เมื่อ เทรนท์ ไม่อินเทรนด์
ไม่ว่าคุณจะเลือกยืนอยู่ฝั่งไหนในการอภิปรายที่กว้างขวางของ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทั้งความอัจฉริยะในเกมรุก, ความรับผิดชอบในเกมรับ หรือตรงไหนสักอย่างระหว่างนั้น?
ดูเหมือนว่าทุกคนจะมีความเห็นเป็นของตัวเอง
ฟร้องค์ เลอเบิฟ เป็นคนล่าสุดที่พูดเรื่องเขา โดยอดีตกองหลังทีมชาติฝรั่งเศส ลงความเห็นถึงพรสวรรค์ของแบ็กขวา ลิเวอร์พูล ที่ไม่ค่อยดีนัก
"ผมชอบการเล่นเกมรุกของเขา แต่ในด้านเกมรับน่ะเขานี่ระดับแชมเปี้ยนชิพเลย"
มันรุนแรงใช่ไหม? แต่คำแนะนำของ เลอเบิฟ ในการสัมภาษณ์นั้นก็ได้ยก โรแบร์โต้ คาร์ลอส เป็นต้นแบบของกองหลังยุคใหม่ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับความคิดเห็นนั้น และไร้ข้อมูล
แน่นอน ความสามารถในเกมรับของ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยังคงเป็นประเด็นร้อน ยิ่งกว่านั้นกับการที่ ลิเวอร์พูล ออกสตาร์ทซีซั่นได้ไม่ดีนัก และการต่อสู้ของดาวเตะวัย 23 ปี เพื่อที่จะเข้าไปอยู่ในทีมชาติอังกฤษ
มันเป็นเบรกทีมชาติที่น่าผิดหวัง เมื่อ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เป็นตัวสำรองที่ไม่ได้ลงเล่นในเกมที่แพ้ อิตาลี เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ก่อนที่เขาจะถูกหั่นชื่อออกจากทีมในเกมเสมอ เยอรมัน ทีเวมบลีย์ ในคืนวันจันทร์
มันเป็นเรื่องน่าเป็นห่วง อย่างน้อยที่สุดก็คือ เซาธ์เกต เตรียมประกาศรายชื่อทีมที่จะลุยฟุตบอลโลกภายในเวลาไม่ถึง 6 สัปดาห์ข้างหน้า และดูเหมือนว่า รีซ เจมส์, ไคล์ วอล์คเกอร์ และ คีแรน ทริปเปียร์ จะเป็นบรรดาตัวเลือกก่อนหน้าฟูลแบ็ก หงส์แดง
มันตรงกันข้ามกับช่วงอาชีพของเขาที่ ลิเวอร์พูล การเดินทางของ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ เป็นโชคชะตาที่ผสมปนเปกันไป
เขาประเดิม และลงเล่นในฟุตบอลโลกด้วยวัยทีนเอจเมื่อปี 2018 โดยทำประตูแรกในนามทีมชาติไม่นานหลังจากนั้น แต่ 4 ปีที่ผ่านมาเขาเพิ่งจะได้ลงเล่นให้ สิงโตคำราม ไปเพียง 17 เกมเท่านั้น
มันน้อยเกินไปสำหรับผู้เล่นที่เปี่ยมไปด้วยความสามารถดังกล่าว ผู้ที่คว้าแชมป์มาหมดแล้วในระดับสโมสร ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อให้ติดทีมยอดเยี่ยมแห่งปีของพีเอฟเอมาถึง 3 จาก 4 ซีซั่นหลังสุด และผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลบัลลงดอร์ในเดือนสิงหาคม
เซาธ์เกต อาจไม่เชื่อใจเขา หรือพูดให้ถูกก็คือ อาจไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับเขาดี แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไม อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ถึงมีความสำคัญกับ ลิเวอร์พูล แม้ว่าฟอร์มของเขาจะไม่ค่อยดีนัก
"เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก" เกล็น จอห์นสัน อดีตกองหลัง หงส์แดง กล่าว
"สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือเขาตั้งมาตรฐานไว้สูงมาก และเมื่อใดก็ตามที่เขาทำไม่ได้ดีที่สุด ผู้คนต่างก็กระหายที่จะกระโดดลงมาขย้ำเขา"
"ผู้คนจำต้องเลิกโหมความคาดหวังไปที่เขา ถอยออกมาหน่อย จำไว้ว่าเขายังเด็กมาก และให้เวลาเขาสักหน่อยเพื่อกลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุด คุณไม่มีทางเสียคลาสนั้นในชั่วข้ามคืน และ เทรนท์ ก็มีของมากมาย"
หลายอย่างเกิดขึ้นจากการที่ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ขาดสัญชาตญาณในเกมรับ หรือการรับรู้ถึงตำแหน่งอย่างชัดเจนซึ่งสามารถเผชิญหน้ากับผู้เล่นริมเส้นที่ว่องไว และมีคุณภาพสูง แต่ จอห์นสัน พูดจากประสบการณ์เมื่อกล่าวถึงความท้าทายที่ฟูลแบ็กจะต้องเผชิญหน้าเพื่อสร้างสมดุลระหว่างเกมรับ และเกมรุก
"ทุกคนต่างมีดีกว่าในด้านใดด้านหนึ่ง แต่เราไม่อยากเห็น เทรนท์ นั่งเอนหลังเหมือนแบ็กขวายุคเก่า เพราะหลังจากนั้นคุณจะสูญเสียคุณสมบัติอันน่าทึ่งของเขาไปในอนาคต"
"มันเป็นเรื่องของการเรียนรู้พื้นฐาน และการเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมเพื่อลงมือทำ"
มีความรู้สึกในหมู่ทีมงานโค้ชของ หงส์แดง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ คล็อปป์ ที่รู้สึกว่าจุดอ่อนของ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ถูกพูดเกินจริง
"ถ้าใครบอกว่า เทรนท์ เล่นเกมรับไม่ได้ ให้พวกเขามาหาผม และผมจะหวดให้ร่วงเลย" กุนซือชาวเยอรมันกล่าวเมื่อเดือนมีนาคม หลังได้เห็น อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ต่อสู้กับ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ของ อาร์เซน่อล อย่างดุเดือด ในเกมบุกชนะที่เอมิเรตส์ 2-0
"ผมไม่รู้ว่าเขายังจะมีอะไรต้องทำอีกถึงจะพิสูจน์ตัวเองในด้านนั้นได้"
เหล่านักวิจารณ์ชี้ไปที่จำนวนประตูของคู่แข่งที่มาจากความผิดพลาดทางกราบขวาของ ลิเวอร์พูล ไม่ว่าจะเป็นลูกโหม่งของ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ในสัปดาห์แรกของซีซั่น หรือประตูแรกของ เจดอน ซานโช่ ในเกมที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
นาโปลี เองก็เน้นเกมโจมตีทางกราบซ้ายเมื่อช่วงต้นเดือน ขณะที่ย้อนกลับไปในเดือนพฤษภาคมก็เป็นลูกยิงของ วินิซิอุส จูเนียร์ ซึ่งพื้นที่โล่งโจ้งตรงเสาไกลทำให้ เรอัล มาดริด คว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีก
มันเป็นความจริงที่ว่าคู่แข่งต่างๆ มักจะโจมตีฝั่งของ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มากกว่า แอนดี้ โรเบิร์ตสัน ยกตัวอย่างเช่น นิวคาสเซิ่ล โจมตี 61% ทางกราบซ้ายที่แอนฟิลด์ ขณะที่ 56% ก็เป็นการบุกของ บอร์นมัธ ใส่เกมรับฝั่งขวาของ ลิเวอร์พูล ขณะที่ เอฟเวอร์ตัน, ยูไนเต็ด, นาโปลี และ อาแจ็กซ์ ต่างโจมตีไปที่ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ มากกว่า 40%
คำถามที่แท้จริงก็คือมันสำคัญแค่ไหน?
อย่างลืมว่า ลิเวอร์พูล เสียไปเพียง 26 ประตู ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่แล้ว ซึ่งเท่ากับทีมแชมป์อย่าง แมนฯ ซิตี้ พวกเขามีสถิติเกมรับดีที่สุด หรือดีที่สุดร่วมจาก 3 ถึง 4 ฤดูกาลที่ผ่านมา และแม้พวกเขาจะมีฟอร์มที่ไม่ดีเท่าไหร่ในตอนนี้ ก็ยังมีแค่ ไบรท์ตัน เท่านั้นที่โดนยิงน้อยกว่าพวกเขาในลีก
หาก อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ อยู่ในระดับแชมเปี้ยนชิพตามที่ เลอเบิฟ อ้างจริง ส่วนที่เหลือในทีมของเขาก็คงจะชดเชยสิ่งนั้นได้เป็นอย่างดี
และแน่นอนว่าเขาไม่ได้ระดับแชมเปี้ยนชิพในแง่ของเกมรุกแน่ นั่นเป็นคุณค่าที่แท้จริงของเขาที่มีต่อ หงส์แดง การผ่านบอลของเขา, วิสัยทัศน์ และการเล่นลูกตั้งเตะ ทั้งหมดล้วนมีคุณภาพสูงที่สุด และนั่นทำให้เขาโดดเด่นในหมู่ผู้เล่นตำแหน่งดังกล่าว
"เพลย์เมกเกอร์ฟูลแบ็ก" ยูฟ่า กล่าวไว้เมื่อโหวตให้เขาอยู่ในทีมยอดเยี่ยมของซีซั่นในแชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อเดือนพฤษภาคม ที่น่าตลกคือ เซาธ์เกต เป็นหนึ่งในทีมงานที่เลือกด้วย
อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ อาจยังไม่มีแอสซิสต์ในฤดูกาลนี้ โดยเขาทำได้ถึง 18 ครั้งรวมทุกรายการในซีซั่นก่อน แต่ด้วยตัวเลขเบื้องหลังของเขาก็บ่งชี้ว่าอีกไม่นานมันก็คงจะได้รับการแก้ไข
เขาสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมถึง 13 ครั้ง มากที่สุดของผู้เล่นฟูลแบ็กในพรีเมียร์ลีก และจำนวนการแอสซิสต์ที่คาดหวังได้ของเขาก็สูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ในพรีเมียร์ลีก
เขามีสถิติพยายามผ่านบอลขึ้นหน้าต่อ 90 นาทีมากที่สุดในฤดูกาลนี้ ผ่านบอลเข้าพื้นที่แดนสามได้มากที่สุด ผ่านบอลเข้ากรอบเขตโทษมากที่สุด และผ่านบอลสำเร็จมากกว่าใคร แม้กระทั่ง เควิน เดอ บรอยน์
เกมรุกของ ลิเวอร์พูล อาจยังไม่ลงล็อกในตอนนี้ แต่มันก็ยังคงวนเวียนอยู่ตรงแบ็กขวาของพวกเขา และมันก็คงไม่เปลี่ยนแปลงไปในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน
ในความเป็นจริง เราอาจคาดหวังได้ว่าทีมของ คล็อปป์ จะดูดีขึ้นอย่างมากในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยการกลับมาฟิตของ ติอาโก้ อัลกันตาร่า, ฟาบินโญ่ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ซึ่งจะให้มิดฟิลด์มีความสมดุลมากขึ้น ขณะที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็จะกลับไปสู่ท็อปเกียร์อีกครั้ง พร้อมกับ โฌแอล มาติป ที่จะทำให้แนวรับมั่นคงเมื่อยืนคู่กับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์
ปัจจัยทั้งหมดเหล่านี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่อ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ในขณะที่การแข่งขันฟุตบอลโลกจะทำให้แรงจูงใจของเขาเพิ่มมากขึ้น
คุณยังจำการตอบสนองของเขาในครั้งล่าสุดที่ถูก เซาธ์เกต หมางเมินเมื่อ 2-3 เดือนก่อนยูโร 2020 ได้ไหม?
เขากลับสู่ฟอร์ม และช่วยให้ ลิเวอร์พูล จบฤดูกาลได้อย่างแข็งแกร่ง และหากไม่ใช่อาการบาดเจ็บต้นขาก่อนทัวร์นาเมนต์ เขาจะเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่ไปถึงนัดชิงอย่างแน่นอน
จงอย่ามองข้ามการฟื้นคืนชีพที่อาจคล้ายคลึงกันในครั้งนี้ เรื่องของฟอร์มนั้นมันแค่ชั่วคราว แต่เป็นคลาสต่างหากที่คงอยู่แบบถาวร ในโลกฟุตบอลมีนักเตะไม่กี่คนหรอกที่จะเหมือนกับ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์
ถ้า เซาธ์เกต มองไม่เห็นมัน ลิเวอร์พูล อาจเป็นฝ่ายที่ได้ประโยชน์ เพราะการสูญเสียของทีมชาติอังกฤษสามารถเป็นกำไรในฤดูกาลที่เหลือต่อจากนั้นสำหรับพวกเขา
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT