สวัสดี! นี่คือ 'โจ๊บ' น้องไอ้ 'จู๊ด'
แน่นอนว่าดาวเตะวัย 19 ปี ของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ นั้นโด่งดังเร็วตั้งแต่ยังเด็ก และถูกประเมินฝีเท้าไว้ระดับสูงเสมอมา
โชคไม่ดีสำหรับ เบลลิงแฮม คนน้องอย่าง โจ๊บ ที่ปัจจุบันชีวิตเหมือนติดหล่ม ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่ในเวลานี้
เส้นทางค้าแข้งของดาวเตะวัย 17 ปี ต้องหยุดชะงักลงชั่วคราวจากอาการบาดเจ็บ ซึ่งทำให้เขาต้องร้างสนามไปขณะที่ทีมแพทย์ของ เบอร์มิงแฮม ก็กำลังทำงานหนักเพื่อซ่อมแซมกล้ามเนื้อหน้าท้องของเขาที่เกิดขึ้นจากการซ้อมช่วงเดือนมกราคม
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เบลลิงแฮม จูเนียร์ ก็ต้องพลาดลงสนามเป็นเวลา 6 สัปดาห์ ซึ่งทำให้เขาพลาดเกมแชมเปี้ยนชิพมาแล้วตลอด 7 นัดหลังสุด โดยสัปดาห์แห่งการบำบัดอย่างหนักยังคงรออยู่เบื้องหน้าเขา
มันเป็นอุปสรรคแรกในเส้นทางของ โจ๊บ ซึ่งมีดีกรีเป็นแข้งทีมชาติอังกฤษชุดยู-16, ยู-17 และยู-18
แต่ จอห์น อุสตาซ นายใหญ่ เบอร์มิงแฮม ก็ยังมั่นใจว่ามิดฟิลด์ดาวรุ่งรายนี้จะรับมือกับความกดดันได้ ขณะที่เขากำลังมองหาทางเดินของตัวเองในระดับอาชีพ
เขากล่าวว่า "โจ๊บ เป็นผู้เล่นอายุน้อยที่มหัศจรรย์ จนถึงตอนนี้พัฒนาการของเขายอดเยี่ยมมาก และเขาก็ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ไปแล้ว 18 นัดในปีที่ผ่านมา แต่โดยรวมแล้วเรารู้สึกว่า โจ๊บ ทำได้ดีมาก"
ชื่อเสียงของพี่น้อง เบลลิงแฮม กลายเป็นที่รู้จักตั้งแต่แมวมองต่างแดนเริ่มแห่เข้าไปที่สนามฝึกซ้อมแวสต์ ฮิลล์ส ของ เบอร์มิงแฮม มานานมากก่อนที่ จู๊ด จะทำลายสถิติของ เทรเวอร์ ฟรานซิส ในการเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ประเดิมทีมชุดใหญ่ให้พลพรรค ลูกโลก ด้วยวัยเพียง 16 ปี กับอีก 38 วัน
นั่นเป็นพรสวรรค์อันน่าทึ่ง และเก่งเกินวัยของ เบลลิงแฮม ซึ่งทำให้ เบอร์มิงแฮม ถึงขั้นประกาศรีไทร์เสื้อหมายเลข 22 ของเขาในตอนที่นักเตะย้ายไป ดอร์ทมุนด์ ด้วยค่าตัวสถิติสโมสร 25 ล้านปอนด์ และกลายเป็นนักเตะวัย 17 ปี ที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วย
เหมือนเป็นโชคดีสำหรับ เดอะ บลูส์ เหมือนรถเมล์ในลอนดอนที่คุณรอตลอดให้รถคันหนึ่งแล่นมา และจากนั้นอีกคันก็ดันแล่นมาพร้อมกัน
เมื่อเวลานั้นมาถึง จู๊ด ได้พูด 'ลาก่อน' กับ โจ๊บ น้องชายของเขาในถิ่นเซนต์ แอนดรูว์ส ซึ่งเวลานั้นเพิ่งอายุ 15 ปี โดยได้อยู่ในการถ่ายภาพอย่างเป็นทางการของ เบอร์มิงแฮม เพื่อโปรโมตชุดแข่งใหม่สำหรับฤดูกาล 2020-21
โจ๊บ ซึ่งมีใจรักในเกมรุกมากกว่า จู๊ด มีชื่ออยู่บนม้านั่งสำรองของเกมอีเอฟแอล คัพ นัดที่ เบอร์มิงแฮม เปิดบ้านพบ โคลเชสเตอร์ เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว
แต่ ลี โบว์เยอร์ กุนซือในตอนนั้นไม่ได้ส่งเขาลงสนาม และ โจ๊บ ก็พลาดโอกาสที่จะแซงหน้าพี่ชายของเขาอย่างหวุดหวิดในการกลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดที่ลงสนามให้ทีมชุดใหญ่ของ เบอร์มิงแฮม
อย่างไรก็ตาม เขาก็ได้ประเดิมทีมชุดใหญ่ให้ ลูกโลก ในฐานะตัวสำรองของเกมครึ่งหลังที่พบ พลีมัธ อาร์ไกล์ ในเอฟเอ คัพ เมื่อปีที่แล้ว และกลายเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดอันดับสองด้วยวัย 16 ปี กับอีก 107 วัน
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็ได้เซ็นสัญญาอาชีพฉบับแรกเมื่อเขาอายุครบ 17 ปี ในเดือนกันยายน และตอนนี้เขาก็ลงเล่นไป 18 นัดให้กับ เดอะ บลูส์ แล้วรวมทุกรายการ
เขาได้รับการดูแล ประคบประหงมอย่างดี โดย 13 เกมในนั้นมาจากฐานะตัวสำรอง ในขณะที่เขามีสถิติลงสนามรวม 188 นาที
แน่นอนว่าสิ่งสุดท้ายที่ โจ๊บ อยากเจอก็คือแรงกดดันจากการถูกเปรียบเทียบกับหนึ่งในผู้เล่นที่เนื้อหอมมากที่สุดในยุโรป ซึ่งสร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในฟุตบอลโลกที่กาตาร์อย่างพี่ชายของเขา
โชคดีที่อนาคตของเขาอยู่ในมือที่ปลอดภัยของสโมสรที่เวลานี้มีประสบการณ์ในการรักษาระดับความคาดหวังในช่วงเปราะบางของเหล่านักเตะอายุน้อย
เบอร์มิงแฮม เคยจัดการกับพัฒนาการของ จู๊ด อย่างเชี่ยวชาญ และพวกเขาก็ตั้งใจแน่วแน่ที่จะปกป้อง โจ๊บ ในลักษณะเดียวกัน โดยเฝ้าติดตามอย่างระมัดระวัง และจำดัดคำขอของบรรดาสื่อที่ต้องการสัมภาษณ์เขา
พวกเขาตระหนักดีถึงความจริงที่ว่า จู๊ด ก็เป็น จู๊ด มีเพียงหนึ่งเดียว และ โจ๊บ ก็มีทางเดินของเขาเองที่ต้องไขว่คว้าเอง โดยไม่ต้องถูกกดดันในการเปรียบเทียบกับพี่ชายของเขาที่ก้าวไปไกลระดับโลกแล้ว
โชคดีที่ มาร์ค เบลลิงแฮม พ่อผู้ภาคภูมิใจ ซึ่งเป็นอดีตนักเตะนอกลีกที่ทำได้มากกว่า 700 ประตู รู้ถึงวิธีจัดการสิ่งเหล่านั้นเป็นอย่างดี
เขาจัดการได้อย่างเชี่ยวชาญกับเหล่าลูกชายมากพรสวรรค์ของเขา และไม่มีความตั้งใจที่จะให้คำโฆษณาของ จู๊ด มีผลกระทบต่อพัฒนาการของ โจ๊บ
อุสตาซ เชื่อว่า โจ๊บ มีข้อได้เปรียบสำคัญอย่างหนึ่งที่เหนือกว่า จู๊ด นั่นคือข้อเท็จจริงที่ว่าอะคาเดมี่ที่ยอดเยี่ยมของ เบอร์มิงแฮม กำลังสร้างกลุ่มเยาวชนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถระดับทัดเทียมกัน
ในยุคของ จู๊ด นั้น เขามีชีวิตท่ามกลางแสงจ้าจากสื่อตั้งแต่เด็ก ขณะที่ โจ๊บ มีกลุ่มเพื่อนจากอะคาเดมี่ที่ก้าวขึ้นมาสร้างชื่อในทีมชุดใหญ่ได้เหมือนกัน
อุสตาซ เชื่อว่าการเปรียบเทียบความก้าวหน้าของ โจ๊บ กับพวกเพื่อนๆ เหล่านั้นจะดีต่อจิตใจมากกว่า แทนที่จะไปเทียบกับพี่ชายของเขาที่กำลังโม่แข้งในแชมเปี้ยนส์ลีก และชื่อเสียงดังไปทั่วโลกแล้ว
เขากล่าวว่า "เราต้องการสร้างสมดุลระหว่าง โจ๊บ กับ จอร์แดน เจมส์, จอร์จ ฮอลล์, แอลฟี่ แชง ซึ่งก็ต่างต้องการช่วงเวลาสำคัญในทีมชุดใหญ่เหมือนกัน"
"มันไม่เหมือนกับว่าเรามีผู้เล่นอายุน้อยแค่หนึ่งหรือสองคนในกลุ่ม เรามีผู้เล่นดาวรุ่งมากมายที่ทะลุขึ้นมา"
"มันสำคัญมากที่พวกเขาจะต้องพัฒนาไปในขั้นตอนที่ถูกต้อง และผมคิดว่า โจ๊บ ทำได้ดีมาก"
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT