ฉากหลังสู่ดาวของไอ้หนุ่ม 'จู๊ด'
รายงานยังบอกต่อไปว่า "เขายังคงต้องพัฒนาร่างกาย แต่ก็อยู่ในข่ายที่จะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่และวิ่งได้อย่างยอดเยี่ยม การเคลื่อนไหวก็เป็นธรรมชาติ"
"ย่างก้าวยาว มีจิตใจที่ยอดเยี่ยม มีความฉลากในการหาพื้นที่เพื่อรับบอล ไม่ว่าจะเป็นระหว่างไลน์และการออกด้านข้าง"
"วิ่งเยอะ ไม่เสียบอล เมื่อทำเสร็จแล้วก็รีบวิ่งกลับไป"
"ไม่ตื่นเต้นกับลูกบอล ดึงบอลออกจากความกดดัน และสามารถใช้ร่างกายของเขาได้"
"ทุ่มเทตัวเองเข้าสู่ความท้าทายและได้รับใบเหลืองจากการเข้าปะทะหนัก"
"มีศักยภาพมหาศาลด้วยวัยเพียง 16 ปี และสู้กับทีมชุดใหญ่ของ พอร์ทสมัธ ได้สบาย เซ็นสัญญามาเลย พัฒนา และปล่อยยืม"
"อีก 18 เดือนข้างหน้าเขาจะได้เล่นให้ทีมของเรา"
คำตอบนั้นก็คือ จู๊ด เบลลิงแฮม ที่ตอนนี้กลายเป็นซูเปอร์สตาร์คนใหม่ในโลกฟุตบอล และเขาก็เป็นคนอังกฤษ
10 ประตู จาก 10 เกมตั้งแต่ย้ายมา เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวที่สูงกว่า 100 ล้านปอนด์ ในช่วงซัมเมอร์
ตอนนี้ ฟอร์มของเขาจากเกมพบ อิตาลี เมื่อคืนวันอังคารช่วยให้ อังกฤษ ผ่านรอบคัดเลือกไปเล่นยูโร 2024 ด้วยวัยเพียง 20 ปี แต่ก็ไปถึงระดับโลกแล้ว
เขาก้าวไปอย่างรวดเร็วในระยะเวลาเพียง 4 ปี และการคาดเดาตั้งต้นจากเกมที่แพร็ตตัน พาร์ค (สนามเหย้า พอร์ทสมัธ) ในนัดประเดิมทีมชุดใหญ่ก็เป็นไปอย่างแม่นยำ
รายงานเพียงเท่านั้นเป็นไปไม่ได้ที่ใครจะเชื่อในพรสรรค์นี้
อีกสโมสรหนึ่งได้บอกกับ เดลี่ เมล ว่าพวกเขาได้รวบรวมไฟล์ข้อมูลของ เบลลิงแฮม มากกว่า 60 ไฟล์
"วิสัยทัศน์ดี จดจ่อดี" นั่นคือบทวิเคราะห์ฟอร์มของ เบลลิงแฮม เมื่อเขาเล่นกับ ลูตัน ที่เซนต์ แอนดรูว์ส เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ปี 2019
"รูปร่างยอดเยี่ยมแล้ว ขาเรียวยาว ไหล่จะกว้างขึ้นอีก" นั่นคือรายงานอีกครั้งในเกมที่ เบอร์มิงแฮม เยือน ชาร์ลตัน เมื่อวันที่ 14 กันยายน ปี 2019 ซึ่ง เบลลิงแฮม ประเดิมตัวจริงในเกมแชมเปี้ยนชิพ โดยเขาทำประตูได้
"ผู้เล่นที่ดีที่สุดในแชมเปี้ยนชิพ" คือคำยืนยันง่ายๆ ในเอกสารจากชัยชนะของ เบอร์มิงแฮม เหนือ เร้ดดิ้ง เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ปี 2019
ทุกคนต่างรู้!
อันที่จริง เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า อาร์เซน่อล อยู่ในเส้นทางที่จะล่อลวงให้ เบลลิงแฮม ออกจากอะคาเดมี่ชุดยู-14 ของ เบอร์มิงแฮม
ในเวลานั้นข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้ ปืนใหญ่ ต้องจ่ายค่าชดเชยราว 500,000 ปอนด์ ซึ่งพวกเขายินดีจ่าย
อย่างไรก็ตาม ความล่าช้าที่ไม่คาดคิดซึ่งรวมเวลาไม่ถึง 48 ชั่วโมงในการเซ็นสัญญากับ อาร์เซน่อล ทำให้ เบลลิงแฮม เลือกเซ็นสัญญาอาชีพกับ เบอร์มิงแฮม
อาร์เซน่อล ยังคงสนใจที่จะเซ็นสัญญากับ เบลลิงแฮม ตอนที่เขาเป็นผู้เล่นทีมชุดใหญ่แล้ว เนื่องด้วยชื่อเสียงที่พุ่งทะยานในแชมเปี้ยนชิพ
"ปัญหาไม่ได้อยู่ที่การไม่เห็นพรสวรรค์ของ จู๊ด แต่ปัญหาคือการเซ็นสัญญากับเขา เราทุกคนได้รับแจ้งว่าเขากำลังจะไป แมนฯ ยูไนเต็ด" ผู้อำนวยการกีฬากล่าว
การเข้าหาของ ยูไนเต็ด สู่ เบลลิงแฮม และ มาร์ค พ่อของเขาเป็นหนึ่งในเส้นทางที่รวดเร็วสู่ฟุตบอลระดับซีเนียร์
ที่นั่นคือหนึ่งในทีมที่มีศูนย์กลางของเสื้อหมายเลข 7 อันเป็นสัญลักษณ์ ที่ เอริก คันโตน่า และ ไบรอัน ร็อบสัน เคยใส่มาแล้ว และกำลังรอ เบลลิงแฮม อยู่ ขณะที่เขาและพ่อกับแม่ของเขาอย่าง เดนีส มาถึงเมืองแมนเชสเตอร์ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เข้ามามีบทบาทอย่างดีเยี่ยม
ยูไนเต็ด มั่นใจว่าข้อตกลงดังกล่าวจะเรียบร้อย สิ่งล่อใจของโรงละครแห่งความฝันและเสื้อเบอร์ 7 เหมือนจะใช้เวทย์มนตร์ได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม พ่อของ เบลลิงแฮม ดันคิดไปอีกแบบ เส้นทางฟุตบอลที่ลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่เป็นประจำมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อแผนอันยิ่งใหญ่ของผู้ปกครอง เบลลิงแฮม
บรูโน่ แฟร์นันด์ส เซ็นสัญญากับ ผีแดง ตอนเดือนมกราคม ปี 2020 ขณะที่ข่าวความสนใจในตัว ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค และ แจ็ค กรีลิช ของ ยูไนเต็ด ก็ปรากฎออกมาเช่นกัน
การไป โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เบลลิงแฮม ได้เห็นอิมแพ็คท์ของ เจดอน ซานโช่ ที่ซิกนัล อิดูน่า พาร์ค มาแล้ว และนั่นเป็นสิ่งที่เขาชื่นชอบ
ยิ่งไปกว่านั้น ดอร์ทมุนด์ ก็ยังได้เตรียมข้อเสนอการรับประกันโอกาสในทีมชุดใหญ่ให้กับ เบลลิงแฮม อีกด้วย
มาร์ค พ่อของเขาประทับใจสโมสรจากบุนเดสลีกามาก ไม่แค่เพียงแผนของพวกเขาสำหรับ เบลลิงแฮม ในสนามเท่านั้น แต่ยังรวมถึงวิธีที่พวกเขาตั้งใจที่จะปกป้องตัวเขาด้วย
เบลลิงแฮม กลายเป็นคนดังที่มีชื่อเสียงในอังกฤษ แต่ที่เยอรมันไม่มีใครที่รู้หรอกว่าเขาเป็นใคร นั่นเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจสำหรับครอบครัวของ เบลลิงแฮม ท่ามกลางกลยุทธ์ที่จะปกป้องเขาจากแสงสีแห่งการสปอย
ตอนที่ เบลลิงแฮม ย้ายไป เรอัล มาดริด เมื่อช่วงซัมเมอร์ มาร์ค มองไปยังความสำคัญกับความปลอดภัยด้านจิตใจของลูกชายเป็นอันดับแรก ความรู้สึกที่จะให้ จู๊ด อยู่ห่างแสงสปอร์ตไลท์ที่อังกฤษน่าจะเหมาะกับเส้นทางค้าแข้งของเจ้าลูกชายมากกว่า
เชลซี, ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ซิตี้ ต่างพากันอกหักทั้งหมด
สิ่งที่พ่อของ เบลลิงแฮม อธิบายว่าเป็นแรงกระตุ้นตามธรรมชาติในการปกป้องลูกชายของเขา คนอื่นอาจตีความได้ว่า 'เยอะ'
แหล่งข่าวรายหนึ่งระบุกับ เดลี่ เมล ว่าครึ่งหนึ่ง มาร์ค โทรหา แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษเพื่อหารือเกี่ยวกับความคืบหน้าของลูกชาย ซึ่งนำไปสู่ความประหลาดใจอย่างมากที่เซนต์ จอร์จส์ พาร์ค
"ผู้คนอาจบอกคุณว่าเป็นคนที่เยอะ แต่เขาก็ทำหน้าที่จัดการกับทั้ง จู๊ด และ โจ๊บ (น้องชายของ จู๊ด) ได้อย่างดีเยี่ยม" วงในระบุ
"เขาไม่เคยอยากจะคุยเกี่ยวกับ จู๊ด เช่นเดียวกับ โจ๊บ เลย พวกเขาจะมีบทสนทนาที่แตกต่างกันเสมอ และนั่นถือเป็นเครดิตที่ยอดเยี่ยมของ มาร์ค"
"เขาทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อลูกๆ ของเขา ไม่มีอะไรผิดแปลกจากเรื่องนั้น"
ตระกูล เบลลิงแฮม เป็นครอบครัวที่อบอุ่นเหนียวแน่นภายในบ้าน นี่เป็นส่วนหนึ่งของเหตุผลที่หลายคนเชื่อว่า จู๊ด จะเป็นผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการลูกหนังอังกฤษคนต่อไป
เขามีพื้นฐาน มีความเป็นผู้ใหญ่ และฉลาด เมื่อเพิ่มพรสวรรค์เข้าไป คุณก็จะมีสูตรสำเร็จแห่งความเป็นผู้ชนะ
คาแร็คเตอร์ของเขาได้รับการหล่อหลอมโดยพ่อของเขา ซึ่งเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจเวสต์มิดแลนด์ และแม่อย่าง เดนีส ซึ่งทั้งคู่ได้รับการบอกกล่าวว่าเป็นพ่อแม่ที่ทำงานหนักและใส่ใจมาก
เบลลิงแฮม เติบโตมากับฟุตบอล เบลลิงแฮม รุ่นพ่อเป็นกองหน้าที่มีผลงานโดดเด่นในระดับนอกลีก โดยยิงได้มากกว่า 700 ประตู
จู๊ด และ โจ๊บ ได้รับการสนับสนุนด้านกีฬามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ฟุตบอลคือเบอร์หนึ่งของครอบครัว เบลลิงแฮม อยู่เสมอ
ตอนนี้ มาร์ค เป็นตัวแทนของ ฟีฟ่า ที่ได้รับอนุญาตหลังผ่านการสอบของหน่วยงานกำกับดูแลและรับผิดชอบในการชี้แนะรูปแบบอาชีพของลูกชายอย่างเป็นทางการ
จนถึงตอนนี้ อาชีพของ เบลลิงแฮม ได้รับการจัดการอย่างเชี่ยวชาญ แน่นอนว่าส่วนใหญ่มันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการเล่นฟุตบอลของดาวเตะที่เกิดในสเตาร์บริดจ์ด้วย
แต่นิสัย แรงผลักดัน และความนิ่งของเขา ทั้งหมดเกิดจากการเลี้ยงดูที่คุณไม่สามารถประเมินราคาได้
เราอาจลืมไปว่าเขาเพิ่งจะอายุเพียง 20 ปีเท่านั้นเอง
ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2020 เซาธ์เกต, สตีฟ ฮอลแลนด์ ผู้ช่วยของเขา และ จอห์น แม็คเดอร์ม็อตต์ ผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิค นั่งคุยกันเพื่อหารือเกี่ยวกับทางเลือกของพวกเขาก่อนเกม 3 นัดกับ เบลเยียม, ไอร์แลนด์ และไอซ์แลนด์
ตอนนั้นมันเป็นเรื่องของเวลา ไม่ใช่ว่า เบลลิงแฮม จะถูกเลือกหรือไม่ แต่ เซาธ์เกต ต้องการวางกระบวนการเพื่อให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ถูกเลือกเร็วจนเกินไป
เบลลิงแฮม ในตอนนี้อายุแค่ 17 ปี ลงเล่นที่เยอรมันเป็นประจำ และมีมุมมองที่ชัดเจนว่าเขาจะได้ประโยชน์จากการได้พัก
นอกจากนี้ ยังมีบทสนทนาว่าพวกเขาจะนำสไตล์อันโดดเด่นนี้มาสู่ระบบของอังกฤษได้อย่างไร
ด้วยเหตุนี้ เซาธ์เกต จึงตัดสินใจยังไม่เลือก เบลลิงแฮม อยู่ในทีม
แต่อาการบาดเจ็บของ เจมส์ วอร์ด-เพราส์ และ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทำให้ เซาธ์เกต ไม่ฝืนใจตัวเองอีกต่อไป
เบลลิงแฮม ได้รับเลือกให้ติดทีมชาติอังกฤษไปเล่นยูโร ในปี 2021 ก่อนที่จะสร้างชื่อเสียงให้เป็นที่รู้ทั่วโลกจากฟุตบอลโลกเมื่อปีที่แล้ว
หลังฉากนั้น (สตีฟ) ฮอลแลนด์ ได้รับเครดิตในการชี้นำการเปลี่ยนผ่านของ เบลลิงแฮม ไปสู่การเป็นตัวหลักของอังกฤษ การให้ความรู้แก่กองกลางว่าบทบาทที่แท้จริงของเขาคืออะไร สิ่งที่ต้องทำ ความรับผิดชอบในเกมรับคืออะไร
แต่มันชัดเจนตั้งแต่เริ่มแรกสำหรับ เซาธ์เกต และ ฮอลแลนด์ ว่าที่สุดแล้วทีมชาติอังกฤษนั้นถูกสร้างขึ้นมารอบๆ ตัว เบลลิงแฮม เรามาถึงจุดหัวเลี้ยวหัวต่อน้ันแล้ว
แล้วอะไรที่จะหยุดเขาได้ล่ะ?
คำตอบดูเหมือนจะเป็นตัวเขาเองเท่านั้น
โปรไฟล์ของเขากำลังพุ่งทะยาน มันคงจะน่าสนใจมากที่ได้เห็นว่าเขารับมือกับเครื่องประดับและแสงจ้าในการเป็นซูเปอร์สตาร์ได้อย่างไร
สัญญาณกลับมีแนวโน้มที่ดี เมื่อพูดคุยกับใครก็ตามที่พบ เบลลิงแฮม แล้ว พวกเขาจะพูดถึงชายหนุ่มที่มีความคิดระดับหนึ่งซึ่งแสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะเกินวัยของเขา
"แม้แต่ตอนที่เขาอยู่กับ เบอร์มิงแฮม และตอนที่เขาเริ่มซ้อมกับเรา มันเหมือนกับว่าเขาอายุ 30 ปีเลย" เดแคลน ไรซ์ กล่าว
คุณคงจินตนาการได้ว่าพ่อที่เข้มงวดของเขาจะไม่ยอมให้เขาแตกแถวจากแผนที่วางเอาไว้เลย
ในทำนองเดียวกัน เรอัล มาดริด และเอฟเอ ก็ทำงานเพื่อจำกัดการเปิดเผยที่มากไปของเขา แม้ว่าอายุและโปรไฟล์ของเขาจะเพิ่มมากขึ้นแล้ว ซึ่งนั่นจะทำให้กลายเป็นงานที่ยากขึ้น
นิสัยของเขาทำให้อดีตเพื่อนร่วมทีม ดอร์ทมุนด์ ไม่พอใจ ซึ่งบ่นว่า เบลลิงแฮม แสดงความเห็นอย่างตรงไปตรงมามากเกินไปสำหรับผู้เล่นที่อายุน้อยแบบนี้
รายงานเปิดเผยว่า เซาธ์เกต ได้รับแจ้งถึงข้อกังวลเหล่านั้นที่เล็ดลอดออกมาจากเยอรมันก่อนฟุตบอลโลก และเป็นที่เข้าใจว่าได้แก้ไขปัญหานี้กับ เบลลิงแฮม อย่างละเอียดอ่อน
"ผมไม่คิดว่ามันจะเลวร้ายอะไรขนาดนั้น มันเป็นเพียงความมั่นใจอันน่าเหลือเชื่อที่มี" แหล่งข่าวจาก เดลี่ เมล ระบุ
แน่นอนว่าระหว่างความเย่อหยิ่งและความมั่นใจย่อมมีเส้นบางๆ กั้นอยู่ และบางคนที่ ดอร์ทมุนด์ เชื่อว่าเขาทำเกินมาตรฐานของตัวเองไปแล้ว
แต่ในทำนองเดียวกันก็เป็นที่ชัดเจนว่าผู้ที่ทำงานร่วมกับเขาในทีมชาติไม่เห็นด้วยกับมุมมองนั้น
"เขาเป็นหนึ่งในตัวโจ๊กของทีม เขาเฮฮา เขาเป็นเด็กระดับท็อป" ไรซ์ กล่าว
"จริงๆ แล้วผมไม่สามารถพูดถึงเขาได้มากพอ นี่คืนคนแบบที่ผมชอบอยู่ด้วย เราคิดเหมือนกัน"
"สิ่งหนึ่งที่ผมจะพูดเกี่ยวกับเขาก็คือเขาเข้าได้กับทุกคน"
"เพื่อนๆ รักเขา มันเป็นคาแร็คเตอร์ที่สดใสร่าเริงและสวมหัวใจไปบนแขนเสื้อของเขา เมื่อสิ่งต่างๆ ไม่เป็นใจ เขาก็พูดมันอย่างนั้น"
"นั่นคือคำชมที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เขายังเด็ก แต่ก็พูดเกี่ยวกับการพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น และทุกคนสามารถดีขึ้นได้อย่างไร"
ก้าวต่อไป เรอัล มาดริด และทีมชาติอังกฤษจะต้องจับตาดูปริมาณการเล่นฟุตบอลของเขาอย่างใกล้ชิด
เขาลงเล่นให้สโมสรและทีมชาติไปแล้วมากกว่า 200 นัด นั่นถือว่าเยอะมาก บางทีฟุตบอลก็มากเกินไปสำหรับเด็กอายุเพียง 20 ปี
เบลลิงแฮม คือเจนใหม่ที่มากไปด้วยพรสวรรค์ และเขาคู่ควรแล้วที่ได้รับการจัดการแบบนี้
แล้วอย่างลืมจับตาดู โจ๊บ น้องชายของครอบครัว เบลลิงแฮม เอาไว้ให้ดี
"จริงๆ แล้ว เขาอาจดีพอๆ กันหรือไม่ก็ดีกว่า จู๊ด เลยก็ได้ เขาจะเป็นผู้เล่นที่ดีมาก" คนวงในของเอฟเอ กล่าว
"มันน่าอัศจรรย์กับการที่เขาจะพัฒนาไปในแบบเดียวกับ จู๊ด ได้ยังไง ผมคิดว่า โจ๊บ น่าจะดีกว่านี้ได้ เขาสามารถไปได้ตลอดเส้นทาง" แมวมองคนหนึ่งของทีมในพรีเมียร์ลีกกล่าว
แน่นอน เบลลิงแฮม สองคนย่อมดีกว่าคนเดียวอยู่แล้ว
พาสต้า
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT