กว่าจะถึงวันนี้ของ โอนาน่า

วันที่มืดมนในปี 2021 หลังจาก โอนาน่า ถูกแบนยาวจากความผิดพลาดเกี่ยวกับการใช้ยาสมัยอยู่กับ อาแจ็กซ์ มันเป็นวันที่มีเพียงการสนับสนุนจากครอบครัว และเพื่อนๆ ที่ทำให้นายทวารชาวแคเมอรูนไม่ยอมแพ้

"ฟุตบอลกลับมา" โอนาน่า กล่าวกับ เดอะ การ์เดี้ยน ในปี 2021

"ผมแค่พยายามเอาตัวรอด กลับมาให้ดีกว่าเดิม พยายามมองด้านบวกอยู่เสมอ"

"แต่บางครั้งคุณก็ทำไม่ได้ ในฐานะผู้รักษาประตูมันยาก คุณหายไป คนอื่นได้เล่น มีบางช่วงเวลาที่คุณคิดจะยอมแพ้ ผมโชคดี ผมมีคนที่ดีรายล้อม หากสิ่งนั้นเกิดขึ้นและคุณอยู่แค่กับตัวเอง คุณจะยอมแพ้แน่ คุณจะไม่มีความตั้งใจที่จะผ่านมันไป"

"มันเป็นสิ่งที่คุณได้รับรู้ มันคือยาโด๊ป คุณติดยา คุณจะอธิบายให้พ่อแม่ฟังยังไงว่าคุณมีผลตรวจเป็นบวกทั้งที่คุณไม่เคยสูบบุหรี่หรือดื่มเลย"

โอนาน่า ถูกตรวจพบสาร Furosemide ซึ่งถือเป็นสารต้องห้ามในปัสสาวะ หลังไปพลาดกินยาของภรรยาโดยไม่ตั้งใจขณะพยายามหาแอสไพริน ยูฟ่าตอบรับว่ามันเป็นความผิดพลาดโดยสุจริต แต่ยังคงลงโทษแบนเขา 1 ปี ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2021

ศาลอนุญาโตตุลาการกีฬาลดโทษเขาให้เหลือ 9 เดือน และมันเป็นการทดสอบความสัมพันธ์ของเขากัยผู้จัดการทีม อาแจ็กซ์ อย่าง เอริก เทน ฮาก และแฟนๆ เมื่อเขาประสบปัญหาในการกลับมา

"เราทุกคนรู้ว่าผมไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด" โอนาน่า อธิบา

"แต่ผมรับคำวิจารณณ์จากโค้ชเท่านั้น ที่เหลือก็แล้วแต่ ผมไม่สน นี่เป็นวิธีที่ผมกลายเป็นแบบที่ผมเป็น มันคือชีวิตผม ผมเขียนเรื่องราวของตัวเอง"

มันแฟร์ที่จะบอกว่า ยูไนเต็ด กำลังได้รับคาแร็คเตอร์ที่แข็งแกร่งพอๆ กับผู้รักษาประตูที่ประสบความสำเร็จ คนที่ไม่กลัวที่จะพูดถึงสิ่งที่ตัวเองคิดออกมา อย่างที่ ริโกแบร์ ซง เทรนเนอร์ทีมชาติแคเมอรูนผิดใจกับเขาระหว่างศึกฟุตบอลโลกในเดือนพฤศจิกายน

เทน ฮาก ใช้เวลา 4 ปีครึ่งกับ โอนาน่า ที่ อาแจ็กซ์ และก็เลือกมือหนึ่งจาก อินเตอร์ มิลาน อีกครั้งในซัมเมอร์นี้ หลังการตัดสินใจว่าเขาต้องการผู้รักษาประตูทีเล่นบอลด้วยเท้าที่สบายกว่า ดาบิด เด เคอา ซึ่งคนนั้นต้องเป็น โอนาน่า อย่างแน่นอน

ฝ่ายเทคนิคของ ยูฟ่า เปรียบเทียบเขาเป็นโฮลดิ้งมิดฟิลด์ของ อินเตอร์ ในแชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลที่แล้วเลยทีเดียว

มือกาววัย 27 ปี สร้างประวัติศาสตร์ในฟุตบอลโลกเมื่อ แคเมอรูน พบ สวิตเซอร์แลนด์ ที่กาตาร์ เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว โดยสัมผัสบอลนอกกรอบเขตโทษมากกว่าผู้รักษาประตูทุกคนนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกสถิติในปี 1966

โอนาน่า เป็นมากกว่าสวีปเปอร์คีปเปอร์ โดยมักจะขยับออกมาอยู่หลังฟูลแบ็กของเขา เดินไปยังพื้นที่ของกองกลางเพื่อรอรับบอล และบางครั้งถึงขั้นขึ้นไปเล่นตรงเส้นกลางสนามเลยด้วยซ้ำ

ในเซเรีย อา ฤดูกาลที่แล้ว เขาผ่านบอลสำเร็จ 81.3 เปอร์เซ็นต์ เทียบกับ เด เคอา ที่ทำได้แค่ 71.1 เปอร์เซ็นต์ในพรีเมียร์ลีก ขณะที่การผ่านบอลยาวคือ 54.7 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่มือกาวชาวสเปนอยู่ที่ 43.6 เปอร์เซ็นต์

"ผู้รักษาประตูอย่าง โอนาน่า สามารถอ่านจังหวะได้อย่างสมบูรณ์แบบเมื่อทุกคนจ่ายบอล" เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เคยกล่าวก่อนที่ แมนฯ ซิตี้ พบ อินเตอร์ ในแชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ เมื่อเดือนที่แล้ว

"โดยปกติแล้วทีมต่างๆ จะมีผู้รักษาประตูที่ยอดเยี่ยม แต่เขามีการใช้เท้าที่ยอดเยี่ยม"

โอนาน่า เติบโตในหมู่บ้าน Nkol Ngok และจากนั้นก็ไปอยู่ที่ยาอุนเด เมืองหลวงของแคเมอรูน โดย โอนาน่า ต้องมาเป็นโกลเพียงเพราะพี่น้องของเขาไม่ยอมเป็น

"ตอนนั้นพวกเขาบอกว่าโกลเป็นที่ของผู้เล่นที่แย่ที่สุด เพราะไม่อยากมีใครเป็นประตู แต่ผมก็มีความสุขมากเพราะได้เล่นกับพี่น้องของผม"

ทั้งหมดนั้นมี 5 คน ได้แก่ มาร์เซลิน, คริสติย็อง, เอ็มมานูเอล, ฌอง ฟร็องซัวส์ และ อ็องเดร แต่ มาร์เซลิน ถึงแก่กรรมไปแล้วอย่างน่าเศร้า

ฟร็องซัวส์ ซาเวียร์ พ่อของ โอนาน่า ซึ่งทำงานให้กับบริษัทน้ำมันในแคเมอรูน และ อเดเล่ แม่ของเขาต้องการให้เขามีสมาธิกับการเรียน แต่เขาก็เข้าร่วมอะคาเดมี่ของ ซามูเอล เอโต้ ในดูอาลา เมื่ออายุ 10 ขวบ และย้ายไปยัง ลา มาเซีย อันโด่งดังของ บาร์เซโลน่า ตอนอายุได้ 14 ปี

เส้นทางของ โอนาน่า ในทีมชุดใหญ่ของ บาร์ซ่า ถูกขวางหน้าโดย เคลาดิโอ บราโว่ และ มาร์ค-อังเดร แทร์ ชเตเก้น ที่ยังอายุน้อย และในตอนนี้กับ อาแจ็กซ์ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

โค้ชบางคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรกับ และเขาก็เป็นดาวรุ่งที่คาดเดาไม่ได้ แต่ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ อดีตนายทวาร แมนฯ ยูไนเต็ด มองวเห็นศักยภาพและเข้ามาเป็นที่ปรึกษาให้กับ โอนาน่า ซึ่งนิยามเขาว่าเป็น 'พ่อทูนหัว'

เมื่อ เยสเปอร์ ซิลเลสเซ่น ย้ายไป บาร์ซ่า และ ทิม ครูล ได้รับบาดเจ็บ ผู้รักษาประตูมือสามได้กลายมาเป็นมือหนึ่งทันที

"ผมมีทัศนคติและบุคลิก ผมเซฟจุดโทษได้ใในเกมที่สอง ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องง่าย และเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น รู้ไหม? เราเริ่มชนะและผมก็กลายเป็นเบอร์ 1 ในปีนั้น" โอนาน่า กล่าว

ดาวเตะชาวแอฟริกันส่วนสูง 6 ฟุต 3 นิ้ว คว้าแชมป์เอเรดิวิซี่ 3 สมัย และดัตช์ คัพ 2 สมัย ในอัมสเตอร์ดัม แต่ก็มีความผิดหวังเกิดขึ้นเช่นกัน จากการแพ้ สเปอร์ส ในรอบตัดเชือกแชมเปี้ยนส์ลีก ในปี 2019 ภายใต้การคุมทัพของ เทน ฮาก และความพ่ายแพ้ แมนฯ ยูไนเต็ด ในยูโรปา ลีก นัดชิงชนะเลิศ ปี 2017

โอนาน่า ดูประหม่ามากในเกมนั้นที่สต็อคโฮล์ม จนบอกกับ ปีเตอร์ บอสซ์ เทรนเนอร์ในเวลานั้นว่าเขาไม่พร้อมที่จะเล่น เอา ฟาน เดอร์ ซาร์ ลงมาเหอะ

เขาให้สัมภาษณ์ว่า "บอก อ็องเดร ว่าผมไม่ได้เอาถุงมือมา ให้เขาเล่นซะ!"

โอนาน่า กล่าวว่า "ผมตื่นมาและเห็นสิ่งนั้น และมั่นช่วยผมได้มาก แต่เราทุกคนต่างมองไปที่พื้นด้วยความกลัว เราสูญแพ้เพราะรายละเอียดเล็กน้อย และหลังจากนั้นผมก็พูดกับตัวเองว่า 'ผมจะไม่รู้สึกกลัวอีกต่อไปในการเล่นฟุตบอล"

"นั่นช่วยให้ผมสามารถจัดการกับความกดดันได้ในปีต่อๆ มา"

ชัดเจนว่า โอนาน่า แตกต่างำไปอย่างมากในการเผชิญหน้ากับ ซิตี้ และ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ในนัดชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีกที่อิสตันบูล เมื่อเดือนที่แล้ว

เมื่อถูกถามว่ากลัว ฮาแลนด์ ไหม เขาตอบว่า "กลัวเขาน่ะเหรอ? ผมจะกลัวทำไม รู้ป่ะว่าผมกลัวใคร? พระเจ้าไงล่ะ แต่ผมไม่เห็นเขาในสนาม"

แม้จะแพ้หวุดหวิด 0-1 แต่ โอนาน่า ก็เอาชนะ ฮาแลนด์ ในจังหวะหนึ่งเขาเลี้ยงบอลหนีกองหน้า แมนฯ ซิตี้ ในกรอบเขตโทษตัวเอง จากนั้นเขาก็ผลัก ฮาแลนด์ ด้วยความโกรธ ตอกกลับที่โดนหัวหอก เรือใบ ทำฟาวล์

โอนาน่า ไม่กลัวที่จะต่อสู้ในมุมของเขา มันนำไปสู่การซ้อมในฟุตบอลโลกที่ ริโกแบร์ ซง กุนซือของเขาต้องการให้ผู้รักษาประตูเล่นแบบไม่ต้องเสี่ยงอะไร สุดท้าย โอนาน่า ก็ถูกส่งตัวกลับบ้านระหว่างทัวร์นาเมนต์

แม้จะมีการประกาศเลิกเล่นทีมชาติในเดือนถัดมาหลังลงเล่นไป 34 นัด แต่ โอนาน่า ก็ยังมีความรักต่อแคเมอรูนอยู่ ซึ่งเขามีมูลนิธิของตัวเองเพื่อช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสและสโมสร เอแคลร์ เดอ ซา

แต่ยุโรปคือบ้านของเขาในตอนนี้ ทั้ง โอนาน่า และ เมลานี่ ภรรยาของเขาซึ่งพบกันบนเที่ยวบินจากปารีสไปยังยาอุนเด กำลังย้ายจากมิลานไปยังเมืองแมนเชสเตอร์พร้อมกับลูกๆ ทั้ง 3 คน

เบอร์ 1 คนใหม่ของ ยูไนเต็ด จะทำให้เกมไม่จืดชืดอย่างแน่นอน