:::     :::

กลัว

วันพฤหัสบดีที่ 03 พฤษภาคม 2561 คอลัมน์ ในกะลาครอบ โดย พาสต้า
2,518
ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
โล่งใจกันเป็นทิวแถวสำหรับพลพรรคเดอะ ค็อปทั่วมุมโลกหลังสิ้นเสียงนกหวีดยาวของ ดาเมียร์ สโลมิก้า

    เงยหน้ามองสกอร์บอร์ด 4-2 ซึ่งชัยชนะตกเป็นของ โรม่า แต่นั่นก็ยังเพียงพอที่จะทำให้ ลิเวอร์พูล ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ลีก

    เห็นฟอร์มหงส์แดงในช่วงครึ่งหลังแล้วอยากเบือนหน้าหนี แต่ด้วยผลรวมที่นำอยู่ทำให้ต้องลุ้นทุกเสี้ยววินาทีอย่าให้เรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น

    เห็นได้ชัดเจนเลยว่าลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ นั้นยังขาดประสบการณ์ในการเล่นเกมระดับอภิมหามหึมา

    แทนที่จะตั้งรับกันอย่างเป็นระบบระเบียบด้วยความได้เปรียบที่มากมาย พวกเขากลับดูสั่น และสติหลุดกระเจิงไปในช่วงใหญ่ๆ โชคดีที่ โรม่า ตามมาเมื่อสายไปแล้ว ไม่งั้นอาจได้ไปลุ้นกันยาวถึงช่วงต่อเวลาโน่นเลยทีเดียว

    ก่อนเกม กุนซือชาวเยอรมันไม่ได้มีตัวเลือกมากนัก โดยเฉพาะ 3 มิดฟิลด์ตรงกลางที่คนอื่นพากันล้มหายตายจากไปหมดแล้วทั้ง เอ็มเร่ ชาน, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน กระทั่ง อดัม ลัลลาน่า ที่ยังไม่พร้อม

    แนวรับเหมือนจะได้ชุดที่ลงตัวที่สุดในเวลานี้แล้ว ด้วยฟอร์มที่เหนือกว่าทั้ง เนธานเนียล ไคลน์ และ โจ โกเมซ ทำให้ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ กลายเป็นตัวจริง คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เป็นหัวใจหลักคู่กับ เดยัน ลอฟเรน ในช่วงที่ โฌแอล มาติป ติดถ่ายรายการพบหมอศิริราช ส่วนแบ็กซ้าย แอนดี้ โรเบิร์ตสัน จองยาว

    แนวรุกถือว่าเต็มสูบ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่เพิ่งคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมจากการโหวตของสื่อมวลชน ประสานงานกับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ซาดิโอ มาเน่

    ช่วงต้นเกมถึงตลอดครึ่งแรก ลิเวอร์พูล ดูจะรับมือกับ โรม่า ได้ดีเลย เนื่องจากทีมของ ยูเซบิโอ ดิ ฟรานเชสโก้ ไม่มีทางเลือกจำต้องเดินหน้าแลก นั่นทำให้การสวนกลับที่ถนัดทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ

    เมื่อ มาเน่ ส่งบอลซุกก้นตาข่ายได้สำเร็จ นั่นถือว่าค่อนข้างชัวร์แล้วสำหรับตั๋วไปเคียฟ

    แม้จะโดนตีเสมอจากจังหวะสุดซวยที่บอลมาอัดหน้า เจมส์ มิลเนอร์ เด้งเข้าประตูตัวเองไป ทว่าสถานการณ์คลี่คลายอีกครั้งกับสกอร์ของ จอร์จินโย่ ไวนัลดุม

    ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ มิดฟิลด์เลือดดัตช์เก็บข้าวของเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋ามายังเมืองผู้ดีตั้งแต่ปี 2015 ทว่าจาก 19 ประตูรวมทุกรายการที่ทำให้ นิวคาสเซิ่ล (11) หรือ ลิเวอร์พูล (8) ได้ก่อนหน้านี้ ไม่มีนัดไหนเลยที่ยิงได้นอกบ้าน

    ขอบอกว่านี่คือครั้งแรก!!!

    พอเข้าสู่ครึ่งหลัง โดยเฉพาะช่วงท้ายเกม อย่าไปพูดถึงเลย ก็อย่างที่เห็นนั่นแหละ

    แม้จะลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ แต่นั่นก็เป็นความพ่ายแพ้ที่ทำให้ทีมได้เฮ

    หากใครบอกในช่วงต้นซีซั่นว่า ลิเวอร์พูล จะเข้าชิงแชมเปี้ยนส์ลีกคงโดนหัวเราะเยอะใส่หน้า แต่ตอนนี้พวกเขากลับทำได้

    อะไรคือสิ่งที่ทำให้เรามาไกลได้ขนาดนี้

    เกมรุก!!!

    นี่คือเครื่องหมายของหงส์แดง เพราะปัจจุบันพวกเขากลายเป็นทีมที่ 3 ที่ยิงได้ทะลุหลัก 40 ประตูในการเล่นบิ๊กเอียร์ฤดูกาลเดียว หลังก่อนหน้านี้มี บาร์เซโลน่า (45) กับ เรอัล มาดริด (41) ที่ทำได้มาก่อน

    เครดิตคงให้ใครไม่ได้นอกจาก 3 ตัวบนที่รับคำชื่นชมเต็มตา ซาลาห์ กดไป 10 ฟีร์มีโน่ กดไป 10 เท่ากัน ส่วน มาเน่ ซัดไป 9 รวมกันแล้วยิงถึง 29 ลูก

    ซาลาห์ กับ ฟีร์มีโน่ ละไว้ในทางที่เข้าใจ แต่ใครหลายคนก็บ่นใส่ มาเน่ เหมือนกันในช่วงที่ผ่านมา

    ทว่าดาวเตะเซเนกัลนี่แหละที่เหมือนจะถูกโฉลกกับรายการนี้เอามากๆ เพราะเจ้าตัวเพิ่งจะเคยเล่นแค่ 10 นัดเท่านั้น และเขาก็ยิงไปถึง 9 ประตู

    หลังจากที่ได้เฮกันเต็มที่ขี้เต็มส้วมแล้ว จากนี้ทุกความสนใจคงมุ่งหน้าไปที่เคียฟ

    คู่แข่งคือแชมป์เก่า แชมป์ 2 สมัยติด และแชมป์สูงสุดของรายการนี้ที่ 12 สมัย

    ลิเวอร์พูลมีอะไรสู้ได้บ้าง

    ???

    กางแผนเทียบขุมกำลังยิ่งชัดเจน ยังไงทีมของ คล็อปป์ ก็เป็นรอง เห็นชื่อในม้านั่งข้างสนามของราชันชุดขาว แกเร็ธ เบล, กาเซมิโร่ หรือกระทั่ง ดานี่ เซบาโยส หันมามองฟากสีแดง เบน วู้ดเบิร์น, โดมินิก โซลันกี้ และ แดนนี่ อิงก์ส

    พวกนี้จะเปลี่ยนเกมได้ไหม

    ลดลงมาเทียบ 11 ตัวจริงที่ใช้กันบ่อยๆ ไล่กันตั้งแต่นายทวาร เกย์ลอร์ นาวาส ดูมุมไหนก็เหนือกว่า ลอริส คาริอุส

    แบ็กขวา ดาเนียล การ์บาฆาล กับไอ้หนูเทรนท์ เฮ้อ...

    เซนเตอร์ เซร์คิโอ รามอส กับ ราฟาแอล วาราน ก็น่าจะแข็งแกร่งว่า ฟาน ไดค์ และ ลอฟเรน

    แบ็กซ้ายล่ะ โรเบิร์ตสัน อาจได้รับคำชื่นชมมาก แต่ มาร์เซโล่ นี่ได้ชื่อว่าเป็นเบอร์หนึ่งของโลกในด้านนี้แล้ว

    ขยับมากองกลาง ลูก้า โมดริช, กาเซมิโร่ และ โทนี่ โครส ดูมุมไหนก็ดีกว่า มิลเนอร์, เฮนเดอร์สัน และ ไวนัลดุม

    มีแค่แผงกองหน้าที่แหละที่พอจะต่อตีกับเขาได้หน่อย เนื่องจากมาดริดมี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่เป็นตัวอันตราย แต่หงส์เรามีถึง 3 คน

    แถมเข้าไปมองเรตของบริษัทรับพนันถูกกฎหมายของต่างประเทศก็ยกให้ เรอัล มาดริด เป็นต่ออยู่แล้ว

    ขนาดสถิติกุนซือ ซีดาน พาราชันเถลิงแชมป์มา 2 ซีซั่นหลังสุด แต่ คล็อปป์ พกสถิติอกหักในนัดชิงบอลถ้วยทุกรายการมา 5 ครั้งติด

    หลายคนหวาดกลัวเหลือเกินว่าสุดท้ายจะต้องพุ่งชนเข้ากับความผิดหวังอย่างเต็มแรงเหมือนสองครั้งหลังสุดในบอลถ้วยกับ แมนฯ ซิตี้ และ เซบีย่า

    แต่ลองมองย้อนกลับไป เราก็ไม่ได้หวังว่าจะมาถึงตรงนี้เสียเมื่อไหร่

    ถ้าจะแพ้ก็ให้มันแพ้ไป แต่ถ้าชนะนั่นแหละคือโบนัสอันแสนภาคภูมิ

    คล็อปป์ เองก็อาจสถิติห่วย แต่สถิติมีไว้ทำลายไม่ใช่เหรอ

    ลองดูกันสักตั้งจะเป็นไร

    แค่มีความเชื่อ และศรัทธาเท่านั้น อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด

    ฉะนั้น จะ 'กลัว' ไปทำไม

    พาสต้า


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด