respect
นี่มันช่างเหมาะกับ ลิเวอร์พูล เสียเหลือเกิน อยากจะดีก็ดีอย่างไร้เหตุผล อยากจะร้ายก็ร้ายจนต้องเบือนหน้าหนี
กับชัยชนะในเกมเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โอเค สกอร์อาจท่วมท้นถึง 5-2 ความห่างในช่องว่างตั้ง 3 ลูก
แต่!!!
ความเสียวจะไม่มาเยือนโสดประสาทเลยถ้า โรม่า ไม่เคยสร้างปาฏิหาริย์กับ บาร์เซโลน่า ที่กรุงโรม
นาทีนั้นใครๆ ก็มองว่า บาร์ซ่า ตีตั๋วมายังรอบตัดเชือกแน่กับสกอร์เลกแรกในบ้านตัวเอง 4-1 ทว่าใครจะไปคิดว่าทีมอย่าง โรม่า จะกลับมาเอาชนะในถิ่น 3-0 ถีบ ลีโอเนล เมสซี่ ร่วงถังไปอย่างเจ็บปวด
ลิเวอร์พูล เริ่มต้นตามคาดด้วยนักเตะชุดที่ดีที่สุดซึ่งพวกเขาจะมีได้ในเวลานี้ แต่ยังไม่ถึง 20 นาทีแรก แผนทุกอย่างของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ต้องเปลี่ยนไป
'ดิ อ็อกซ์' นอนกุมหัวเข่าร้องโอดโอยอยู่บริเวณริมเส้นฝั่งขวาหลังโดน อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ ล้มมาทับ
ถ้าย้อนกลับไปในช่วงต้นซีซั่น หาก อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน มีอาการบาดเจ็บ แฟนหงส์คงไม่กระวนกระวายใจขนาดนี้แน่ แต่กับตอนนี้มิดฟิลด์ทีมชาติอังกฤษก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักของทีมได้อย่างมั่นคงแล้ว
หากไม่มีประตูสุดสวยของเขาที่ยิงผ่านมือ เอแดร์ซอน ของเขา บางที ลิเวอร์พูล อาจไม่ได้เดินมาถึงจุดนี้ก็เป็นได้
สีหน้าเดอะ ค็อป ทั่วมุมโลกดูกังวลทันใด โชคดีที่ จอร์จินโย่ ไวนัลดุม ทดแทนได้อย่างไม่มีที่ติในช่วงเวลาที่เหลือ
แต่มันจะยังไงล่ะ เพราะตอนนี้ทีมเหลือมิดฟิลด์ที่เป็นกองกลางอาชีพเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น คือ เจมส์ มิลเนอร์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ไวนัลดุม ถ้าหากใครคนใดคนหนึ่งในนี้เกิดล้มหายตายจากขึ้นมา แทบไม่อยากคิด...
ในช่วงแรก ลูกทีมของ คล็อปป์ ดูจะเกร็งๆ กันไปจนตั้งเกมตัวเองไม่ติดเลย แต่ก็อย่าว่า ทีเด็ดปีนี้อยู่ที่ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และแนวรับหมาป่าเหลือง-แดงก็เอาเขาไม่อยู่ตามคาด
ซาลาห์ โชว์ความเฉียบขาดอีกครั้งด้วยลูกยิงจากเท้าซ้ายเสียบใต้คานชนิด อลิสซอน ไม่ต้องเซฟให้เสียแรงเลย เพราะพุ่งยังไงเหลี่ยมไหนก็ไม่มีทางถึง
พอประตูแรกเกิดขึ้น เหมือนว่าพลพรรคหงส์แดงจะเลิกกดดันตัวเองเสียที
พวกเขาเหมือนเจอจุดโจมตี โรม่า ของ ยูเซบิโอ ดิ ฟรานเชสโก้ ได้แล้ว นั่นก็คือลูกโยนยาวจากแนวลึกที่มักจะทะลุถึงเหล่าแดนหน้าไม่ว่าจะเป็น ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ซาดิโอ มาเน่
ด้วยความที่ โรม่า มาเล่นในระบบเซนเตอร์แบ็กสามตัว และวิงแบ็กของพวกเขาอย่าง อเลสซานโดร ฟลอเรนซี่ และ โคลารอฟ ก็ลอยสูงแบบไม่ยอมลงด้วย นั่นแหละคือที่มาของจุดจบ
จริงๆ หากครึ่งแรกยังตรึงสกอร์เอาไว้ที่ 1-0 บางที โรม่า อาจไม่พังเละขนาดนี้ ซึ่งก็ต้องขอบคุณเกมสวนกลับที่ยังคงประสิทธิภาพไม่เปลี่ยน และ ซาลาห์ ก็จบที่อย่างเฉียบขาดเหมือนเดิม
พอลงมาเล่นในครึ่งหลัง ทีมเยือนพยายามปรับทัพสู้ แต่ดูเหมือนทุกอย่างมันจะเข้าทาง ลิเวอร์พูล หมดแล้ว จนกระทั่งโดนลูกสาม สี่ ห้า จากทั้ง มาเน่ และ ฟีร์มีโน่
นี่เป็นอีกเกมที่เหล่าแนวรุกพากันโชว์ฟอร์มร้อนแรงยิงครบทั้งแผงอีกครั้ง
แต่เรื่องราวมันจะแฮปปี้เอนด์ดิ้งมากที่สุด หากไม่มีประตูของ เอดิน เชโก้ และจุดโทษของ ดีเอโก้ เปร็อตติ ในช่วงเวลาห่างกันไม่ถึง 5 นาที
มันเป็นเกมที่ 2 ติดต่อกันจากนัดเสมอ เวสต์บรอมวิช ที่หงส์แดงมาโดนเจาะตาข่ายช่วงท้ายอีกแล้ว
โชคยังดีที่เสียงนกหวีดจาก เฟลิกซ์ บรีช ดังขึ้นก่อน ไม่งั้น โรม่า อาจมีฮึดมากกว่านี้ เพราะโมเมนตั้มทุกอย่างดูจะเข้าทางพวกเขาหมดแล้ว
ว่ากันถึงเรื่องของฟุตบอลสองนัด หากมีทีมไหนที่ชนะท่วมท้นด้วยสกอร์ห่างถึง 3 ลูก ถ้าเป็นเมื่อก่อนทีมนั้นมันก็แทบจะแหย่ขาเข้ารอบไปแล้วข้างนึง
แต่กับสิ่งที่ โรม่า ทำได้ในรอบที่แล้วมันได้ทำลายกำแพงหลายอย่างในโลกลูกหนังลงอย่างหมดสิ้น
กับ ยูเวนตุส ที่แพ้ เรอัล มาดริด คาบ้านตัวเอง 3-0 ยังอุตส่าห์ได้กำลังใจจาก โรม่า ด้วยการไล่ยิงราชันชุดขาวคืน 3-0 ที่ซานติอาโก เบร์นาเบว แต่ดันมาโชคร้ายโดนทีเด็ดจาก ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ แจกจุดโทษอุ้มทีมของ ซีเนดีน ซีดาน และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เข้ารอบมาชนกับ บาเยิร์น
ก่อนหน้านี้ในประวัติศาสตร์ของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทีมที่แพ้ก่อนด้วยสกอร์ห่างเกิน 3 ลูกแล้วพลิกกลับมาเข้ารอบได้ก็เกิดขึ้นเพียงแค่ 3 ครั้งเท่านั้น คือ ลา กอรุนญ่า ในปี 2003-04, บาร์เซโลน่า เมื่อฤดูกาลก่อน และ โรม่า ที่เพิ่งทำได้ในรอบที่แล้ว
หาก โรม่า คิดว่าพวกเขาเคยทำได้ และหวังจะสร้างปาฏิหาริย์อีกครั้ง หงส์แดงก็คงเห็นบทเรียนที่เกิดขึ้นกับ บาร์ซ่า และ คล็อปป์ ก็จะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นแน่
ทำยังไงให้ไม่เกิดเซอร์ไพรส์ที่ยักษ์ใหญ่จากโรมจะคัมแบ็กน่ะเหรอ
"respect"
คำเดียว สั้นๆ แต่ได้ใจความ
เราจะเล่นด้วยความยำเกรง แต่ไม่ใช่เกรงกลัว
เราจะเล่นแบบให้เกียรติ มิใช่เหยียดหยันว่าตนเหนือกว่าเยอะ
เพียงแค่นั้น ตั๋วไปเคียฟคงไม่หลุดมือแน่
จงอย่ากลัว
เพราะเราคือ ลิเวอร์พูล ไม่ใช่ บาร์เซโลน่า
พาสต้า
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT