:::     :::

ก่อนจะไปบ้านผี

วันพุธที่ 07 มีนาคม 2561 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
9,196
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
รอยยิ้มเปื้อนหน้าทั้งสัปดาห์จริงๆ สำหรับเดอะ ค็อปทั่วผืนโลก

    สำหรับตัวผมเองก็ชั่วโมงนี้นั่งดูบอลลิ้มรสเบียร์ได้อย่างมีความสุขสมใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    แม้บ้านเราจะมีฝนตกโปรยปราย แต่เอาเข้าจริงก็ยังคงร้อนจับใจ ซึ่งก็ไม่ได้ต่างอะไรจากฟอร์มของ ลิเวอร์พูล ที่ระอุทะลุปรอท

    ผมไม่เคยดูหงส์แดงแบบมีความสุขขนาดนี้มานานมากแล้ว ครั้งสุดท้ายที่เคยตื่นเต้นจนหัวใจสั่นรัวๆ ก็สมัยที่พวกเขาก้าวไปคว้าถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกเมื่อปี 2005 อย่างยิ่งใหญ่ ซึ่งตอนนั้นก็ยังคงใช้ชีวิตในรั้วมหาลัยอยู่เลย

    หลังเรียนจบจนก้าวเข้ามาตามหาฝันในการทำงานกระทั่งได้เป็นนักข่าว นักเขียนประจำหนังสือพิมพ์สตาร์ ซอคเกอร์ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็กินเวลาเกือบ 10 ปีแล้ว ผมแทบไม่มีไฟในการดู ลิเวอร์พูล ให้สนุกเหมือนตอนสมัยเด็กๆ ในยุคของ รอย อีแวนส์ ได้เลย

    เอาจริงๆ ทีมในตอนนั้นก็ไม่ได้เก่งกาจอะไรหรอก ออกจะหนักไปทางห่วยเสียด้วย แต่มันก็อาจเป็นความสดใหม่ที่เด็กคนนึงเพิ่งจะได้ซึมซับ

    ช่วงระยะเวลาจากการทำงานวันแรก ไม่ว่าจะเป็น รอย ฮ็อดจ์สัน, เคนนี่ ดัลกลิช (ตกยุคไปแล้ว) หรือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส เด็กหงส์อย่างเราพุ่งชนความผิดหวังกันนับครั้งไม่ถ้วนจนมันกลายเป็นความชินชาสำหรับคนบ้าบอลอย่างผมไปแล้ว

    หลายคนบอกมึงเวอร์รึเปล่า

    ???

    คนอื่นเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ความรู้สึกเรามันคงไม่โกหกตัวเอง

    กระทั่งมาถึงมือของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ความตื่นเต้นในการดูบอลมันกลับมาตอนไหนก็ไม่ทราบ แต่ที่รู้ๆ คือนาทีนี้ ชั่วโมงนี้ หรือวันนี้มันกลายเป็นความสนุกในการรับชมไปแล้ว

    ก่อนเกมที่พวกเราเอาชนะ นิวคาสเซิ่ล ได้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

    คนที่มองโลกในด้านมืดอย่างผมไม่เคยมีความกังวลอยู่ในหัว ไม่มีความหวั่นใจใดๆ ในสายตา

    โอเค ทีมของ ราฟาเอล เบนิเตซ เคยทำแสบกับ ลิเวอร์พูล มาเมื่อช่วงต้นซีซั่น ตอนนั้นใครๆ ก็ว่าหงส์แดงเอาชนะสาลิกาดงที่หมดสภาพได้แน่นอน จนกระทั่งไปพลาดทำได้เพียงเสมอ และนั่นก็กลายเป็นส่งให้ นิวคาสเซิ่ล คืนฟอร์มเก่งประคองตัวเองให้ห่างโซนตกชั้นได้จนถึงวันนี้

    ลิเวอร์พูล ชั่วโมงนี้ก็เหมือนกับเพลงฮาร์ดร็อก เวลาบอลเดินหน้าเล่นเกมรุกราวกับกำลังเปิดเพลงของ Machine Head พร้อมโยกหัวอย่างเมามันส์ในอารมณ์

    การเอาชนะเหนือ นิวคาสเซิ่ล ทำให้ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ กดชัยในพรีเมียร์ลีกมา 3 นัดติดต่อกันแล้ว

    อะไรกันแค่ 3 นัดเองทำเป็นคุย

    แต่บนชัยชนะในช่วงหลังๆ ของหงส์แดงมันมีรายละเอียดน่าสนใจมากกว่านั้นเยอะ

    พระเอกในค่ำคืนนั้นยังเหมือนเดิม โมฮาเหม็ด ซาลาห์

    ซาลาห์ กลายเป็นแนวรุกตัวอันตรายที่สุดสำหรับหงส์แดงไปแล้ว เขายิงได้ตลอด 7 นัดหลังสุดที่ลงเล่นรวมทุกรายการ แถมในซีซั่นนี้ก็กระทุ้งไปถึง 32 ดอกเข้าให้แล้ว ขนาดกองหน้าชื่อดังอย่าง หลุยส์ ซัวเรซ ยังยิงมากที่สุดทั้งฤดูกาลที่ 31 ลูกเท่านั้นเองในปี 2013-14

    มีสถิติอะไรเด็ดดวง ดาวเตะสายพันธุ์มัมมี่พร้อมจะทำลายมันให้หมด จึงไม่แปลกอะไรที่สาวกเดอะ ค็อป จะใช้เวลาไม่ถึง 2 เดือนในการลืม ฟิลิปเป้ คูตินโญ่

    เครดิต ซาลาห์ รับไปเต็มๆ แต่จะให้เขาเพียงคนเดียวก็ไม่ใช่ และค่ำคืนนั้นก็ไม่ใช่ตัวเขาที่โดดเด่นสุด

    เสียงปรบมือกึกก้องมอบให้กับ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน

    แม้ ดิ อ็อกซ์ จะไม่ได้มีชื่อบนสกอร์บอร์ด แต่เขาเก่งถึงขนาดได้รับเลือกเป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ เลยทีเดียว

    มันเหมือนเป็นการตบหน้าเหล่านักวิจารณ์ที่เคยค่อนขอดว่า คล็อปป์ ละลายเงิน 35 ล้านปอนด์เล่นๆ กับนักเตะคนนี้

    เขามีดีกว่าที่ใครหลายคนคิด และตอนนี้เขากำลังแสดงมันให้ทุกคนได้เห็นแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นาน กองกลางจอมทะลุทะลวงคนนี้จะกลายเป็นกำลังหลักอย่างถาวรได้แน่

    สำหรับนัดนี้ ก็เป็นอีกเกมที่เหล่าสามตัวบนอย่าง ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่ และ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ ล้วนมีส่วนร่วมกับประตูอีกครั้ง โดยสองคนแรกยิงได้ ส่วนตัวหลังแอสซิสต์สุดสวย

    จากที่ใครหลายคนอยากเห็น 'แฟบโฟร์' ทำงาน แต่มันได้กลายเป็นเป็น 'ทรีโอ'

    จำนวน 28 ประตูที่ทีมยิงได้ตั้งแต่มีการเปลี่ยนรอบปีปฏิทิน เหล่ารักสามไม่เศร้ามีส่วนร่วม (ยิงหรือแอสซิสต์) ถึง 22 ลูกในนั้น และรวมทั้งฤดูกาลนี้ก็มากถึง 68 เม็ดเข้าให้แล้ว

    เสียงชื่นชมเทมาเต็มๆ กับเกมรุก แต่ใครหลายคนคงลืมไปว่าหลังบ้านของหงส์แดงได้พัฒนาขึ้นไปมาก

    เงิน 75 ล้านปอนด์ที่ลงทุนไปกับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เริ่มเห็นผลแล้ว

    ใช่! มันอาจเป็นค่าตัวที่แพงโอเวอร์ชิบ...

    แต่แนวรับชาวดัตช์ก็ยกระดับฟอร์มของตัวเองมากขึ้นทีละนัด ทีละเกม เขาจัดการกับลูกกลางอากาศอันเป็นจุดอ่อนของทีมได้เยี่ยม ขณะที่การสกัดกั้นภาคพื้นดินก็เจ๋งไม่หยอก มันทำให้คนรอบข้างอย่าง เดยัน ลอฟเรน และ โฌแอล มาติป ดูเป็นผู้เป็นคนมากขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ

     ที่เอาชนะใจแฟนๆ ได้อย่างเหลือเชื่อก็คือ ลอริส คาริอุส นี่แหละ

    มันไม่ใช่แค่การเซฟลูกยิงสุดสวยกำลังจะเสียบสามเหลี่ยมบนของ โมโม่ ดิยาเม่ เท่านั้น แต่ก่อนหน้านี้กับทั้งจุดโทษของ แฮร์รี่ เคน หรือการซัลโวจาก มาร์โค อาร์เนาโตวิช สุดหล่อจากเยอรมันก็ปัดป้องมันได้อย่างยอดเยี่ยม

    นี่คือช่วงเวลาอันยิ่งใหญ่ที่สุดของ คาริอุส ในถิ่นแอนฟิลด์แล้ว แม้ก่อนหน้านี้จะเริ่มต้นไม่ดีเท่าไหร่ ทว่าอย่าลืม ดาบิด เด เคอา ก็เคยโดนจวกเละมาก่อนสมัยเปิดตัวกับพรีเมียร์ลีกแรกๆ

    บางที ตอนนี้เดอะ ค็อปอาจไม่ต้องการคนไกลอย่าง อลิสซอน แล้วก็ได้

    ตอนนี้ความมั่นใจของทีมสีแดงแห่งเมอร์ซี่ย์ไซด์นั้นเต็มร้อย มันไม่มีช่วงเวลาไหนที่จะเหมาะกับการบุกลุยโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มากกว่าตอนนี้อีกแล้ว

    ขอให้มองข้ามเกมกับ ปอร์โต้ เมื่อวันอังคารไป เพราะมันคงเป็นเวทีสำหรับเหล่าตัวสำรองอาทิ อัลเบร์โต้ โมเรโน่, อดัม ลัลลาน่า หรือกระทั่ง แดนนี่ อิงก์ส ที่จะได้ลงโชว์ของบ้าง

    บทพิสูจน์ที่แท้จริงอยู่ที่การบุกรังผีในสุดสัปดาห์หน้า

    ถ้าผ่านพ้นวันนั้นมา เรายังมีรอยยิ้มเปื้อนบนใบหน้าเหมือนเดิม โอกาสไปแชมเปี้ยนส์ลีกอีกฤดูกาลคงไม่หลุดมือ

    แม้เอาเข้าจริงเราจะหมดลุ้นแชมป์ลีกไปตั้งแต่หัววัน และอาจไม่มีโทรฟี่อะไรติดมืออีกฤดูกาล

    แต่มันก็ยังคงเป็นซีซั่นที่แสนจะงดงามได้อยู่ดี...ใช่ไหมล่ะ

    อ้อ... สำหรับแฟนๆ ที่สนใจแลกเปลี่ยนทัศนะภาษาเด็กหงส์ก็อินบ็อกซ์มาคุยเล่นกันได้ที่ www.facebook.com/astro.pasta นะครับ ยุคโซเชียลมันก็ดีแบบนี้แหละ มันทำให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ อย่างเราติดต่อกันได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะกับคนที่สนใจและชื่นชอบอะไรคล้ายๆ กัน


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด