ฟุตบอลโลก 1994 : การกลับมาของแซมบ้า
ช่วงที่มีการประกาศว่าสหรัฐอเมริกาได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดศึกฟุตบอลโลกปี 1990 แฟนบอลหลายคนทั่วโลกต่างแสดงความเคลือบแคลงสงสัยว่าอเมริกาจะทำหน้าที่ได้ดีหรือไม่ คอลูกหนังส่วนใหญ่เชื่อว่าแฟนบอลจะเข้ามาชมเกมแต่ละนัดกันไม่ถึงครึ่งความจุของสนามเป็นแน่
แต่พวกเขาคิดผิดอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าสนามจะใหญ่โตมหึมา แต่แฟนบอลก็แห่เข้ามาชมเกมการแข่งขันทุกนัดกันอย่างแน่นขนัด ที่สำคัญ อเมริกา ยังประสบความสำเร็จในแง่เกมการแข่งขันด้วย
กูรูวงการฟุตบอลหลายคนเกรงว่าศึกเวิลด์ คัพ หนนี้ จะยิ่งน่าเบื่อและเน้นเกมรับกันมากขึ้นหลังจากที่ได้ชมเกมการเล่นแบบนี้มาเมื่อ 4 ปีที่แล้ว โชคดีสิ่งที่หลายคนวิตกไม่เกิดขึ้น และทัวร์นาเมนต์ก็เปิดฉาก "อินทรีเหล็ก" เยอรมันเฉือนชนะโบลิเวีย 1-0 ในเกมนัดเปิดสนาม จากฝีเท้าของ "ฉลามขาว" เจอร์เก้น คลิ้นสมันน์
ฝ่าย อเมริกา เจ้าภาพออกสตาร์ตด้วยการเสมอ สวิตเซอร์แลนด์ ไปอย่างสนุก 1-1 โดยทั้งสองประตูของทีมแยงกี้มาจากลูกฟรีคิกอันสุดยอดของ วีนัลด้า และ เบรกี้ ภายหลังจากโดนเขี่ยตกรอบสองในศึกเวิลด์ คัพ ปี 1990 ที่อิตาลี ขุนพลแยงกี้ต้องการแสดงให้แฟนบอลทั่วโลกเห็นว่าพวกเขามีพัฒนาการที่ดีขึ้นว่าเดิมมาก
เบเบโต้ (กลาง) และ โรมาริโอ (ขวา) คู่หัวหอกตัวเก่งของทัพแซมบ้า
สำหรั บบราซิล แชมป์เก่านั้นอยู่ในสายเดียวกับ สวีเดน, รัสเซีย และ แคเมอรูน โดยสวีเดนเป็นทีมที่ยอดเยี่ยมและทำประตูได้มากที่สุดในศึกเวิลด์ คัพ หนนี้
แมตช์ระหว่าง รัสเซีย กับ แคเมอรูน เป็นแมตช์ที่ควรค่าแก่การจดจำเนื่องจากมีการทำลายสถิติฟุตบอลเกิดขึ้นทั้งหมด3 รายการด้วยกัน เริ่มจาก โอเล็ก ซาเลนโก้ ดาวยิง "หมีขาว" รัสเซีย เหมาตะบัน 5 ประตูในแมตช์เดียว โรเจอร์ มิลล่า กลายเป็นนักฟุตบอลที่อายุมากที่สุดที่ลงเล่นในศึกเวิลด์ คัพ รอบสุดท้าย ในวัย 42 ปี และเขายังเป็นนักเตะอาวุโสที่สุดที่ทำประตูได้หลังจากยิงประตูตีไข่แตกให้ทีมในเกมโดนรัสเซีย ยำใหญ่ 6-1
ในกลุ่ม ดี อาร์เจนตินาของ ดีเอโก้ มาราโดน่า ทำท่าจะไปได้สวยหลังเอาชนะกรีซกับไนจีเรียไปอย่างสบายเท้า แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นเมื่อ มาราโดน่า ถูกตรวจพบว่าโด๊ปยาจึงโดนห้ามลงแข่งขัน หลังจากนั้นฟอร์มของแชมป์โลก 2 สมัยก็ตกลงอย่างน่าใจหาย และทำได้เพียงประคองตัวเข้ารอบสอง
ส่วน กลุ่ม อี ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มแห่งความตาย หรือ "กรุ๊ป ออฟ เดธ" อันประกอบด้วย เม็กซิโก, ไอร์แลนด์, อิตาลี และ นอร์เวย์ เกิดเรื่องเหลือเชื่อขึ้น เมื่อทั้งสี่ทีมในกลุ่มต่างได้คะแนนและผลต่างประตูได้เสียเท่ากันเป๊ะ
ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกที่เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้น ทีมที่โชคร้ายคือ นอร์เวย์ รั้งอันดับบ๊วยของกลุ่มเมื่อยิงได้เพียงประตูเดียว แชมป์กลุ่มตกเป็นของ เม็กซิโก ที่ยิงได้ 3 ประตู แต่ก็เสีย 3 ประตู ส่วนไอร์แลนด์ และ อิตาลี เข้าเป็นอันดับ 2 และ 3
"เศรษฐีน้ำมัน" ซาอุดิอาระเบีย ตัวแทนจากเอเชียสร้างเซอร์ไพรส์ครั้งใหญ่ด้วยการซิวรองแชมป์กลุ่ม อี หลังพลิกโค่นเบลเยียมในนัดสุดท้ายของแรก
เวิลด์ คัพ 1994 กลายเป็นทัวร์นาเมนต์ที่มีผู้ชมสูงสุดตลอดกาล
เกมการแข่งขันรอบสองหรือรอบ 16 ทีมสุดท้าย ทวีความเข้มข้นยิ่งขึ้นเมื่อ โรมาเนีย คว่ำ อาร์เจนตินา 3-2 ซึ่งได้รับการกล่าวขวัญว่าอาจจะเป็นแมตช์ที่ดีที่สุดในทัวร์นาเมนต์เลยก็ว่าได้
บราซิล ลงสนามพบ สหรัฐอเมริกา ตรงกับวันชาติของตนเอง แต่ต้องดิ้นรนอย่างหนักกว่าจะเฉือนชนะแยงกี้ไปได้อย่างหวุดหวิด 1-0 จากลูกยิงของ เบเบโต้ ด้าน "อัซซูรี่" เกือบพลาดท่าไนจีเรียแต่ยังดีที่ได้ โรแบร์โต้ บาจโจ้ ดาวยิงสุดเหลือมาทำประตูตีเสมอในนาที 89 ก่อนจะมาซัดอีกลูกในช่วงต่อเวลาให้ทีมเชือดไนจีเรีย 2-1 สเปน ถล่มสวิตเซอร์แลนด์ไปอย่างสบายเท้า และ สวีเดน ก็ปราบ ซาอุฯ ลงได้
เข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศล้วนเป็นเกมที่ค่อนข้างสูสี และมียิงจุดโทษหนึ่งคู่ โรแบร์โต้ บาจโจ้ ยังแรงไม่เลิกเมื่อเป็นคนยิงประตูชัยให้ทีมชนะ สเปน ฝ่าย บราซิล ซัดประตูนำห่าง ฮอลแลนด์ ไปก่อน 2-0 ก่อนจะโดนฮอลแลนด์ไล่ตีเสมอเป็น 2-2 แต่แล้ว บรังโก้ แบ็กซ้ายตีนหนักก็ซัดฟรีคิกมหัศจรรย์ให้แซมบ้าไปอย่างสุดมัน 3-2
ส่วน บัลแกเรีย ช็อกโลกด้วยการพลิกกลับมาล้มเยอรมัน 2-1 ยอร์ดาน เล็ทช์คอฟ มิดฟิลด์หัวโล้นโขกให้บัลแกเรียขึ้นนำตั้งแต่ต้น ขณะที่เกมคู่สุดท้ายต้องตัดสินกันด้วยลูกจุดโทษ และ โธมัส ราเวลลี่ ก็โชว์ฟอร์มซุปเปอร์เซฟสองประตูให้สวีเดนทะลุสู่รอบตัดเชือก
ทีมชาติ อิตาลี ที่มี บาจโจ้ เป็นหัวใจสำคัญยิ่งเล่นยิ่งแรง และทำท่าว่าจะไม่มีทีมไหนเอาอยู่เสียแล้ว ดาวยิงเจ้าของฉายา "เปียทองคำ" กดอีก 2 ลูกในเกมกับบัลแกเรีย ส่งอิตาลีผ่านเข้าชิงกับบราซิลที่เฉือนชนะสวีเดน 1-0 จากลูกโหม่งของ โรมาริโอ ก่อนหมดเวลาเพียง 10 นาที
โรแบร์โจ้ บาจโจ้ คอตกหลังพลาดจุดโทษในรอบชิงชนะเลิศ
สวีเดน แก้ตัวได้ด้วยการคว้าอันดับ 3 หลังไล่ยำ บัลแกเรีย ไปอย่างหมดสภาพ 4-0 ส่วนรอบชิงชนะเลิศ บราซิล ผงาดคว้าแชมป์โลกสมัย 4 ไปครองหลังจากยิงลูกโทษเอาชนะอิตาลีไปอย่างเร้าใจซึ่งเป็นครั้งแรกของรอบชิงฯ ที่ต้องตัดสินด้วยการดวลเป้า
เรื่องโหดร้ายที่สุดคือ หนึ่งในคนพลาดจุดโทษของอิตาลี และเป็นคนสุดท้ายที่ทำหน้าที่คือ โรแบร์โต้ บาจโจ้ ซึ่งเล่นได้ยอดเยี่ยมมาตลอดทัวร์นาเมนต์ แต่ลูกที่สำคัญที่สุดกลับซัดโด่งข้ามคานอย่างไม่น่าเชื่อ
แฟกต์ไฟล์ฟุตบอลโลก
ชาติเจ้าภาพ : สหรัฐฯ
สนาม : 9 สนาม
จำนวนทีม : 24 ทีม
จำนวนนัด : 52 นัด
วันแข่งขัน : 17 มิถุนายน - 17 กรกฎาคม 1994
จำนวนประตู : 141 ประตู (2.71 ประตูต่อนัด)
ผู้ชมทั้งหมด : 3,587,538 คน (68,991 คนต่อนัด)
ทีมแชมป์ : บราซิล
รองแชมป์ : อิตาลี
อันดับ 3 : สวีเดน
อันดับ 4 : บัลแกเรีย
รางวัลรองเท้าทองคำ : ฮริสโต้ สคอยคอฟ (บัลแกเรีย), โอเล็ก ซาเลนโก้ (รัสเซีย) 6 ประตู
สรุปดาวซัลโว
6 ประตู : ฮริสโต้ สคอยคอฟ (บัลแกเรีย), โอเล็ก ซาเลนโก้ (รัสเซีย)
5 ประตู : โรมาริโอ (บราซิล), โรแบร์โต้ บาจโจ้, เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ (เยอรมัน), เคนเน็ธ แอนเดอร์สัน (สวีเดน)
4 ประตู : กาเบรียล บาลิสตูต้า (อาร์เจนตินา), มาร์ติน ดาร์ลิน (สวีเดน) ฟลอริน ราดูโชย (โรมาเนีย)
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT