ลุ้นแชมป์เต็มตัว?
ทีมของ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต ตามหลังจ่าฝูงอยู่ 6 แต้ม หลังจากชัยชนะ 3-0 เหนือ วูล์ฟส์ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และหากพวกเขาเอาชนะ หงส์แดง ซึ่งก็เคยชนะมาได้แล้วที่แอนฟิลด์ช่วงต้นซีซั่น ในวันที่ 14 มกราคมนี้ มันคงจะทำให้การพูดถึงเรื่องแชมป์เพิ่มมากขึ้น
การจบอันดับ 17 ในฤดูกาลที่แล้ว ท่ามกลางความวุ่นวายนอกสนามและการโดนหัก 4 แต้ม จากการฝ่าฝืนกฎการเงินของพรีเมียร์ลีก เวลานี้ทีมของ นูโน่ เปลี่ยนแปลงไปแล้ว
จนถึงตอนนี้ โอกาสที่เกี่ยวข้องกับความสามารถในการคว้าแชมป์ของพวกเขายังคงถูกตั้งคำถาม ซึ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ความเยือกเย็นของ ฟอเรสต์ และความสามารถของ นูโน่ ที่จะลดทอนคำชมเชยสูงสุดลงได้
แม้จะเป็นการพูดเล่น แต่ผู้จัดการทีมก็พูดติดตลกในงานแถลงข่าวหลังเกมที่โมลินิวซ์ ว่าเขาไม่ได้ดูตารางคะแนน ซึ่ง ฟอเรสต์ รั้งอันดับสาม โดยเป็นรอง อาร์เซน่อล แค่ประตูได้เสีย
"ผมไม่รู อาจจะต้องดูตอนจบฤดูกาลก็ได้ ผมสัญญากับพวกคุณว่าผมจะทำมัน" เขากล่าวพร้อมรอยยิ้ม
"เราพยายามสร้างบางอย่างที่ดีร่วมกัน เราต้องสนุกกับการเดินทาง ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านั้น ตารางคะแนนไม่สำคัญ เราแค่ต้องเดินหน้าต่อไป"
อย่างไรก็ตาม กุนซือชาวโปรตุเกสจะไม่สามารถเบี่ยงเบนคำถามนี้ได้อีกต่อไป เมื่อถูกถามโดยตรงเกี่ยวกับเกมที่จะพบ ลิเวอร์พูล แต่ก็โฟกัสไปที่เกมกับ ลูตัน ในเอฟเอ คัพ รอบสาม วันเสาร์นี้
"ผมขอโทษที่ไม่ได้ตอบคำถามของคุณ แต่นี่คือความจริง เราต้องเตรียมตัวให้ดีสำหรับเกมนั้น" เขากล่าว
"เอฟเอ คัพ มีความสำคัญและเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเราในแง่ของทีม เราสามารถให้เวลาลงเล่นกับนักเตะได้ เพราะมันเป็นฤดูกาลที่ยาวนานมาก และเราต้องการให้นักเตะทุกคนได้ลงสนาม พวกเขาต้องมีสภาพร่างกายที่สมบูรณ์และมีจังหวะที่ดี ดังนั้น ลูตัน จึงสำคัญเป็นอันดับแรก"
ฟอเรสต์ เป็นทีมเดียวที่เอาชนะ ลิเวอร์พูล ได้ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ และหากพวกเขาเอาชนะทีมของ อาร์เน่อ สล็อต ได้อีกครั้ง นั่นจะเป็นมากกว่าการประกาศเจตนารมณ์
"หากพวกเขาเอาชนะ ลิเวอร์พูล ได้ พวกเขาก็จะอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์" เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตกองหลัง ลิเวอร์พูล กล่าวกับ สกาย สปอร์ต
"สิ่งที่ผมอยากจะพูดตอนนี้ก็คือ หากแชมเปี้ยนส์ลีกมีโควต้าถึงทีมอันดับที่ 5 พวกเขาก็มีโอกาสสูงมาก"
สถิติบอกอะไรได้บ้าง?
- จาก 70 ทีมที่ได้ 40 แต้มขึ้นไปหลังผ่าน 20 เกมแรกในพรีเมียร์ลีก มีเพียง 4 ทีมเท่านั้นที่ไม่สามารถจบฤดูกาลในกลุ่มท็อปโฟร์ได้
- ทีมเหล่านั้นได้แก่ แบล็คเบิร์น ในฤดูกาล 1997-98 (อันดับ 6), อาร์เซ่นอล ในฤดูกาล 2016-17, เชลซี ในฤดูกาล 2017-18 และ เลสเตอร์ ในฤดูกาล 2019-20 (อันดับ 5 ทั้งหมด)
- อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์ของ อ็อปต้า ยังคงให้ ฟอเรสต์ มี 0% ในการคว้าแชมป์ และเพียง 0.7% เท่านั้นที่จะจบฤดูกาลในอันดับที่สอง
- อ็อปต้า ให้ความน่าจะเป็นสูงสุดของ ฟอเรสต์ คือจบฤดูกาลอันดับ 6 (22.2%), อันดับ 5 (22%) และอันดับ 7 (15.6%)
- นับตั้งแต่ปี 2000 คะแนนเฉลี่ยที่จำเป็นในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกคือ 89.2 คะแนน, อันดับสองคือ 81.6 คะแนน, อันดับสามคือ 74.5 คะแนน, อันดับสี่คือ 69.5 คะแนน และอันดับห้า 65.6 คะแนน
- ในฤดูกาล 2015-16 ที่ เลสเตอร์ คว้าแชมป์ พวกเขาเก็บได้ 40 คะแนนหลังจากลงเล่น 20 เกม และคว้าแชมป์ลีกด้วยการได้ 81 คะแนน ทิ้งห่างอันดับสองอย่าง อาร์เซน่อล ที่มี 71 แต้ม อย่างขาดลอย
แค่โควต้าแชมเปี้ยนส์ลีกก็น่าเหลือเชื่อแล้ว
ตอนนี้แฟนบอล ฟอเรสต์ กล้าที่จะฝันถึงการกลับไปเล่นฟุตบอลยุโรปเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1995-96 โดยตอนนี้ความหวังที่จะไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกมีความเป็นไปได้อย่างแท้จริง
พวกเขานำ นิวคาสเซิ่ล อันอับ 5 อยู่ 5 แต้ม และนำหน้า แมนฯ ซิตี้ 6 แต้ม
มอร์แกน กิ๊บบ์ส-ไวท์ กองกลางคนสำคัญกล่าวว่า "มันจะต้องเป็นอะไรที่เหลือเชื่ออย่างแน่นอน จะมีแฟนบอลกี่คนที่สามารถสัมผัสประสบการณ์นั้นได้เป็นครั้งที่สอง การให้พวกเขามีโอกาสอีกครั้งเป็นสิ่งที่เราต้องการทำในฐานะสโมสร"
"เจ้าของสโมสรเชื่อมั่นในเรื่องนี้ เราเองก็เชื่อมั่นในเรื่องนี้ เราเพียงแค่ต้องเล่นไปทีละเกมและไม่ต้องรีบร้อนจนเกินไป ใจเย็นและถ่อมตัวเข้าใจ"
โธมัส ทูเคิ่ล ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ ซึ่งไปชมเกมที่โมลินิวซ์ คงจะประทับใจประสิทธิภาพของ ฟอเรสต์ และวิธีการจัดการกับเจ้าบ้านอย่างไร้ความปราณี
กิ๊บบ์ส-ไวท์ ประเดิมทีมชาติชุดใหญ่ครั้งแรกภายใต้การคุมทีมของ ลี คาร์สลี่ย์ เมื่อเดือนกันยายน และมีโอกาสสูงที่จะมีชื่อในทีมชาติเมื่อ อังกฤษ จะพบกับ แอลเบเนีย และ ลัตเวีย ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก ในเดือนมีนาคม
กองกลางรายนี้กล่าวว่า "ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาอยู่ที่นี่ ผมแค่โฟกัสกับฟุตบอลสโมสรเท่านั้น เราจะรอดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อถึงเดือนมีนาคม แต่ตอนนี้ผมรู้แล้ว (ว่า ทูเคิ่ล อยู่ที่นี่) ผมยิ้มได้เลยแหละ"
ประตูของ กิ๊บบ์ส-ไวท์ ในนาทีที่ 7 ทำให้ ฟอเรสต์ ฉุดไม่อยู่ โดยตอนนี้พวกเขามีถึง 40 คะแนน จากการเล่น 20 นัด
ฉลองวันครบรอบ ไบรอัน คลัฟ ด้วยชัยชนะ
ชัยชนะของ ฟอเรสต์ เหนือ วูล์ฟส์ ซึ่งยังรวมถึงประตูของ คริส วู้ด และ ไตโว อโวนิยี่ และฟอร์มอันยอดเยี่ยมของ มัตซ์ เซลส์ ผู้รักษาประตูเกิดขึ้นในวันครบรอบ 50 ปี ที่ ไบรอัน คลัฟ ถูกแต่งตั้งเข้ามายังสโมสร
ผู้จัดการทีมในตำนานคนนี้พา ฟอเรสต์ จากดิวิชั่น 2 ให้กลายเป็นแชมป์ลีกอังกฤษในเวลาเพียง 3 ปี และตามมาด้วยการคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพ สองปีติด ในปี 1979 และ 1980
นูโน่ กล่าวว่า "มันมีความหมายมากสำหรับเรา เพราะ ไบรอัน คลัฟ คือตำนานของสโมสร คุณเห็นมันได้ทั่ว น็อตติ้งแฮม ในสนามของเรา และในสนามซ้อมของเรา รวมไปถึงการอ้างอิงถึง ไบรอัน คลัฟ ซึ่งสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับเราได้"
"แต่เราต้องก้าวต่อไป ความสุขของเราขึ้นอยู่กับการทำงานร่วมกันของนักเตะ นี่คือสิ่งที่ทำให้เราภาคภูมิใจและมีความสุขมาก"
มันเหมาะสมแล้วที่ นูโน่ จะรับรู้ถึงวันครบรอบ ผู้จัดการทีม ฟอเรสต์ สองคนนี้มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในบุคลิกของพวกเขา แต่ถึงแม้ว่าเขาจะยังต้องไปอีกไกล แต่ในไม่ช้านี้ นูโน่ ก็อาจถูกพูดถึงในลักษณะเดียวกับ คลัฟ หากเขาพา ฟอเรสต์ กลับไปอยู่ระดับสูงสุดในยุโรปได้
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT