แดน เจมส์ คืนชีพ!

แดเนียล เจมส์ ปีกของ ลีดส์ ยูไนเต็ด ตระหนักดีว่าเขาอาจจะมีปีที่ดีที่สุดในชีวิต

มันเป็นโชคดีสำหรับสโมสรและประเทศหากเขาจะมีฤดูกาลที่ดีที่สุดในชีวิตเช่นกัน

ครั้งหนึ่งเขาเคยถูกวิจารณ์ในมุมกว้างว่าขาดประสิทธิภาพในจังหวะสุดท้ายชี้เป็นชี้ตาย แต่ตอนนี้เขาเขาอยู่ในเส้นทางสร้างสถิติทั้งทำประตูและแอสซิสต์ดีที่สุดในอาชีพของเขาในฤดูกาลเดียว

ดาเนียล ฟาร์เค่ กล่าวถึงใครบางคนซึ่งกลายมาเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ ลีดส์ รั้งจ่าฝูงของแชมเปี้ยนชิพและเตรียมจะกลับมาลุยพรีเมียร์ลีกอีกครั้ง เป็นผู้เล่นที่ยินดีแบกรับความคาดหวังอันหนักหน่วงต่อความสำเร็จในถิ่นเอลแลนด์ โร้ด

เคร็ก เบลลามี่ หวังว่าเขาจะต่อยอดด้วยการสร้างอิทธิพลให้แนวรุกขณะที่ เวลส์ กำลังวางแผนที่จะไปให้ถึงทัวร์นาเมนต์ใหญ่ที่อเมริกาเหนือ

และ เจมส์ ก็ไม่ลังเลที่อยากจะทำเช่นนั้น

"ผมไม่ใช่ผู้เล่นอายุน้อยอีกต่อไปแล้ว ผมอยากจะลองและเป็นตัวหลักคนนั้น" เจมส์ กล่าว

แต่ถึงจะเป็นนักเตะที่มีความเร็วจนน่าตื่นเต้น การจะไปถึงขั้นนั้นต้องใช้เวลาอยู่พอสมควรเลย

'ดีเกินไปสำหรับแชมเปี้ยนชิพ'

บางทีอาจเป็นเพราะว่าเขายังดูหน้าเด็กไปหน่อย จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะลืมไปว่า เจมส์ อายุ 27 ปีแล้ว และก็มีอะไรๆ มากมายในอาชีพของเขา

นับตั้งแต่ก้าวขึ้นมาสู่การเล่นฟุตบอลอาชีพในช่วงดาวรุ่งกับ สวอนซี เขาก็เข้าชิงฟุตบอลรายการใหญ่ถึง 2 ครั้ง ลงเล่น 55 นัด และย้ายทีมด้วยค่าตัว 20 ล้านปอนด์อีก 2 ครั้ง

แต่ก็ยังมีเรื่องน่าผิดหวังเช่นกัน นับตั้งแต่สูญเสีย เควาน คุณพ่อของเขา เพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนจะย้ายไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2019 ไปจนถึงการพลาดจุดโทษที่ทำให้ เวลส์ อดเข้าไปเล่นยูโร 2024

ยังมีความจริงด้วยว่า ลีดส์ ซึ่งเขาย้ายมาด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2021 ดูเหมือนจะไม่เอาเขาแล้วโดยส่งเขาไปให้ ฟูแล่ม ยืมตัวในปีถัดมา

คำถามที่เกิดขึ้นตามมาก็คือปีกรายนี้จะสามารถเล่นในระดับสูงสุดได้อีกหรือไม่ ซึ่งเขาไม่มีโอกาสตอบในตอนที่เขาอยู่กับ ลีดส์ ตอนนั้นเขาเป็นส่วนหนึ่งในทีมที่แพ้ เซาธ์แฮมป์ตัน ในนัดชิงชนะเลิศเกมเพลย์ออฟเมื่อปีที่แล้ว

"จะเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับเขาที่จะกลับมาแล้วคิดว่าเขาไม่เป็นที่ต้องการ วันเวลาของเขาใกล้จะหมดลงแล้ว และทุกอย่างก็ล้วนแต่เป็นอุปสรรคต่อเขา" จอน นิวซัม อดีตนักเตะ ลีดส์ กล่าว

"แต่เขามุ่งมั่นและกลายเป็นผู้เล่นที่ดีขึ้น ผมคิดว่าคงยากที่จะหานักเตะที่ดีกว่านี้สำหรับ ลีดส์ เขาเก่งเกินกว่าที่จะเล่นในแชมเปี้ยนชิพ"

การทำ 10 ประตู และ 9 แอสซิสต์ ซึ่งน้อยกว่ายอดรวมของปีที่แล้วเพียง 1 ประตู แสดงให้เห็นว่า นิวซัม คิดถูก

ความเฟื่องฟูในสีเสื้อ ลีดส์

ความเร็วอันน่าเกรงขามของ เจมส์ ทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่อันตรายมาโดยตลอด

หรือจะบอกว่า 'ภัยคุกคาม' อย่างที่ เบลลามี่ เคยบรรยายเขาไว้ แม้ว่ากุนซือรายนี้จะขาดเขาไปตลอด 4 เกมแรกในช่วงเริ่มงานผู้จัดการทีมชาติเวลส์ ที่ไร้พ่ายตลอดการแข่งขันเนชั่นส์ ลีก

แต่ตอนนี้เกมของ เจมส์ มีอะไรมากกว่านั้น ดูเหมือนว่าความคิดที่แข็งกร้าวจะทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่เฉียบขาด หรือจะใช้คำที่ เจมส์ ใช้ซ้ำๆ เกี่ยวกับการปรับปรุงของเขาว่าเป็นผู้เล่นที่ "โหดร้าย" มากขึ้น

"ในฐานะปีก ผมต้องการทื่จะทะยานไปให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยไม่ปฏิเสธสิ่งต่างๆ" เขากล่าวถึงสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป

"บางครั้งเมื่อมองย้อนกลับไปที่เกม ผมรู้สึกว่าตัวเองดูเซฟไปหน่อย อาจดูดีจากภายนอกที่เก็บบอลได้ แต่ท้ายที่สุดแล้ว ผมต้องอยู่ในทีมเพื่อพยายามสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ความคิดที่คงที่คือ 'ผมจะยิงหรือแอสซิสต์ได้ไหม?' และเชื่อแบบนั้น"

"และเมื่อคุณเสียบอล มันสำคัญมากที่ปฏิกิริยาตอบสนองคือการต้องเอามันคืนมาอีกครั้ง"

"คุณอาจโดนเข้าสกัด 9 จาก 10 ครั้ง แต่เป็นครั้งที่ 10 ที่บางอย่างอาจเกิดขึ้น และผมพยายามที่จะคงความคิดนั้นไว้"

มีการสังเกตเห็นแล้ว แฟนๆ ลีดส์ ได้พบฮีโร่คนใหม่ โดย เจมส์ ก้าวเข้ามาในช่องว่างที่ ครีเซนซิโอ ซัมเมอร์วิลล์ ย้ายไป เวสต์แฮม เมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว

"มีความแตกต่างอย่างชัดเจนในฤดูกาลนี้" นิวซัม กล่าว

"บอลสุดท้ายและผลงานในพื้นที่สุดท้ายของเขาดีขึ้นมาก เขาตระหนักถึงจุดแข็งของตัวเองเช่น ความเร็ว และใช้มันให้ดีที่สุดในทุกโอกาส แต่การเล่นของเขายังอยู่ในช่วงพัฒนา"

"ตอนนี้เป็นหน้าที่ที่ต้องเป็นผู้เล่นที่อายุมากขึ้น และกลายเป็นผู้เล่นหลักและรับมือกับความคาดหวัง"

"เสื้อ ลีดส์ อาจหนักเกินไปที่จะสวมใส่ในบางครั้ง และสำหรับบางคนมันก็มากเกินไป เขาเฟื่องฟูแล้ว"

ผู้นำที่ไม่น่าจะเป็นไปได้

ความสะดวกสบายในการเป็นความหวังของเกมรุกทำให้ระดับความมั่นใจของ เจมส์ พุ่งสูงขึ้น เช่นเดียวกับคุณสมบัติความเป็นผู้นำใหม่ๆ ที่เปล่งประกาย

ฟาร์เค่ บอกว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับการพูดเยอะ แต่เกี่ยวกับอัตราการทำงาน การกำหนดมาตรฐาน เป็นเหมือนดนตรีสำหรับ เบลลามี่ ซึ่งทีมชาติเวลส์ของเขาก็มีหลักการในการผ่านบอล, การบีบกดดัน และเน้นความเร็วที่คล้ายคลึงกัน

"มันไม่ได้เพิ่มแรงกดดันใดๆ เลย มีบางเกมที่มีสิ่งที่คุณพยายามทำแต่อาจจะไม่เป็นไปด้วยดี แต่คุณก็แค่พยายามต่อไปและทำในสิ่งที่ถูกต้อง และพยายามที่จะเป็นผู้เล่นคนสำคัญต่อไป"

เจมส์ เพิ่งฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บที่เอ็นหลังหัวเข่า เขาแสดงความกระตือรือร้นที่จะแสดงให้เห็นว่าเขาได้รับคำแนะนำจากบุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับเขา

"เขา (เบลลามี่) มีความขยันและเขาต้องการบอลอยู่เสมอ เรียกร้องทุกลูกบอล" เขากล่าว

"เขาต้องการสิ่งเดียวกันจากเรา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ผมจะพยายามทำในเกมของผมคือการเข้าหาคนอยู่เสมอ"

"มันง่ายที่จะได้บอล ส่งบอลกลับหลังเมื่อสิ่งต่างๆ ไม่ได้เป็นไปด้วยดี และยากกว่ามากเมื่อสิ่งต่างๆ ไม่ได้เป็นไปด้วยดีที่จะมีแนวคิดที่จะกลับไปทำสิ่งเดิมอีกครั้ง"

"บางครั้งมีความเสี่ยงที่นักเตะหรือฝูงชนจะรังแกคุณ แต่ไม่ใช่ในกรณีนี้ ผู้จัดการทีมจะคอยหนุนหลังพวกคุณ"

กุนซือและนักเตะที่มีพลังใจโหดเหี้ยม

ทั้งหมดนี้ชี้ให้เห็นว่าสไตล์การเล่นอันเร้าใจของ เวลส์ ซึ่งช่วยให้พวกเขาเป็นจ่าฝูงของกลุ่มในเนชั่นส์ ลีก นั้นจะคงอยู่ต่อไปในการแข่งขันฟุตบอลโลก

และ เจมส์ ก็พร้อมที่จะทำตามอุดมคติของเขาเมื่อฟุตบอลโลกเริ่มต้นขึ้น โดยจะพบกับ คาซัคสถาน ที่กรุงคาร์ดิฟฟื และเตรียมพร้อมที่จะเป็นนักเตะหลักอย่างที่ เบลลามี่ เคยเป็น

"ใช่เลย นั่นคือตัวตนของเขาในฐานะนักเตะ เขามีจิตใจที่โหดเหี้ยม เขาเชื่อว่าเขาทำให้ทีมคว้าชัยได้" เจมส์ กล่าว

"การมีคนๆ นั้นอยู่ข้างหลังคุณ คอยพาคุณไปอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องลงสนามและส่งผลต่อเกม รวมถึงแสดงคุณสมบัติของคุณออกมาถือเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมที่ผู้เล่นอย่างคุณจะรู้"

และความรู้สึกที่ได้เห็นการพัฒนาอันน่าประทับใจของ เจมส์ ยังคงดำเนินต่อไปในปีที่น่าจดจำสำหรับระดับสโมสรและทีมชาติ