เกิดอะไรขึ้นกับ 'ไอ้เด'

ดาวเตะวัย 26 ปี เพิ่งย้ายมายัง ทอฟฟี่ เมื่อต้นปี 2022 นี้เอง แต่กลับไม่ได้รับความนิยมในถิ่นกูดิสัน พาร์ค ภายใต้การคุมทัพของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด

สำหรับหลายๆ คน การสลับขั้วศักยภาพที่ควรจะอยู่ในระดับสูงของเขาอาจเป็นเรื่องน่าประหลาดใจ บางทีมันอาจมาจากวิธีการเปิดฉากกับ สเปอร์ส และจากนั้นก็ฟุตบอลโลกกับทีมชาติอังกฤษ

กับคนอื่นๆ อาจมีความรู้สึกเศร้าเล็กน้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ และมันก็ไม่น่าแปลกใจเลยถ้า โชเซ่ มูรินโญ่ อดีตนายใหญ่ของ เดเล่ จะอยู่ในหมวดหมู่นั้นด้วย

"ผมคิดว่าวันหนึ่งคุณจะเสียใจถ้าคุณไปไม่ถึงสิ่งที่คุณมีได้ คุณควรมีความต้องการมากกว่านี้" นั่นคือสิ่งที่ มูรินโญ่ บอกกับ เดเล่ ในช่วงปี 2019-20 ผ่านสารคดีเรื่อง All or Nothing ของ Amazon โดยกลัวว่าตัวรุกอนาคตไกลจะไม่ได้รับสิ่งที่ดีที่สุดจากตัวเอง

คำพูดของ มูรินโญ่ ไม่ได้ไร้อารมณ์ และคุณสามารถเห็นได้จากการระมัดระวังของเขา ซึ่งในที่สุดกุนซือชาวโปรตุเกสก็หมดหวังที่จะสร้างพลังงานให้กับผู้เล่นที่ถูกยกย่องว่าเป็นแข้งอายุน้อยที่ดีที่สุดของอังกฤษ

เดเล่ เติบโตอย่างรวดเร็วจากลีกระดับล่าง และเขาก็เริ่มดึงดูดความสนใจจากเหล่าสโมสรใหญ่ เมื่อเป็นตัวเอกในเกมลีก คัพ ปี 2014 ที่ เอ็มเค ดอนส์ ช็อกโลกถล่ม แมนฯ ยูไนเต็ด ของ หลุยส์ ฟาน กัล 4-0

เพียง 5 เดือนถัดมาในตลาดเดือนมกราคม เขาได้เซ็นสัญญากับ สเปอร์ส และถูกปล่อยยืมกลับไปเล่นกับทีมเก่าในช่วงที่เหลือของซีซั่น จากนั้นฤดูกาล 2015-16 เขาก็สร้างความประทับใจให้กับทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เป็นอย่างมากในช่วงปรีซีซั่นที่พบ เรอัล มาดริด และ เอซี มิลาน

จากนั้น ดาวเตะวัย 19 ปี ก็ตั้งใจที่จะค่อยๆ แทรกซึมเข้ามาปรากฎตัวในทีมชุดใหญ่ แต่เขาลุกออกจากม้านั่งสำรองลงมาทำประตูได้ตั้งแต่เกมที่สองของตัวเองกับทีมในนัดพบ เลสเตอร์ ซึ่งเป็นแชมป์ลีกในปีนั้น

หลังผ่านไป 4 นัด ไก่เดือยทอง ยังไม่ชนะใครเลย และเขาก็ถูกโยนลงในรายชื่อตัวจริง โดยช่วยให้ทีมของ โปเช็ตติโน่ คว้าชัยชนะเกมแรกเหนือ ซันเดอร์แลนด์ 1-0 ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้นแรก และเขาก็ไม่เสียมันไปเลยตลอดทั้งฤดูกาลที่เหลือ

การเติบโตของเขาจากจุดนั้นถือว่าทวีคูณ เพียงหนึ่งเดือนให้หลังจากการประเดิมสนามให้ ท็อตแน่ม แบบเต็มตัว เขาก็ลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษเป็นครั้งแรกในช่วง 2 นาทีสุดท้ายของเกมยูโร 2016 รอบคัดเลือก ที่ชนะ เอสโตเนีย

อีกหนึ่งเดือนจากนั้น รอย ฮ็อดจ์สัน นายใหญ่ทัพ สิงโตคำราม ก็ให้เขาลงตัวจริงในเกมอุ่นเครื่องกับ ฝรั่งเศส ซึ่งเขาก็ทำประตูได้ด้วย และจากผลงานที่ยอดเยี่ยมในเกมนั้น เขาก็พบว่าตัวเองกลายเป็นผู้เล่น 11 ตัวจริงที่ ปู่รอย ชื่นชอบ

เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล เดเล่ ลงเล่นให้ สเปอร์ส เกือบ 50 นัด ทำไป 10 ประตู และ 9 แอสซิสต์ และเป็นแกนหลักที่นำทีมลุ้นแชมป์ลีกก่อนจะจบด้วยอันดับ 3 ซีซั่นของเขาถูกเน้นย้ำด้วยประตูอันน่าทึ่งในเกมกับ คริสตัล พาเลซ ซึ่งเขากระดกบอลข้ามกองหลัง ก่อนจะม้วนไปวอลเลย์เต็มตีนจากระยะ 25 หลา

ที่น่าประทับใจมากก็คือฤดูกาลแรกในพรีเมียร์ลีก เขาได้รับรางวัลผู้เล่นดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอ

อีกก้าวที่ยิ่งใหญ่ตามมาเมื่อเขาเล่นทัวร์นาเมนต์ใหญ่ครั้งแรกในยูโร 2016 แต่ทีมชาติอังกฤษกลับล้มเหลว เมื่อตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ด้วยการแพ้ ไอซ์แลนด์ อย่างน่าอับอาย

นั่นคือจุดเริ่มต้นหายนะของ เดเล่ งั้นเหรอ? ไม่ใช่เลย เขากลับท็อปฟอร์มยิ่งกว่าเดิมด้วยการพังประตูให้ สเปอร์ส ได้มากมายในฤดูกาลถัดมา ซึ่งเป็นการพิสูจน์อีกครั้งว่าเขามีส่วนสำคัญในการลุ้นแชมป์ลีก และสุดท้ายก็ได้รองแชมป์ด้วยการมีคะแนนตามหลัง เชลซี เท่านั้น มันเป็นอันดับสูงที่สุดของ สเปอร์ส ในลีกสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1963 เลยทีเดียว

ทีมของ โปเช็ตติโน่ ไม่แพ้ในบ้านเลยตลอดทั้งฤดูกาลสุดท้ายที่ลงเล่นที่ไวท์ ฮาร์ท เลย และมันก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ เดเล่ ทำผลงานได้ดีที่สุดในซีซั่นนี้ ด้วยการทำไป 22 ประตู จาก 50 เกม พร้อมกับอีก 13 แอสซิสต์

มันเป็นอีกครั้งที่เขาได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นดาวรุ่งแห่งปีของพีเอฟเอ โดยได้รับรางวัลนี้เป็นปีที่สองติดต่อกันเช่นเดียวกับ ไรอัน กิ๊กส์, ร็อบบี้ ฟาวเลอร์, เวย์น รูนี่ย์ และล่าสุดก็ ฟิล โฟเด้น

อัลลี่ อายุ 21 ปี เมื่อสิ้นฤดูกาลนั้น และการเปรียบเทียบของเขากับสตาร์คนอื่นๆ ยิ่งทำให้แฟนบอล ไก่เดือยทอง และทีมชาติอังกฤษมีกำลังใจขึ้นไปอีก

ในอายุนั้น เขาทำได้ 26 ประตู และ 14 แอสซิสต์ ในพรีเมียร์ลีก หลังผ่านไป 63 เกม นั่นทำให้เขามีสถิติดีที่สุดเหนือกว่าสุดยอดแข้งอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, พอล สโคลส์ และ เดวิด เบ็คแฮม เสียอีก

ความสำคัญของเขาต่อ สเปอร์ส และทีมชาติอังกฤษยังคงดำเนินต่อไปในปีถัดมา โดยเขาทำได้ 2 ประตูในชัยชนะครั้งแรกของ สเปอร์ส ในพรีเมียร์ลีกที่บ้านของ เชลซี และปี 2018 เขาก็เป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติอังกฤษที่เข้าถึงรอบรองชนะเลิศฟุตบอลโลก เป็นครั้งแรกในรอบ 28 ปี โดยทำประตูในเกมชนะ สวีเดน 2-0 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ด้วยลูกโหม่งที่ยอดเยี่ยม

แม้กระทั่งปี 2018-19 เขาก็ยังคงเป็นผู้เล่นคนสำคัญของ สเปอร์ส แต่จำนวนประตู และแอสซิสต์กลับเริ่มเหือดแห้งลง มันเหลือเพียง 7 ลูก และ 8 แอสซิสต์ ตลอดทั้งฤดูกาล โดยที่เจ้าตัวก็ต้องต่อสู้กับปัญหาบาดเจ็บเอ็นหลังหัวเข่า และต้นขา ซึ่งหลังเดือนมกราคม ปี 2019 เขาต้องพลาดเกมลีกไปถึง 6 นัดเลยทีเดียว

แต่มันก็เหมือนเป็นจุดเริ่มต้นของความเสื่อมโทรมของเขาที่ สเปอร์ส เพราะเขาไม่เคยกลับมาเล่นได้อย่างท็อปฟอร์มให้สโมสรอีกเลย อย่างน้อยก็ปลายยุคของ โปเช็ตติโน่

หลังจากฟอร์มที่ไม่น่าจดจำในนัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก ที่แพ้ ลิเวอร์พูล ระดับการค้าแข้งในอังกฤษของเขาก็หยุดชะงักลงอย่างกระทันหัน

เขามีส่วนร่วมในเกมยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ที่แพ้ ฮอลแลนด์ ในรอบตัดเชือก ก่อนที่จะเป็นตัวจริงในเกมชนะ สวิตเซอร์แลนด์ ช่วงดวลจุดโทษของนัดชิงที่สาม มันเป็นการติดทีมชาตินัดที่ 37 ของเขา และตอนนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นเกมสุดท้ายด้วย

โปเช็ตติโน่ และรูปแบบไดมอนด์ของเขากับ สเปอร์ส ในช่วงปลายปี 2019 ไม่ได้ช่วยอะไร และ โชเซ่ มูรินโญ่ ก็เข้ามา และผลการแข่งขันในช่วงต้นก็เหมือนจะเป็นสิ่งที่ เดเล่ ต้องการ เขาทำ 3 ประตู และ 3 แอสซิสต์ จาก 4 เกมแรกในยุคกุนซือโปรตุเกส ซึ่งดูเหมือนจะเป็นการกลับมาของเขาแล้ว

แต่มันก็ไม่ใช่ฟอร์มที่ยั่งยืน ฟอร์มของเขาดิ่งเหวอีกครั้ง และ มูรินโญ่ ก็เริ่มหงุดหงิดกับเขา กระทั่งจุดจบมาถึง เมื่อเขากุนซือโปรตุเกสบอกเขาตรงๆ ว่าเขาเป็นคนขี้เกียจในการซ้อมต่อหน้าบรรดาเพื่อนร่วมทีมระหว่างการประชุมทีม

หนึ่งปีผ่านไป นับตั้งแต่ที่ มูรินโญ่ มาถึง เขากลายเป็นผู้เล่นชื่อดังที่แทบไม่ได้ทำอะไรในพรีเมียร์ลีก และยังล้มเหลวในการแสดงความโดดเด่นในแต่ละเกมที่มีโอกาสลงสนามด้วย

ในเกมลีก คัพ รอบก่อนรองชนะเลิศที่ สโต๊ค เขาถูกเปลี่ยนตัวในช่วงครึ่งหลัง หลังจากโชว์ฟอร์มได้อย่างน่าเศร้า นั่นทำให้เขาระเบิดอารมณ์ด้วยการเตะที่วางขวดน้ำตอนกำลังเดินออกมาที่ข้างสนาม

ปัญหาก็คือ ตอนที่ มูรินโญ่ ถูก สเปอร์ส ไล่ออกในเดือนเมษายน ปี 2021 ความหวังที่มียิ่งจางหายลงไปอีก เมื่อเขาไม่ได้ประสบความสำเร็จในการฟื้นตัวกับทั้ง ไรอัน เมสัน และ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต ที่มาคุมทีมช่วงสั้นๆ ได้เลย

การแต่งตั้ง อันโตนิโอ คอนเต้ ยิ่งพิสูจน์ว่าไม่เป็นผลดีของ เดเล่ เขาแทบไม่มีโอกาสอะไรเลยภายใต้ความต้องการทางกายภาพที่สุดโหดของกุนซือชาวอิตาเลี่ยน

ภายในเวลาไม่ถึง 5 ปี หลังจากถูกยกให้เป็นสตาร์ดวงใหม่ และเป็นผู้เล่นสำคัญของทีมชาติอังกฤษที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เคยจับตามอง เดเล่ อัลลี่ ก็ถูกกระโดดถีบออกจาก ไก่เดือยทอง ในต้นปีนี้ด้วยการย้ายไปยัง เอฟเวอร์ตัน แบบไร้ค่าตัวในขั้นต้น นั่นคือความพยายามที่ชัดเจนว่า สเปอร์ส พร้อมทำทุกอย่างเพื่อบอกเลิกเขา

หลายคนหวังว่าการเริ่มต้นใหม่จะทำให้เขากลับมาได้อีกครั้ง แต่เขาไม่เคยแม้แต่จะอยู่ในสายตาของ แลมพาร์ด การลงตัวจริงเพียงเกมเดียวจาก 13 นัดเกิดขึ้นระหว่างเกมที่แพ้ อาร์เซน่อล 1-5 ในวันสุดท้ายของฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งเขาไม่ได้ทำประตู และแอสซิสต์ ในสีเสื้อ ทอฟฟี่ เลย

มันไม่ใช่เรื่องเซอร์ไพรส์เลยที่ เอฟเวอร์ตัน จะเลือกไม่ใช้งาน อัลลี่ ในสภาพที่เป็นอยู่ตอนนี้ เพราะพวกเขาจะต้องจ่ายเงิน 10 ล้านปอนด์ ให้กับ สเปอร์ส หากนักเตะลงเล่นครบ 20 เกม และตอนนี้ ทอฟฟี่ ก็กำลังหาทางเขี่ยมิดฟิลด์รายนี้ออกไปให้ เบซิคตัส แล้ว

ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับผู้เล่นที่สูญเสียเส้นทางค้าแข้งของตนเอง แต่มันก็สร้างความมึนงงกับวิธีที่ เดเล่ ร่วงหล่นลงมาภายในเวลาเพียงแค่ 3 ปี ตอนนี้เขาไม่ใช่แค่เงาของผู้เล่นที่เขาเคยเป็นในวันนั้นของ สเปอร์ส แต่ยังเป็นนักเตะที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงเลยด้วย

การจบสกอร์, ทักษะการครองบอล, ความแข็งแกร่งในการผ่านบอล และความมั่นใจ ทั้งหมดดูเหมือนจะหายไปในชั่วข้ามคืน และคำอธิบายถึงเรื่องนี้ก็มีเพียงเล็กน้อย

หลังฟุตบอลโลกปี 2018 อัลลี่ ทุ่มเททุกอย่างเพื่อสัญญาใหม่มูลค่า 150,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์กับ สเปอร์ส และเขาก็กลายเป็นคนดังนอกสนาม โดยมักไปปรากฎตัวที่งานประกาศรางวัลด้านดนตรีต่างๆ

แม้ว่านั่นจะไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในเรื่องชื่อเสียงภายในเวลาเพียง 3 ปี ถือเป็นการทดสอบจิตใจสำหรับมนุษย์ทุกคน และเป็นการยากที่จะคำนวณว่าเขาละสายตาจากพัฒนาการของตัวเองไปมากเพียงใดในฐานะนักฟุตบอล

นอกสนามเขาก็ไม่ได้เจอเวลาที่ง่ายเหมือนกัน เมื่อปีที่แล้วเขาแยกทางกับ รูบี้ เม แฟนสาว โดยมีรายงานบางฉบับถึงกับบอกว่าเพราะเขาเล่นเกมออนไลน์ Fortnite มากเกินไป

พวกเขาอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ปี 2016 แม้ว่าจะมีเลิกกันไปชั่วครู่ในปี 2019 ก่อนที่จะคืนดีกันอีกครั้งในปี 2021

ตั้งแต่นั้นมา เขาก็ถูกจับภาพว่าออกเดทกับ มาเรีย ลูกสาวของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า

ย้อนกลับไปในเดือนพฤษภาคม ปี 2020 อัลลี่ และ รูบี้ เม ก็ถูกโจรถือมีด 2 คนบุกปล้นที่บ้านในกรุงลอนดอน โดยเขาได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยที่ใบหน้า และต้องเสียนาฬิกา รวมถึงเครื่องประดับไปในเหตุการณ์นั้น

การย้ายไปเล่นในประเทศอื่นอาจเป็นวิธีเดียวที่ เดเล่ จะสามารถกลับคืนฟอร์มในสนาม และเริ่มฟื้นฟูอาชีพที่้เขารู้สึกเหมือนอยู่ในสภาวะเสื่อมโทรมมาเกือบ 4 ปีแล้วขึ้นมาใหม่

เรื่องของเวลาก็ยังคงอยู่เคียงข้างเขา เพราะอายุ 26 ปี เขายังสามารถพัฒนาตัวเองในฐานะนักฟุตบอล และกลับมาอยู่ในจุดสูงสุดได้

แต่กับ สเปอร์ส และตอนนี้ก็ เอฟเวอร์ตัน ต่างหันหลังให้เขาไปหมดแล้ว อดีตดาวเตะทีมชาติอังกฤษจำเป็นต้องหยุดการดิ่งลงเหวของตัวเองให้ได้เร็วเพื่อทะยานพุ่งขึ้นฟ้าให้ได้อีกครั้ง