:::     :::

เมื่อ แรชฟอร์ด ยิ้มออกอีกครั้ง

วันอาทิตย์ที่ 04 ธันวาคม 2565 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
808
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
กองหน้า แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องพบกับช่วงเวลาที่ยากลำบากมาตลอดในช่วงปีที่ผ่านมา แต่ตอนนี้เขากำลังดีขึ้นมาก ซึ่งฟอร์มของเขาที่กาตาร์เน้นย้ำเรื่องนั้นได้เป็นอย่างดี

ในช่วงที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ถูกเปลี่ยนตัวออกในเกมที่ อังกฤษ เอาชนะ เวลส์ เมื่อคืนวันอังคาร แกเร็ธ เซาธ์เกต ได้มอบอ้อมกอดให้กับเขา

และกองหน้ารายนี้ก็ยิ้มออกมา

"ผมคิดถึงมันมา 2-3 ปีแล้ว" ธีโอ วัลค็อตต์ อดีตปีกทีมชาติอังกฤษพูดถึงเขาผ่าน ทอล์คสปอร์ต

ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น แรชฟอร์ด ไม่ได้มีอะไรให้ยิ้มมากนักมาเป็นเวลานานแล้ว

แม้กระทั่งหลังจากพังประตูแรกจากสองลูกในเกมพบ เวลส์ เขาก็ทรุดตัวลงคุกเข่าและชูมือขึ้นสู่สวรรค์เพื่อระลึกถึงเพื่อของเขา การ์ฟิลด์ เฮย์เวิร์ด ผู้ซึ่งพ่ายแพ้ในการต่อสู้กับโรคมะเร็งก่อนเกมเพียงแค่ 2 วัน

รอยยิ้มนั้นอาจน้อยนิด แต่ก็มีความหมาย คนที่เจ็บปวดทั้งใน และนอกสนาม อย่างน้อยก็ได้กลับมาสนุกกับฟุตบอลอีกครั้ง

เช่นเดียวกับ วัลค็อตต์ แรชฟอร์ด เป็นอัจฉริยะที่ฉายแววตั้งแต่วัยรุ่นที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2016

แต่ฮีโร่โฮมโกรว์นก็ไม่ได้มีชีวิตตามคำโฆษณานั้นสักเท่าไหร่ ในยุคที่ไร้ความสามารถทุกระดับในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มีความกังวลว่าศักยภาพของ แรชฟอร์ด จะไม่บรรลุผล

ดังนั้น ปาทริซ เอวร่า อดีตแบ็กซ้าย ผีแดง เขียนไว้ใน เบ็ทแฟร์ ว่า "รอบตัวเขามีความคับข้องใจมากมาย เพราะเรารู้ว่าเขามีความสามารถอะไรบ้าง"

"เมื่อเรานึกย้อนกลับไปตอนที่เขาเริ่มต้นภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล คุณจะเห็นความหลงไหล และวิธีที่เขาฉลองกับเพื่อนๆ"

"ต่อมา เราก็มี แรชฟอร์ด ที่ดูหมกมุ่น และทันทีที่คุณทำแบบนั้น และก่อความผิดพลาดเพียงครั้งเดียว ผู้คนก็พร้อมจะฆ่าคุณ และบอกว่าคุณเป็นนักเตะที่แย่"

มันไม่ได้ช่วยอะไร แรชฟอร์ด และเขาก็ตกเป็นเป้าโจมตีของสื่อเมืองผู้ดีอย่างไม่เป็นธรรม

แกรี่ เนวิลล์ เปรียบเทียบเขากับ เดวิด เบ็คแฮม เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าพวกเขาอยู่ในสายตาของสื่อในระดับที่ใกล้เคียงกัน

มีข้อแตกต่างอยู่ตรงที่ เบ็คแฮม ดึงดูดความสนใจ และคำวิจารณ์เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์คนดังของเขา แต่ แรชฟอร์ด นั้นถูกโจมตีเพราะมุ่งมั่นทำงานด้านการกุศลมากไป

ในช่วงที่ประเทศล็อกดาวน์ นักต่อสู้เพื่อความยุติธรรมทางสังคมของ ยูไนเต็ด ได้ฉะกับรัฐบาลอังกฤษ และได้รับชัยชนะ โดยประสบความสำเร็จในการกดดันให้ บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรี ในเวลานั้นให้จัดหาอาหารฟรีสำหรับเด็กนักเรียนที่ด้อยโอกาส แม้ในช่วงวันหยุดระหว่างการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19

แรชฟอร์ด ได้รับ เอ็มบีอี จากความพยายามของเขา แต่การต่อสู้ของเขาทำให้เขากลับไม่มีสมาธิในสนามฟุตบอล

"นั่นเป็นสิ่งที่ผมต้องเจอในบางครั้ง ไม่ใช่ฟอร์มการเล่นของตัวเอง แต่เป็นเรื่องอื่นๆ นอกสนาม" เขายอมรับกับ สกาย สปอร์ต

"บ่อยครั้งในฤดูกาลก่อนที่ผมไม่ได้อยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสมในเกม"

และมันก็แสดงออกมาให้เห็น

หลังจากทำไป 43 ประตูในทุกรายการตลอด 2 ซีซั่นก่อนหน้า ฤดูกาล 2021-22 แรชฟอร์ด ทำได้เพียง 5 ลูกเท่านั้น

ในขณะที่ ยูไนเต็ด ยังคงอยู่ในสภาวะที่สับสนวุ่นวาย จึงมีการแนะนำว่าการย้ายทีมอาจเป็นสิ่งดีที่สุดสำหรับทั้งสองฝ่าย

อย่างไรก็ตาม การแต่งตั้ง เอริก เทน ฮาก เข้ามาเป็นกุนซือก็ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป

แรชฟอร์ด ได้อธิบายว่านายใหญ่ชาวดัตช์คือความสุขที่ได้ร่วมงานด้วย โดยยกเครดิตให้ผู้จัดการทีมคนใหม่ที่สร้างพลังงานที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงรอบๆ สนามซ้อม

"นั่นทำให้ผมมีที่ว่างมากขึ้น และตอนนี้ผมรู้สึกมีแรงกระตุ้นมาก" แรชฟอร์ด เผย

อย่างไรก็ตาม แท็คติกของ เทน ฮาก ก็มีส่วนในการฟื้นฟูฟอร์มของ แรชฟอร์ด ด้วยเช่นกัน

"ผมมีประสิทธิภาพมากขึ้น ผมอยู่ในตำแหน่งที่อันตรายกว่า และนั่นคือสิ่งที่เกี่ยวกับตัวผม"

"ผมช่วยให้ทีมได้รับชัยชนะ ผมทำประตูได้ ผมแอสซิสต์ได้ และนั่นคือเป้าหมาย"

"เขาชอบเล่นแบบครองบอล แต่เขาก็ชอบให้เราเป็นนักฆ่า นั่นคือสิ่งที่ผมเป็น ดังนั้นผมจึงสนุกกับช่วงเวลาภายใต้การคุมทัพของเขา"

แน่นอนว่ามีการปรับปรุงที่เห็นได้ชัด เมื่อ แรชฟอร์ด ทำได้ 8 ประตู และ 3 แอสซิสต์ ในช่วงครึ่งฤดูกาลแรก จนพาตัวเองกลับมาติดทีมชาติอังกฤษได้ทันเวลาฟุตบอลโลกพอดี

โปรดจงจำไว้ว่า แรชฟอร์ด ไม่ได้เป็นตัวแทนของประเทศมาตั้งแต่หมดศึกยูโร 2020 เนื่องด้วยปัญหาอาการบาดเจ็บ และฟอร์มที่ย่ำแย่

ก่อนทัวร์นาเมนต์กาตาร์ 2022 สัมผัสสุดท้ายของเขาในสีเสื้อทีมชาติอังกฤษก็คือการพลาดจุดโทษในเกมกับ อิตาลี ซึ่งพลพรรค สิงโตคำราม ต้องอกหักในแดนตัวเอง

แต่สัมผัสแรกที่นี่ เขาคอนโทรลบอลที่ได้รับจาก แฮร์รี่ เคน ก่อนจะตัดเข้าเท้าซ้าย และทำประตูแรกในฟุตบอลโลกเพียง 49 วินาทีหลังลุกจากม้านั่งสำรองในเกมถล่ม อิหร่าน 6-2

ในขณะที่สื่อส่วนใหญ่ให้ความสนใจไปที่ ฟิล โฟเด้น แต่ แรชฟอร์ด ที่ได้ออกสตาร์ทในเกมกับ เวลส์ ก็เป็นคนพลิกเกมได้อย่างน่าประทับใจ

ฝีเท้าของเขาทำให้เขากลายเป็นตัวอันตรายอย่างต่อเนื่อง และในขณะที่เขาพลาดจังหวะที่ดีที่สุดในครึ่งแรกด้วยการยิงไปตรงตัวผู้รักษาประตู หลังจากลูกจ่ายทะลุช่องของ แฮร์รี่ เคน เขาก็ไม่ปล่อยให้มันส่งผลกระทบต่อจิตใจของเขา

"ผมกังวลเล็กน้อยในครึ่งแรกเมื่อเขาพลาดโอกาสนั้น และผมก็สงสัยว่าเขาจะคิดมากหรือเปล่า" เนวิลล์ กล่าวกับ สกาย สปอร์ต

"แต่ผมดีใจที่เขาทำได้สองประตูในครึ่งหลัง และผมคิดว่าเขาผลักดันตัวเองไปสู่ตำแหน่งที่ดี ซึ่งเขาคือคนที่ผมคิดว่าจะได้ออกสตาร์ทในเกมวันอาทิตย์ (กับ เซเนกัล) เขาเป็นคนเดียวที่รับประกันว่าจะได้ออกสตาร์ทในตำแหน่งริมเส้น โดยมี เคน อยู่ตรงกลาง"

ตอนนี้เขาอยู่เคียงข้าง คีลิยัน เอ็มบั๊ปเป้, เอ็นเนร์ วาเลนเซีย, อัลบาโร่ โมราต้า และ โคดี้ กัคโป ในตำแหน่งผู้ทำประตูสูงสุด โดยมีสถิติยิงได้เฉลี่ยทุกๆ 36 นาทีที่กาตาร์

แน่นอนว่าเราไม่ควรแปลกใจ แรชฟอร์ด มีพรสวรรค์ที่จะเติบโตไปยังระดับสูงสุด

ดีแคลน ไรซ์ ยอมรับเมื่อต้นสัปดาห์ว่า แรชฟอร์ด เป็นผู้เล่นอีกคนที่ทำให้เขาประหลาดใจมาก เมื่อเขาติดทีมชาติอังกฤษเป็นครั้งแรก ในขณะที่ เอวร่า ก็ยังคงเชื่อมั่นว่าเขาจะกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลก

ในขณะเดียวกัน หลุยส์ ซาฮา ถึงกับพูดว่าเขาอยู่ระดับเดียวกับ เอ็มบั๊ปเป้

อย่างน้อยมันก็ผลักดันเขาได้ในตอนนี้ แต่ไม่มีการปฏิเสธว่า แรชฟอร์ด ที่ได้รับการฟื้นฟูนั้นเป็นภาพที่น่ายินดีที่สุดสำหรับแฟนฟุตบอลทุกคน

เขาไม่ใช่แค่มีพรสวรรค์ที่โลดโผน เขายังเป็นหนึ่งในคนที่ยอดเยี่ยมในเกม และมันเป็นเรื่องที่ดีมากจริงๆ ที่ได้เห็นเขายิ้มอีกครั้ง


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด