10 นาทีเปลี่ยนชีวิต เนย์มาร์
นี่ควรจะเป็นคืนที่เปลี่ยนทุกอย่างสำหรับ เนย์มาร์ คืนที่ทำให้ความเป็นตำนานของเขาแข็งแกร่งขึ้น
มันเป็นเวลาหลายปีแล้วที่เขาถูกนำไปเปรียบเทียบกับเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ แต่ก็ไม่เคยถูกพิจารณาไปถึงขั้นพวกเขาเหล่านั้นได้เลย เขาขาดอะไรบางอย่างไป เหล่านักวิจารณ์ต่างพากันบอกว่าเรารู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร
เพราะด้วยพรสวรรค์, จำนวนประตู และถ้วยแชมป์ทั้งหมด ที่เหลืออยู่ของเขานั้นถูกกำหนดโดยฟุตบอลโลก ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหมดต่างคว้าถ้วยนี้อย่างน้อยหนึ่งครั้ง แต่ เนย์มาร์ กลับยังไม่เคยเข้าใกล้มันเลย
และแล้วช่วงเวลาของเขาก็มาถึง ช่วงเวลาที่กำหนดเส้นทางค้าแข้งที่จะผลักดันประเทศของเขาไปสู่ถ้วยทองคำที่ห่างหายไปนาน ในขณะที่เขาวิ่งตะลุยผ่านเหล่าแนวรับ โครเอเชีย ก่อนที่จะตะบันบอลเข้าไปซุกในตาข่าย ความคิดก็คือมันมาถึงแล้ว เขาทำสถิติเทียบเท่ากับ เปเล่ ที่จำนวน 77 ประตู และที่สำคัญกว่านั้นก็คือการช่วยให้ บราซิล เป็นฝ่ายเอาชนะในช่วงต่อเวลาพิเศษของเกมฟุตบอลโลกรอบก่อนรองชนะเลิศ
เป็นเวลาหลายปีที่ เนย์มาร์ เฝ้ารอทัวร์นาเมนต์ฟุตบอลโลกเพื่อกำหนดความเป็นตำนานของเขา และในคืนวันศุกร์ ที่สนามเอดูเคชั่น ซิตี้ สเตเดี้ยม เขาก็ควรจะทำมันได้สำเร็จ
แต่แล้วมันดันเกิดความผิดพลาดได้ยังไงล่ะในช่วงเวลาเพียงไม่กี่นาที? ทำไมสิ่งต่างๆ พังทลายลงอย่างรวดเร็ว และโหดร้ายได้ขนาดนี้? เนย์มาร์ ชายที่ดูเหมือนว่ากำลังจะยกตัวเองเป็นตำนานกลับต้องพบว่าตัวเองนั่งร้องไห้น้ำตาไหลอย่างควบคุมไม่ได้ในชั่วอึดใจต่อมา คนๆ หนึ่งหล่นจากฟ้าไปยังเหวลึกได้อย่างไร? และเรื่องเล่าทั้งหมดนี้ทำไมถึงเปลี่ยนไปได้อย่างรวดเร็ว?
ตั้งแต่ฮีโร่ของชาติไปจนถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของ โครเอเชีย ทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียง 10 นาที คุณลองคิดดดูสิว่ากีฬานี้มันโหดร้ายมากขนาดไหน?
ไม่มีอะไรสามารถหยุดน้ำตาของเขาได้หลังจากการผ่านเข้ารอบของ โครเอเชีย ได้รับการยืนยัน เขานอนกองอยู่บนพื้นช่วงครู่หนึ่งก่อนจะพยายามเดินออกไป เพื่อนร่วมทีมของเขาซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับที่มารุมล้อมเขาตอนฉลองประตูที่มุมธงก็ไม่สามารถปลอบใจเขาได้เช่นกัน
แน่นอนว่านี่คือความเจ็บปวดที่ชาวบราซิเลี่ยนทุกคนรู้สึกได้ แต่ก็เป็นความรู้สึกที่คงไม่เหมือนใครเมื่อมองในมุมของเขาแค่คนเดียว เขาคือคนที่ไล่ตามสถานะคำว่า 'ตำนาน' เขาเป็นหนึ่งในผู้ที่แข่งขันเพื่อกลายเป็นไอคอนในทุกๆ วันในชีวิต
ด้วยเหตุนี้ นี่จึงเป็นจุดต่ำสุดครั้งใหม่ของเขา
ส่วนครั้งอื่นๆ ก็มีอาการบาดเจ็บในฟุตบอลโลก 2014, โทษแบนในโกปา อเมริกา 2015, พลาดแชมป์โกปา อเมริกา ในปี 2019 หลังจาก บราซิล กระเด็นตกรอบฟุตบอลโลก 2018
เนย์มาร์ คือหนึ่งคนที่อาจจะเจ็บหนักกว่าใครทั้งหมด
ส่วนใหญ่มันก็เป็นเพราะความเป็นเขานี่แหละ สถิติการทำประตูของเขาเทียบเคียงกับผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่าง เปเล่ ที่ถูกจับตาเรื่องสุขภาพมาตลอดทั้งสัปดาห์ ตอนนี้ไม่มีชาวบราซิเลี่ยนคนไหนที่ทำประตูได้มากกว่า เนย์มาร์ แล้ว ทุกอย่างมันรู้สึกถึงความเหมาะสมมาก
จากช่วงเวลของประตูอันน่าทึ่ง โครเอเชีย ก็กลับมาอยู่ในเกมได้อย่างรวดเร็ว พูดง่ายๆ ก็คือ บราซิล เหมือนหลับไป และหมาข้างถนนก็กระโจนเข้าใส่จนปูทางให้ไปถึงช่วงดวลจุดโทษ
เนย์มาร์ ถูกวางตัวให้ยิงเป็นคนสุดท้าย แต่มันไปไม่ถึงเขา นี่เป็นอีกแง่มุมของหายนะที่รังแต่จะเพิ่มความเจ็บปวดให้กับหัวใจ สิ่งที่เขาทำได้คือมองดู โรดรีโก้ โกเอส และ มาร์กินโญส ยิงจุดโทษไม่เข้า นักเตะที่มักจะแบก บราซิล ไว้บนบ่าไม่สามารถช่วยอะไรได้ในค่ำคืนนั้น
และการพลาดจุดโทษแต่ละครั้งไม่ว่าจะสมควร หรือไม่สมควร มันก็จะมีผลกระทบอย่างมากต่อความทรงจำของเขา
การคว้าแชมป์สุดยิ่งใหญ่กับทีมชาตินั้นเป็นสิ่งที่ซับซ้อน และตามที่เขาบอกเอง มันอาจไม่มีโอกาสสักเท่าไหร่ที่จะแก้ไข
"ผมคิดว่านี่คือฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของผม (กาตาร์ 2022)" กองหน้า เปแอสเช กล่าวเมื่อปีที่แล้ว
"ผมมองว่ามันคือครั้งสุดท้าย เพราะผมไม่รู้ว่าตัวเองจะมีจิตใจเข้มแข็งพอที่จะรับมือกับฟุตบอลโลกได้อีกหรือไม่"
"ดังนั้นผมจะทำทุกอย่างให้ดี ทำทุกอย่างเพื่อชัยชนะกับประเทศของผม เพื่อบรรลุความฝันอันยิ่งใหญ่ตั้งแต่ที่ผมยังเป็นเด็ก และผมหวังว่าผมจะทำได้"
แน่นอนว่าเขาหมดโอกาสไปแล้ว มันกลับกลายเป็นว่ามีน้ำตามากขึ้นเหมือนในปี 2014 ที่เขา และ บราซิล ไม่สามารถคว้าแชมป์ในบ้านได้
ตอนนี้ ตำแหน่งของเขาในความทรงจำเกี่ยวกับฟุตบอลโลกจะถูกปล่อยให้อยู่ในมือของแฟนบอล และนักวิจารณ์ ทุกอย่างซับซ้อนมาก : ประตู, ถ้วยแชมป์, การพุ่งล้ม, การออกแอ็คชั่น, การย้ายไป เปแอสเช, การร้องไห้ นักฟุตบอลสมัยใหม่ไม่กี่คนหรอกที่จะโดนคอมเมนต์มากเท่ากับ เนย์มาร์ และนั่นคงไม่เปลี่ยนแปลงในเร็ววันนี้
แม้ว่าทุกอย่างจะเรียบง่าย คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าโลกยังคงสงสัยว่าเขาจะมีโอกาสอีกครั้งหรือไม่
นี่อาจเป็นโอกาสที่ดีที่สุดของเขา ทีมชาติบราซิล ชุดนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเต็มไปด้วยพรสวรรค์ทั่วสนาม แต่นี่คือฟุตบอลที่แม้แต่ผู้นำยังล้มลงได้
เนย์มาร์ จะสามารถรวบรวมความแข็งแกร่งเพื่อพยายามอีกสักครั้งได้หรือไม่? เขาสนใจที่จะทำมันต่อรึเปล่า?
เราจะดูว่าเขาจะลุกขึ้นอีกครั้งเพื่อส่งแรงผลักดันอีกสักครั้งได้หรือไม่ โอกาสสุดท้ายที่จะเปลี่ยนการเล่าเรื่องใหม่ แต่ถ้านี่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วล่ะก็ มันคงเป็นการจากลาที่น่าเศร้า
ในที่สุด น้ำตานั้นก็หยุดไหล ในที่สุด เนย์มาร์ ก็ได้รับการปลอบโยนจากใครบางคนที่เข้ามาหา นั่นคือลูกชายของ อีวาน เปริซิช เด็กคนนั้นกอด เนย์มาร์ และโผกลับไปหาพ่อของเขาเพื่อร่วมฉลองกับทีมชาติโครเอเชีย
ในขณะเดียวกัน เนย์มาร์ ก็เดินไปอีกทางหนึ่ง ลงอุโมงค์ที่มืดมิดเข้าไปในส่วนลึกของสนาม ไม่ต้องสงสัยหรอกว่ามันจะเจ็บปวดเกินไปสำหรับเขาไหมที่จะมองย้อนกลับมา
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT