การลุ้นแชมป์นับจากนี้...

อาร์เซน่อล ซึ่งเป็นรองแชมป์มา 2 ฤดูกาลติดต่อกัน และ เชลซี ที่ทำผลงานได้ดีกว่าที่คาดไว้ภายใต้การคุมทีมของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า รั้งอันดับสองร่วมกันหลังจากต่างก็เอาชนะมาได้ในช่วงสุดสัปดาห์

ความพ่ายแพ้ของ ซิตี้ ทำให้พวกเขาหล่นมาอยู่อันดับ 5 ตามหลัง ไบรท์ตัน ขณะที่ ลิเวอร์พูล ยำเป็นจ่าฝูงอยู่ 9 แต้ม หลังจากชัยชนะที่แอนฟิลด์

"มันเป็นตำแหน่งที่ดี" อาร์เน่อ สล็อต กล่าว

"พวกคุณรู้ดีกว่าผมว่า อาร์เซน่อล และ ซิตี้ สามารถเอาชนะได้ทุกเกมนับจากนี้ไปจนถึงจบฤดูกาล"

"เชลซี สามารถเอาชนะได้ทุกเกมเช่นกัน นั่นทำให้พรีเมียร์ลีกน่าสนใจมาก มีทีมดีๆ มากมาย"

"ฤดูกาลที่แล้ว อาร์เซน่อล กับ แมนฯ ซิตี้ มีแต้มห่างกันมาก แต่พวกเขาก็ยังสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาได้"

ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของ อ็อปต้า ระบุว่า ลิเวอร์พูล มีโอกาสคว้าแชมป์ถึง 85.1% ทำให้พวกเขากลายเป็นเต็งหนึ่ง ขณะที่โอกาสของ ซิตี้ ลดลงเหลือเพียง 4.4% เท่านั้น

แต่มันชัดเจนขนาดนั้นเลยเหรอ?

"ตำแหน่งของ ลิเวอร์พูล ในตอนนี้ไม่มีความหมาย"

การเริ่มต้นของ ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของ สล็อต ซึ่งอาจจะต้องเผชิญกับงานที่ยากในการแทนที่ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้เป็นตำนานในช่วงซัมเมอร์ถือว่ายอดเยี่ยมมาก

หงส์แดง ชนะ 11 จาก 13 เกมในพรีเมียร์ลีก และชนะทั้ง 7 เกมในฟุตบอลถ้วยทั้งในประเทศและยุโรป

สล็อต ทำแต้มได้เท่ากับสถิติ 34 คะแนนมากที่สุดของผู้จัดการทีมในช่วง 13 เกมแรกของพรีเมียร์ลีก ซึ่งทำไว้โดย กุส ฮิดดิ้งค์ กับ เชลซี ในช่วงกลางฤดูกาล 2008-09

"ถ้าคุณพูดตอนต้นฤดูกาลว่า ลิเวอร์พูล จะอยู่จุดนี้ คุณคงไม่เชื่อพวกเขาหรอก" รอย คีน กล่าว

ก่อนหน้านี้มีทีมเดียวเท่านั้นที่นำเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกด้วยคำแนนห่าง 9 แต้มหรือมากกว่านั้นหลังจากลงเล่นไป 13 เกม นั้นคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาล 1993-94 และ เชลซี ในฤดูกาล 2005-06 ซึ่งทั้งสองทีมต่างก็คว้าแชมป์มาครองได้

ถึงกระน้ัน ลิเวอร์พูล ก็ไม่ปล่อยให้สถานการณ์ตึงเครียดเกินไป โดยเหลือเวลาอีกสองในสามของซีซั่น

โจ โกเมซ กองหลัง หงส์แดง กล่าวว่า "ในช่วงเริ่มต้นฤดูกาล หากคุณบอกว่าเราจะอยู่ในตำแหน่งนี้ เราคงจะกัดมือคุณ"

"มันไม่มีความหมายอะไรหรอกในตอนนี้ เมื่อถึงช่วงท้ายฤดูกาล หากเราไม่ได้ชูถ้วยแชมป์มันคงจะให้ความรู้สึกเหมือนว่าเราได้เสียโอกาสครั้งใหญ่ไป"

แมนฯ ซิตี้ ถึงขั้นต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิงพื้นที่ท็อปโฟร์เลยหรือไม่?

มีเพียงสามครั้งเท่านั้นที่มีทีมคว้าแชมป์ได้สำเร็จหลังจากตามหลังจ่าฝูงถึง 11 แต้มขึ้นไป นั่นคือ อาร์เซน่อล ในปี 1997-98 และ แมนฯ ยูไนเต็ด ในปี 1992-93 และ 1995-96

"ผมไม่คิดว่าจะมีหนทางกลับมาของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แล้วในตอนนี้" เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตกองหลัง ลิเวอร์พูล และนักวิจารณ์ของสกาย สปอร์ต กล่าวหลังเกมที่แอนฟิลด์

อย่างไรก็ตาม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นายใหญ่ แมนฯ ซิตี้ ยังไม่ได้ยอมแพ้สำหรับการลุ้นแชมป์

"ผมพูดก่อนเกมนี้ว่าเราไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะคิดถึงเป้าหมาย แต่ฤดูกาลยังอีกยาวไกล" เขากล่าว

"เราต้องคิดถึงผลการแข่งขัน และจากนั้นนักเตะบางคนก็จะกลับมาแล้วเราจะดีขึ้น เราเชื่อว่าบางทีอาจจะเป็นแบบนั้น มีหลายสิ่งที่ต้องต่อสู้เพื่อัน และเราจะพยายาม"

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นชื่อเรื่องการจบฤดูกาลอย่างแข็งแกร่งอยู่แล้ว และแพ้รวมกันเพียงแค่ 4 เกมเท่านั้นในพรีเมียร์ลีกหลังช่วงคริสต์มาสตลอด 3 ฤดูกาลที่ผ่านมา

หากพวกเขาเอาชนะได้ใน 25 เกมสุดท้าย พวกเขาก็จะจบฤดูกาลด้วยการมี 98 แต้ม ในขณะที่ ลิเวอร์พูล ซึ่งมีผลงานที่ดีตลอดช่วงที่เหลือของฤดูกาลก็อาจจะทำให้พวกเขาจบด้วยการมีถึง 99 แต้ม

คาร์ราเกอร์ กล่าวว่า "ตอนนี้ ผมมองว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะแพ้อีก 4 หรือ 5 เกมระหว่างนี้ไปถึงจบซีซั่น"

"ผมคิดว่ามันเกือบจะเป็นวิกฤตเล็กๆ ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผมคิดว่ามันชวนให้นึกถึง ลิเวอร์พูล เมื่อสองปีก่อน และผมคิดว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อาจจะต้องต่อสู้อย่างหนักเพื่อแย่งชิงพื้นที่ท็อปโฟร์เลยทีเดียว"

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่เคยพลาดการไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกเลยนับตั้งแต่ฤดูกาล 2010-11 และ ไมกาห์ ริชาร์ดส์ อดีตกองหลัง เรือใบ กล่าวว่าสถานการณ์ปัจจุบันนั้นใช้คำว่าเลวร้ายได้เลย

"ผมจะไม่ตัด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ออกไปหรอก เพราะฟุตบอลก็เป็นแบบนี้ แต่ผมไม่คิดว่าพวกเขาจะไล่ตาม ลิเวอร์พูล ทัน" ริชาร์ดส์ กล่าว