:::     :::

ฟุตบอลโลก 1986 : เรียกข้าว่า 'มาราโดน่า'

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ฟุตบอลคือกีฬาของ "ทีมเวิร์ก" ที่มาจากการประสานงานกันของผู้เล่นหลานคน แต่ความสำเร็จในบางครั้งก็เนรมิตขึ้นมาได้ด้วยคนๆ เดียว และหนึ่งในนั้นคือ ดีเอโก้ มาราโดน่า ที่พาอาร์เจนตินาคว้าแชมป์โลกสมัย 2

แรกเริ่มเดิมทีทางสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า ได้เลือก โคลอมเบีย เป็นเจ้าภาพจัดศึกฟุตบอลโลกครั้งที่ 13 แต่โคลอมเบียประสบปัญหาทางเศรษฐกิจอย่างหนักหน่วงจนต้องขอถอนตัวไปในที่สุด และเม็กซิโกก็ถูกหวยได้เป็นมวยแทนจัดฟุตบอลโลกอีกครั้ง 

ก่อนหน้าที่ศึกฟุตบอลโลกบนดินแดนจังโก้ จะเปิดฉากขึ้นเพียงแค่แปดเดือน ประเทศเม็กซิโกประสบกับเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตราว 25,000 คน

อย่างไรก็ดีเม็กซิโกก็ยังได้เป็นเจ้าภาพต่อไปเช่นเดิม และพวกเขาก็ทำได้ดีมากเสียด้วย แม้ว่าเรื่องของการถ่ายทอดสดจะออกมาไม่ดี แต่ฝ่ายจัดการแข่งขันก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ และได้เรียกช่างเทคนิคผู้มีความเชี่ยวชาญ มาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นจนกระทั่งลุล่วงไปด้วยดี 

ในศึกฟุตบอลโลกหนนี้ มีการนำเอากฎใหม่มาใช้นั่นคือ มีทีมที่จะตกรอบแรกเพียง 8 ทีมเท่านั้น และทีมอันดับสามที่มีคะแนนดีที่สุด 4 ทีมจะได้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบที่สอง 


แกรี่ ลินิเกอร์ หัวหอกทีมชาติอังกฤษ คว้าตำแหน่งดาวซัลโวหลังทำไป 6 ประตู

อิตาลี แชมป์เก่า เสมอกับ บัลแกเรีย ทีมดังแห่งสมุทรบอลข่าน ในเกมนัดเปิดสนามไปแบบจืดชืด 1-1 ไฮไลต์เด็ดสุดของศึกเวิลด์ คัพ หนนี้ มาจากซูเปอร์สตาร์อาร์เจนไตน์ที่ชื่อว่า  "เสือเตี้ย" ดิเอโก้ มาราโดน่า

มาราโดน่า ฉายแววความเป็นยอดนักเตะระดับเวิลด์คลาสด้วยการทั้งยิงทั้งเปิดบอลให้ทีมอาร์เจนตินาทุกลูกในรอบแรก 

ทางด้าน เดนมาร์ก, โมร็อกโก และสหภาพโซเวียต เป็นอีก 3 ทีมที่ทำผลงานในรอบแรกได้เตะตาคอบอลทั่วโลก เริ่มจาก "โคนม" โชว์ฟอรมเยี่ยมถล่มแชมป์โลก 2 สมัยอย่าง อุรุกวัย จนหมดสภาพถึง 6-1 

ขณะที่โซเวียตจากหลังม่านไม้ไผ่ ก็ทำผลงานได้ดีเกินคาดเมื่อถล่ม ฮังการี ยอดทีมจากยุโรปตะวันออกไปอย่างหายห่วง 6-0 ปิดท้ายด้วย โมร็อกโก พลังจากแข้งทวีปแอฟริกา ทำคะแนนแซงหน้า "สิงโตคำราม" ทีมชาติอังกฤษ เข้าป้ายเป็นอันดับ 1 ของกลุ่มไปแบบพลิกความคาดหมายหลายตลบ และ ซากี้ บาโด นายทวารของโมร็อกโก ก็ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนายทวารที่โชว์ฟอร์มได้ดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์ด้วย

"แซมบ้า" บราซิล ทีมขวัญใจมหาชน ส่งทีมรวมดาวโรยมาร่วมศึกฟุตบอลโลกบนดินแดนจังโก้ แต่ก็คว้าชัยในรอบแรกได้ครบทุกนัด ขณะที่ขุนแข้งเบลฟาสต์ ไอร์แลนด์เหนือ กลับไม่สามารถสร้างผลงานได้ดีเหมือนกับเมื่อปี 1982  ที่สเปน 

เยอรมันตะวันตก กับ ฝรั่งเศส ต่างเดินตบเท้าสู่รอบสองแบบไม่ยากเย็น เม็กซิโก เจ้าภาพ ทำผลงานได้ดีตามคาดเมื่อเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่ม และแฟนบอลจังโก้ก็เริ่มเกิดความหวังในทีมรักของพวกเขามากขึ้นเมื่อ มิเกล เนเกรเต้ ซัดประตูที่สวยงามที่สุดลูกหนึ่งในทัวร์นาเมนต์ในแมตช์รอบสองที่ซดแข้งกับ บัลแกเรีย ขณะที่ "ปีศาจแดงแห่งยุโรป" เบลเยียม โค่นโซเวียต ลงได้อย่างสุดมัน 4-3 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ


ดีเอโก้ มาราโดน่า พาทัพฟ้า-ขาวเฉือนชนะอินทรีเหล็กหวุดหวิด 3-2 ในรอบชิงชนะเลิศ 

อังกฤษ ภายใต้การนำทัพของ แกรี่ ลินิเกอร์ ดาวซัลโวสูงสุดประจำทัวร์นาเมนต์ ยังคงสร้างความประทับใจต่อไป และเอาชนะปารากวัย ได้อย่างขาดลอย 3-0 ส่วน สเปน เจ้าภาพหนก่อนก็พลิกสถานการณ์กลับมาถล่ม เดนมาร์ก แหลกลาญ 5-1 หลังจากโดนทีมโคนมเจาะตาข่ายไปก่อน

ขณะที่ "อินทรีเหล็ก" ก็ปราบพยศโมร็อกโกลงได้อย่างหวุดหวิดจากลูกฟรีคิกของ "ซูเปอร์แมน"  โลธ่าร์ มัทเธอุส ส่วนบราซิลกรุยทางสู่รอบสองด้วยการถล่มโปแลนด์  4-0 ฝรั่งเศสเขี่ยอิตาลีตกรอบ ส่วนอาร์เจนตินาของ มาราโดน่า ก็เอาชนะ "จอมโหด" อุรุกวัย คู่ปรับเก่าไปได้อย่างมันหยด

เกมในรอบก่อนรองชนะเลิศ 4 คู่ ต้องตัดสินกันด้วยการดวลจุดโทษถึง 3 คู่ แมตช์ระหว่างฝรั่งเศสกับบราซิลซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเกมที่ดีที่สุดนัดหนึ่งใประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกก่อนเป็นทัพตราไก่ยิงได้แม่นยำกว่าเอาชนะไปอย่างหวุดหวิด โดยสองนักเตะชื่อดังทั้ง โซคราตีส (บราซิล) และ มิเชล พลาตินี่ (ฝรั่งเศส) ต่างซัดลูกโทษไม่เข้า ขณะที่เบลเยี่ยมก็ยิงดวลลูกนิ่ง 12 หลาชนะสเปน เช่นเดียวกับเยอรมันตะวันตกที่ผ่านเจ้าภาพเม็กซิโก

แมตช์ที่น่าตื่นเต้นที่สุดในรอบ 8 ทีมสุดท้ายสุดท้าย อยู่ที่เกมระดับห้าดาวครึ่งระหว่าง อังกฤษ กับ อาร์เจนตินา ณ สังเวียนแข้ง อัซเตก้า และชื่อของ "เสือเตี้ย" ดีเอโก้ มาราโดน่า เทพบุตรลูกหนังฟ้า-ขาวก็ได้รับการกล่าวขวัญถึงอีกคราเมื่อเหมายิงสองประตูมหัศจรรย์ เริ่มจาก "หัตถ์พระเจ้า" ก่อนจะตบท้ายอย่างสุดยอดด้วยการลากบอลจากแดนตัวเองเลี้ยงบอลหลบผู้เล่นอังกฤษทีละคน รวมทั้งนายทวาร ปีเตอร์ ชิลตัน เข้าไปซัดประตู  อังกฤษยิงคืนมาได้หนึ่งประตูจากฝีเท้าของ แกรี่ ลินิเกอร์ แต่ไม่ทัน 

เกมรอบตัดเชือกคู่แรกเป็นแมตช์ล้างตาของเมื่อ 4 ปีก่อนที่สเปนระหว่าง ฝรั่งเศส กับ เยอรมันตะวันตก แต่ทว่านัดนี้แทบจะหาอะไรไปเทียบกับเกมที่เซบีย่าไม่ได้เลย อย่างไรก็ดี ผลการแข่งขันก็ยังเหมือนเดิม เยอรมันเป็นฝ่ายชนะฝรั่งเศสไป 2-0 โดย "เป็ดน้อย" รูดี้ โฟลเลอร์ เป็นคนยิงประตูตอกตะปูปิดฝาโลงให้ทัพอินทรีเหล็ก 


 มาราโดน่า ใช้มือชกบอลทำประตูอังกฤษจนเป็นที่มาของคำว่า "หัตถ์พระเจ้า" 

ส่วนเกมรอบรองชนะเลิศอีกคู่ อาร์เจนตินาก็เอาชนะเบลเยี่ยมไปตามคาด มาราโดน่า ทำคนเดียว 2 ประตู ลูกแรกเป็นลูกยิงด้วยข้างเท้าซ้ายด้านนอก ขณะที่ประตูที่สองมาจากความสามารถเฉพาะตัวขอเสือเตี้ยล้วนๆ เมื่อเลี้ยงบอลหลบกองหลังเบลเยี่ยมถึง 4 คนก่อนหลุดไปหน้าประตูแล้วบรจงแปบอลผ่านมือ ฌอง-มารี ฟาฟ นายทวารปีศาจแดงแห่งยุโรปเข้าสู่ก้นตาข่าย

เกมการแข่งขันดำเนินมาจนเกือบจะถึงจุดไคลแมกซ์ เกมนัดชิงอันดับที่ 3 ในปี 1982 ระหว่างฝรั่งเศสกับเบลเยียม เป็นเกมที่ตื่นเต้นเร้าใจ และฝรั่งเศสก็ปราบเบลเยียมลงได้ 4-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 

ในรอบชิงชนะเลิศระหว่างอาร์เจนตินาและเยอรมันตะวันตก มีผู้ชมแห่แหนเข้ามาชมเกมนัดนี้อย่างแน่นขนัดถึง 115,000 คน และ มาราโดน่า ก็ไม่ได้ทำให้แฟนบอลชาวอาร์เจนไตน์ทั้งประเทศที่ชมเกมนัดนี้ต้องผิดหวังเมื่อเขานำทีมเฉือนชนะเยอรมันตะวันตก 3-2 ปล่อยให้เยอรมันตะวันตกอกหักในรอบชิงชนะเลิศเป็นสมัยที่ 2 ติดต่อกัน


แฟกต์ไฟล์ฟุตบอลโลก 

ชาติเจ้าภาพ : เม็กซิโก

สนาม : 12 สนาม

จำนวนทีม : 24 ทีม

จำนวนนัด : 52 นัด 

วันแข่งขัน : 31 พฤษภาคม - 29 มิถุนายน 1986

จำนวนประตู : 132 ประตู (2.54 ประตูต่อนัด) 

ผู้ชมทั้งหมด : 2,394,031 คน (46,039 คนต่อนัด) 

ทีมแชมป์ : อาร์เจนตินา (สมัย 2) 

รองแชมป์ : เยอรมันตะวันตก

อันดับ 3 : ฝรั่งเศส

อันดับ 4 : เบลเยียม

รางวัลรองเท้าทองคำ : แกรี่ ลินิเกอร์ (อังกฤษ) 6 ประตู 

สรุปดาวซัลโว  

6 ประตู : แกรี่ ลินิเกอร์  (อังกฤษ)

5 ประตู : เอมิลิโอ  บูตราเกนโญ่ (สเปน), ดีเอโก้  มาราโดน่า (อาร์เจนตินา), กาเรก้า (บราซิล)

4 ประตู : เปรเบน เอลชา-ลาร์เซ่น (เดนมาร์ก), อีกอร์ เบลานอฟ, ฮอร์เก้ วัลดาโน่ (อาร์เจนตินา), อเลสซานโดร  อัลโตเบลลี่ (อิตาลี)


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด