เรื่องราวอันน่าทึ่งของ ฟึลล์ครุก

ความหวังในฟุตบอลโลกของเยอรมันแขวนอยู่บนเส้นด้ายหลังจากที่ทีมของ ฮันซี่ ฟลิค ต้องตามหลัง สเปน 0-1 แต่ฮีโร่ที่โนเนมได้โผล่ออกมาจากม้านั่งสำรองในรูปแบบของกองหน้าวัย 29 ปี จาก แวร์เดอร์ เบรเมน นาม ฟึลล์ครุก

กองหน้ารายนี้ลงมาแทนที่ โธมัส มุลเลอร์ โดยเหลือเวลาอีกราว 20 นาที และเขาก็ใช้เวลาไม่ถึง 10 นาทีในการพา เยอรมัน ตีเสมอ ซึ่งทำให้ความหวังของพลพรรค อินทรีเหล็ก ที่จะผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายที่กาตาร์ยังคงมีอยู่

ฟึลล์ครุก เกี่ยวบอลด้วยเท้าซ้ายก่อนที่จะตะบันเต็มตีนเตี่ยด้วยเท้าขวา และ อูไน ซิมอน ก็ไม่อาจป้องกันได้ ซึ่งทำให้สกอร์กลับมาเท่ากัน 1-1 และช่วยให้ทีมของ ฟลิค ได้แต้มสำคัญ ก่อนเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มกับ คอสตาริกา

ประตูดังกล่าวทำให้ชื่อของ ฟึลล์ครุก โดดเด่นขึ้นมาทันที ทั้งที่เขายังไม่เคยเล่นให้ทีมชาติชุดใหญ่เลยแม้แต่นาทีเดียวเมื่อปีที่แล้ว

เขาคือใคร และทำไมเขาถึงได้มาเล่นฟุตบอลโลก 2020 นี่คือรายละเอียดทั้งหมด

ฟึลล์ครุก เกิดเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ปี 1993 ที่ฮันโนเวอร์ ประเทศเยอรมัน โดยสโมสรที่เคยค้าแข้งก็คือ กรอยเธอร์ เฟือร์ธ, เนิร์นแบร์ก, ฮันโนเวอร์ และปัจจุบัน เบรเมน

หัวหอกรายนี้เข้ามาในระดับเยาวชนของ เบรเมน และตอนนี้เขาก็กลับมายังสโมสรที่เขาเริ่มต้นอาชีพอีกครั้ง หลังไปเล่นกับ กรอยเธอร์ เฟือร์ธ, เนิร์นแบร์ก และ ฮันโนเวอร์

นอกจากนี้ เขายังเคยติดทีมชาติรุ่นยู-18, ยู-19 และยู-20 มาแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ก็ยังไม่เคยเล่นให้ทีมชาติชุดใหญ่มาก่อนเลย

ช่วงเวลาในลีกา สอง ของ ฟึลล์ครุก กับ เนิร์นแบร์ก และ กรอยเธอร์ เฟือร์ธ เขาทำได้ 24 ประตู จาก 85 เกม ก่อนที่จะย้ายไป ฮันโนเวอร์ ในปี 2017-18 แต่ด้วยอาการบาดเจ็บเข่าก็ได้ขัดขวางเส้นทางค้าแข้งของเขา

ฟึลล์ครุก กลับมายัง เบรเมน อีกครั้ง ในปี 2019 และมาอยู่ในสายตาของ ฟลิค ด้วยสถิติการพังประตูกับทัพ นกนางนวล เขาคือเหตุผลสำคัญในการพา เบรเมน เลื่อนชั้นขึ้นมายังลีกสูงสุดเมื่อฤดูกาลที่แล้ว

เจ้าของเสื้อหมายเลข 11 ของ เบรเมน ทำไป 19 ประตู และ 8 แอสซิสต์ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว และยังคงต่อยอดผลงานอันร้อนแรงมาถึงซีซั่นนี้ ซึ่งส่งผลให้เขาติดทีมชาติเยอรมัน โดย ฟึลล์ครุก เป็นดาวซัลโวสูงสุดของบุนเดสลีกา ในตอนนี้ ด้วยการทำไป 10 ประตู จากการลงสนามเพียง 14 นัด

ประตูของเขาทำให้เขาได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือนของบุนเดสลีกา ทั้งเดือนกันยายน และตุลาคม และไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาได้จองหนึ่งที่นั่งของทัพ อินทรีเหล็ก ในการมาลุยกาตาร์

ฟึลล์ครุก เพิ่งจะได้ประเดิมทีมชาติชุดใหญ่ไปเมื่อต้นเดือนนี้เองในเกมอุ่นเครื่องกับ โอมาน และกลายเป็นผู้เล่นเอาต์ฟิลด์ที่ประเดิมนัดแรกที่อายุมากที่สุดให้ทีมชาติเยอรมัน ด้วยวัย 29 ปี 280 วัน

อย่างไรก็ตาม ฟึลล์ครุก ได้แสดงให้เห็นอย่างรวดเร็วว่าเขาทำอะไรได้บ้างด้วยการพังประตูชัยในเกมดังกล่าว

กองหน้า เบรเมน ได้ประเดิมเกมฟุตบอลโลกกับทีมชาติญี่ปุ่นที่เยอรมันแพ้ 1-2 และตามมาด้วยการทำประตูแรกเวิลด์ คัพ ใส่ สเปน ขณะเดียวกันประตูของ ฟึลล์ครุก ยังหมายความว่าเขาเป็นตัวสำรองคนแรกที่ทำประตูในฟุตบอลโลกให้เยอรมัน นับตั้งแต่ที่ มาริโอ เกิทเซ่ ทำได้ในนัดชิงชนะเลิศกับ อาร์เจนตินา เมื่อปี 2014

ก่อนหน้านี้ ฟึลล์ครุก เคยถูกยกไปเปรียบเทียบกับอดีตกองหน้าทีมชาติอย่าง มิโรสลาฟ โคลเซ่ และ มาริโอ โกเมซ และมีชื่อเล่นว่า 'ลึคเก้' (ภาษาเยอรมันแปลว่าช่องว่าง) เนื่องด้วยช่องว่างระหว่างฟันของเขา

ฮันซี่ ฟลิค เทรนเนอร์ทีมชาติมีความสุขที่ได้อธิบายว่าทำไมเขาถึงได้เรียกตัว ฟึลล์ครุก มาติดทีมของเขาสำหรับทัวร์นาเมนต์ที่กาตาร์ หลังจากที่ ทิโม แวร์เนอร์ และ ลูคัส เมช่า ได้รับบาดเจ็บกันหมด

"นิคลาส ก็มีโมเมนตัมกับทีมของเขาเช่นกัน เช่นเดียวกับแนวทางที่เขาทำให้กับทีม ชัดเจนเมื่อคุณเห็นประตูของเขา นั่นคือคำแนะนำที่ผมได้รับจาก โอเล่ แวร์เนอร์ (โค้ช เบรเมน)" ฟลิค กล่าว

นอกจากนี้ นิคลาส ชตาร์ค เพื่อนร่วมทีม เบรเมน ของเขาก็สนับสนุนในการที่ ฟึลล์ครุก ถูกเรียกตัวติดทีมชาติเช่นกัน โดยกล่าวว่า "ฟึลเล่ สามารถกลายเป็นคนสำคัญของทีมชาติได้ เช่นเดียวกับที่เขามีความสำคัญกับเรา แน่นอนว่าอาจมีผู้เล่นที่เทคนิคโดดเด่น (มากกว่าเขา) แต่ถ้าคุณต้องการเล่นแบบเบอร์ 9 คลาสสิก ผมไม่คิดว่าจะมีใครดีกว่านี้แล้ว"

ฟึลล์ครุก เองก็หวังว่าจะมีโอกาสเพิ่มอีกกับฟุตบอลโลก หลังช่วยรักษาความหวังเข้ารอบน็อคเอาต์ให้ เยอรมัน โดยทีมของ ฟลิค จะต้องเอาชนะ คอสตาริกา ในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม และหวังว่า ญี่ปุ่น จะไม่ช็อกใส่ สเปน

หากเป็นไปตามที่เขาคาดหวังไว้ มันก็หมายความว่ายังมีเวลาสำหรับความกล้าหาญเพิ่มเติมจากเบอร์ 9 อาชีพจากเยอรมัน