมที่ดราเกา
มิลเนอร์ ไม่ใช่คนที่เพอร์เฟ็กท์ แต่ตลอด 3 ปีที่ผ่านมาในเมอร์ซี่ย์ไซด์เขาก็ได้พิสูจน์ตัวเองให้เห็นมาแล้วว่าสำคัญกับทีมมากแค่ไหน
เขาไม่ใช่พวกที่เอาแต่หมกมุ่นกับสื่อสังคม, แฟชั่น, ความหรูหราเหมือนคนทั่วไป ถ้าเปรียบเทียบกันเขาแตกต่างจาก ปอล ป็อกบา อย่างสิ้นเชิง ฟุตบอลเท่านั้นคือสิ่งที่ มิลเนอร์ มุ่งสมาธิ
หลายคนอาจยังเสียดายกับการสูญเสีย ฟิลิเป้ คูตินโญ่ ไปในช่วงต้นปี แถมซ้ำร้ายกว่านั้นกลับไม่ได้ใครมาแทนที่ด้วย
แต่บางที พวกเขาเหล่านั้นอาจลืมไปแล้วว่าเรายังมีคนที่พร้อมสู้ตายถวายหัวอย่าง มิลเนอร์ อยู่ใกล้ๆ ตัว
หากจะหาคนที่ให้สมดุลย์ในแดนกลาง ดาวเตะวัย 32 ปีทำได้ดีไม่ได้เป็นสองรองใครแน่
และหมากล่าสุดของ คล็อปป์ ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าดีเลิศประเสริฐศรีแค่ไหน
ถึงตรงนี้ เหล่าเดอะ ค็อป อาจหวังไกลถึงการชูถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก แต่สำหรับหงส์แดง พวกเขาคงไม่ได้คิดเยอะอย่างจริงจังขนาดนั้น
เป้าหมายแรกก็คือการพาตัวเองไปจบท็อปโฟร์ให้ได้เหมือนฤดูกาลก่อน
มิลเนอร์ อาจเป็นฟันเฟืองสำคัญตัวนั้นกับโปรแกรมหนักที่รออยู่
หากคุณได้ดูเกมถล่ม ปอร์โต้ คุณจะไม่แปลกใจเลย ว่าทำไมกองกลางธรรมดาๆ คนนี้ถึงได้รับความเคารพอย่างสูง
มันไม่ใช่แค่จากทั้งกุนซือ หรือเพื่อนร่วมทีม
แต่คู่แข่งเองก็ยังต้องยอมก้มหัวให้กับเขาเลยด้วย
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT