ดาร์วิน ติดเครื่อง!
ด้วยผลงาน 120 ประตู จาก 269 นัดสำหรับ ลิเวอร์พูล และเกียรติยศส่วนตัว และส่วนรวมมากมายในช่วงเวลาของเขาที่แอนฟิลด์ มันทำให้ มาเน่ กลายเป็นหนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล
แต่นั่นหมายความว่า เมื่อ นูนเญซ ย้ายมาจาก เบนฟิก้า ด้วยค่าตัวประวัติศาสตร์สโมสรที่อาจสูงถึง 85 ล้านปอนด์ ความกดดันที่ทำให้เขาต้องแบกไว้บนบ่านั้นยิ่งใหญ่มาก
ข้อถกเถียงล่วงหน้าก่อนเปิดฤดูกาลเป็นเรื่องงที่เกี่ยวกับใครกันที่จะทำได้ดีกว่าระหว่าง นูนเญซ และ เออร์ลิง ฮาแลนด์ หลังจากที่ดาวเตะนอร์เวย์ย้ายไป แมนฯ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 51 ล้านปอนด์
ฮาแลนด์ เอาชนะศึกนั้นได้อย่างหมดจดด้วยการทำไป 27 ประตูในพรีเมียร์ลีก เทียบกับ นูนเญซ ที่ทำได้เพียง 8 ลูกเท่านั้น แต่หลังจากช่วงต้นซีซั่นที่มีปัญหา กองหน้า หงส์แดง ก็เริ่มพิสูจน์ให้เห็นว่าผู้คนเหล่านั้นคิดผิด และเขาเป็นส่วนสำคัญในการฟื้นคืนชีพของ ลิเวอร์พูล ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
ทุกอย่างเริ่มต้นได้สวยหรูมากสำหรับ นูนเญซ ด้วยการทำประตูในเกมประเดิมสนามในศึกคอมมิวนิตี้ ชิลด์ ที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ แมนฯ ซิตี้ 3-1 ในขณะที่ ฮาแลนด์ ตีนบอดในนัดนั้น
จากนั้นเขาก็ยิงประตูแรกในพรีเมียร์ลีกได้ตั้งแต่เกมแรกที่พบกับ ฟูแล่ม หลังลุกมาจากม้านั่งสำรอง ขณะที่เขายังเป็นคนแอสซิสต์ลูกตีเสมอให้กับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ในช่วงท้ายเกมเพื่อกู้แต้มให้ทีมด้วย
นูนเญซ มีสถิติความเร็วที่ 22.69 ไมล์ต่อชั่วโมงระหว่างเกมที่คราเวน ค็อทเทจ ซึ่งเพิ่มความตื่นเต้นให้กับหมู่แฟนๆ หงส์แดง เข้าไปอีก
อย่างไรก็ตาม หายนะเกิดขึ้นในเกมเหย้าของเขาในสัปดาห์ถัดมา เมื่อ นูนเญซ ตะบะแตกเอาหัวไปโขกใส่ โยอาคิม อันเดอร์เซ่น กองหลัง คริสตัล พาเลซ และถูกใบแดงโดยตรงไล่ออกไป
หลังจากชดใช้โทษแบนไป 3 นัด กองหน้ารายนี้ก็มีปัญหาเรื่องฟอร์มการเล่น และมักจะพลาดโอกาสทำประตูอยู่เรื่อยๆ โดยทำได้เพียง 2 ลูก จาก 8 เกมในพรีเมียร์ลีก
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงฟุตบอลโลก นูนเญซ ก็เริ่มกลับมาอยู่ในฟอร์มที่ดี โดยทำประตูในแชมเปี้ยนส์ลีก 3 นัดติดต่อกัน ในขณะที่เขายังทำได้อีก 3 ประตู จาก 4 เกมในพรีเมียร์ลีก
นูนเญซ เริ่มแสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ในขณะที่เขามุ่งหน้าสู่กาตาร์หลังจากทำ 2 ประตู ในเกมที่ ลิเวอร์พูล เอาชนะ เซาธ์แฮมป์ตัน 3-1
โชคไม่ดีสำหรับ นูนเญซ เมื่อเขาประสบปัญหาในช่วงฟุตบอลโลก และแม้จะได้ลงตัวจริงทั้ง 3 เกมในรอบแบ่งกลุ่มให้กับ อุรุกวัย เขาก็ทำประตูไม่ได้เลยโดยที่ชาติจากอเมริกาใต้ตกรอบแบ่งกลุ่ม
เขากลับมายัง ลิเวอร์พูล ด้วยความมั่นใจที่หดหายไปอีกครั้ง โดยที่ต้องดูแลปัญหาที่ข้อเท้า และเผชิญหน้ากับผลงานปืนฝืดของตัวเอง
นูนเญซ ใช้โอกาสหน้าปากประตูอย่างฟุ่มเฟือยในเกมที่เอาชนะ แอสตัน วิลบล่า และ เลสเตอร์ และแม้เขาจะมีตัวชี้วัดคุณภาพของโอกาสในการทำประตูได้ถึง 3.97 จาก 6 เกมในลีกหลังฟุตบอลโลก แต่เขากลับไม่มีสกอร์ให้ตัวเองเลย
สิ่งนี้นำไปสู่การเย้ยหยันในมุมกว้าง เนื่องจากผลงานส่วนตัวของเขาใกล้เคียงกับฟอร์มที่ย่ำแย่ของ ลิเวอร์พูล ที่ต้องเห็นพวกเขาแพ้โดยเสีย 3 ประตูให้กับ เบรนท์ฟอร์ด, ไบรท์ตัน และ วูล์ฟส์
หงส์แดง หยุดฟอร์มเน่าเฟะด้วยชัยชนะในศึกเมอร์ซี่ย์ไซด์เหนือ เอฟเวอร์ตัน 2-0 ซึ่ง นูนเญซ แอสซิสต์ให้ ซาลาห์ ทำประตูแรกให้ ลิเวอร์พูล หลังกระชากบอลด้วยความเร็วอย่างน่าทึ่ง
จากนั้นเขาก็กลับมามีชื่อบนสกอร์บอร์ดด้วยลูกเกี่ยวบอลลง และฮาล์ฟวอลเลย์ใส่ นิวคาสเซิ่ล ก่อนจะยิงลูกสุดสวยในเกมที่ ลิเวอร์พูล แพ้ เรอัล มาดริด คาบ้าน 2-5
นูนเญซ พลาดลงเล่นในเกมกับ พาเลซ เนื่องด้วยอาการบาดเจ็บไหล่กำเริบ โดยกองหน้าอุรุกวัยกลับมาได้ในเกมชนะ วูล์ฟส์ 2-0 เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเขาโชคร้ายที่ยิงได้แต่โดนวีเออาร์ริบสกอร์
จากนั้นก็เป็นจังหวะที่มาเจอกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ฟอร์มกำลังขึ้นหิ้ง โดย นูนเญซ ระเบิดฟอร์มที่ยอดเยี่ยมทำได้ 2 ประตู จากลูกโหม่ง
เขาประสานงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับ โคดี้ กัคโป และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ในสามกองหน้ายุคใหม่ของ ลิเวอร์พูล และภาพก็ดูเปลี่ยนไปมากจนตอนนี้ดูเหมือนว่า นูนเญซ จะถูกประเมินค่าสูงขึ้นแล้ว
นูนเญซ ทำไป 14 ประตู จาก 31 เกมรวมทุกรายการจนถึงตอนนี้ และเขาก็มักจะโชว์ฟอร์มได้เสมอในเกมใหญ่ด้วย
แม้จะอายุเพียง 23 ปี แต่ในทุกรายการในซีซั่นนี้ เขาก็ทำประตูใส่ แมนฯ ยูไนเต็ด, แมนฯ ซิตี้, อาร์เซน่อล, นาโปลี และ เรอัล มาดริด ได้แล้ว
การใช้โอกาสเปลืองในช่วงต้นฤดูกาลหน้าปากประตูถูกแทนที่ด้วยผลงานที่คงเส้นคงวามากขึ้น เขาสมควรที่จะได้รับเครดิตอันยิ่งใหญ่สำหรับจุดเปลี่ยนนี้ ขณะที่เขาเริ่มพิสูจน์ว่าหลายคนที่สงสัยในตัวเขาน้ันคิดผิด
ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ นูนเญซ สามารถพาตัวเองไปอยู่ในตำแหน่งที่ยอดเยี่ยมได้ และสิ่งที่ขาดหายไปก็คือคุณภาพในจังหวะสุดท้าย
อีกหนึ่งส่วนสำคัญของฟอร์มที่กลับมาโดดเด่นของ นูนเญซ ก็คือการมาถึงของ กัคโป ซึ่งย้ายมาจาก พีเอสวี ในเดือนมกราคม ด้วยค่าตัว 44 ล้านปอนด์
ในขณะที่ กัคโป ซึ่งเหมือนกับ นูนเญซ ที่มีปัญหาในช่วงแรกๆ แนวรุกโฉมใหม่ได้เริ่มต่อกันติดแล้ว เนื่องจากพวกเขาได้รู้จักกันและกันอย่างมากขึ้น
ในเกมใน ลิเวอร์พูล ถล่ม ยูไนเต็ด 7-0 ความลื่นไหล และเคมีระหว่างผู้เล่นทั้ง 3 คนแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเมื่อพวกเขาทำได้คนละ 2 ประตู
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สำคัญกว่าน้ันก็คือการเซ็นสัญญากับ กัคโป ทำให้ นูนเญซ สามารถโยกไปเล่นในตำแหน่งที่เขาชื่นชอบทางกราบซ้ายได้ โดยที่ดาวเตะชาวดัตช์มาอยู่ตรงกลาง
ในเกมพรีเมียร์ลีกที่ นูนเญซ เล่นเป็นกองหน้าตัวซ้าย เขาทำได้ 5 ประตู จาก 7 เกม
มันเทียบได้กับ 12 เกมที่เขาลงเล่นในฐานะกองวหน้าตัวกลางให้กับ ลิเวอร์พูล เขาทำได้เพียง 3 ประตูเท่านั้น
ตามข้อมูลจาก Opta ก่อนที่ กัคโป จะมาถึง นูนเญซ สัมผัสบอลในจังหวะโอเพ่นเพลย์ทางกราบซ้ายของสนาม 43 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ตัวเลขเพิ่มเป็น 60 เปอร์เซ็นต์ ตั้งแต่ดาวเตะดัตช์มาถึง
ขณะที่อีกสถิติก็คือ นูนเญซ ทำประตูในลีกทุกๆ 137.7 นาที หลังจาก กัคโป ย้ายมาจาก พีเอสวี เทียบกับที่เขายิงได้ทุกๆ 174.8 นาที ช่วงก่อนหน้านั้น
นอกจากนี้ นูนเญซ ยังมีส่วนร่วมกับประตู หรือแอสซิสต์ได้ทุกๆ 103 นาที โดยก่อนดาวเตะดัตช์จะย้ายมาสถิติคือ 125 นาทีต่อคร้ังที่แอนฟิลด์
สิ่งนี้อธิบายว่าการปรับแต่งแท็คติกเล็กน้อยจาก คล็อปป์ มีผลกระทบอย่างมากต่อเกมรุกที่กำลังเติบโตขึ้นของเขา ขณะที่การกลับมาของ นูนเญซ นั้นสอดคล้องกับการฟื้นคืนชีพของ ลิเวอร์พูล ในการลุ้นพื้นที่ท็อปโฟร์
ลิเวอร์พูล จะง่ายกว่าสำหรับคู่แข่งเมื่อไม่มีดาวเตะอุรุกวัย ด้วยความอันตรายที่เขามักปั่นป่วนแนวรับฝ่ายตรงข้าม และสร้างพื้นที่ให้กับกองหน้าคนอื่นๆ
ด้วย 7 ผู้เล่นรวมทั้งตัวจริงกับตัวสำรองในเกมยำใหญ่ ยูไนเต็ด ที่อายุไม่เกิน 23 ปี บางทีเราอาจได้เห็นทีม ลิเวอร์พูล ที่ยิ่งใหญ่ทีมถัดไปภายใต้การคุมทัพของ คล็อปป์ ในขณะที่เขาก็ยังเดินหน้าสร้างทีมใหญ่ต่อไป
กับตอนนี้ที่ นูนเญซ สร้างผลงานน่าประทับใจทำไป 14 ประตูในฤดูกาลแรกของเขาที่อังกฤษ หัวหอกรายนี้จะเป็นส่วนสำคัญอย่างไม่ต้องสงสัย และเขากำลังเริ่มที่จะแสดงศักยภาพทั้งหมดที่บ่งบอกว่าทำไม ลิเวอร์พูล ถึงยอมทุ่มเงินถึง 85 ล้านปอนด์ให้กับเขาเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT