จุดยืนของโอซิล
เพียง 3 เดือนหลังตัดสินใจต่อสัญญากับทีมออกไป อาร์แซน เวนเกอร์ ดันสละเก้าอี้โบกมือลาตำแหน่งกุนซือก่อนสิ้นสุดสัญญา
จากที่ปักใจว่าพร้อมกอดคอสู้ไปด้วยกันอีกเฮือก กลายเป็นถูกปล่อยทิ้งไว้กลางทาง ไม่มีคนที่คอยโอบอุ้มเหมือนเคย และต้องฝากอนาคตไว้กับกุนซือคนใหม่
พาทีมชาติเยอรมันไปป้องกันแชมป์โลกที่รัสเซียก็ต้องจบแบบฝันร้ายสุดๆ เมื่อทัพอินทรีเหล็กกระเด็นตกรอบแรกอย่างไม่มีใครคาดคิด แถมเป็นบ๊วยของกลุ่มอีกต่างหาก
โอซิล กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ถูกวิจารณ์อย่างหนัก ในฐานะซูเปอร์สตาร์ของทีม เขาไม่สามารถทำผลงานได้อย่างที่หลายคนคาดหวัง
แต่ที่เป็นวิบากกรรมชีวิตมากที่สุดคือ การถ่ายรูปคู่กับ เรเซป ทายยิป เออร์โดกาน ประธานาธิบดีตุรกีก่อนฟุตบอลโลกเปิดฉาก
การร่วมเฟรมผู้นำจากประเทศที่เป็นต้นกำเนิดบรรพบุรุษของตัวเองไม่น่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ แต่กรณีของผู้นำตุรกีคนนี้ต่างออกไป
เออร์โดกาน กำลังมีกรณีพิพาทกับผู้นำหลายคนของยุโรป และเคยกล่าวหาเยอรมันว่าเป็นฟาสซิสต์หลังไม่อนุญาตให้รัฐมนตรีตุรกีเข้าร่วมชุมนุมทางการเมืองในยุโรป
การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ เออร์โดกาน พยายามขับเคลื่อนจากระบบรัฐสภาเป็นประธานาธิบดีถูกมองว่าจะทำให้ตัวเขาปกครองประเทศแบบเผด็จการมากขึ้น
ภาพปัญหาที่ โอซิล และ อิลคาย กุนโดกาน ถ่ายร่วมกับ เรเซป ทายยิป เออร์โดกาน (ที่ 2 จากขวา)
ภาพลักษณ์ของ เออร์โดกาน ในสายตาชาวโลกไม่สู้ดีอยู่แล้วนับตั้งแต่มีรัฐประหารเมื่อปีก่อน ขณะที่รัฐบาลของเขาก็ริดรอนสิทธิเสรีภาพของสื่อ ประชาชนหลายหมื่นที่ต่อต้านถูกจับกุม และครอบครัวของ เออร์โดกาน ก็พัวพันกับเรื่องคอรัปชั่นจนฉาวโฉ่
นอกจากนี้ เออร์โดกาน ยังสนับสนุนกลุ่มฮะมาสในการต่อต้านอิสราเอลทำให้หลายประเทศไม่พอใจที่ตุรกีให้ท้ายองค์กรซึ่งถูกขึ้นบัญชีดำ
เฉพาะในตุรกีก็มีคนไม่ชอบ เออร์โดกาน อยู่มาก แม้กลุ่มที่ชอบจะมีพอสมควรก็ตาม
พอ เมซุต โอซิล รวมถึง อิลคาย กุนโดกาน โผล่แชะรูปกับ เออร์โดกาน ก่อนมีการเลือกตั้งในตุรกี เสียงวิจารณ์จึงอื้ออึง และเกิดขึ้นในช่วงเวลาไม่เหมาะสมเพราะศึกใหญ่ในบอลโลกรออยู่ตรงหน้า
ไม่มีใครรู้ได้ว่าสภาพจิตใจของ โอซิล พร้อมเต็มร้อยแค่ไหนกับฟุตบอลโลกที่รัสเซีย แต่โดยธรรมชาติของมนุษย์ย่อมเป็นธรรมดาหากสมาธิไขว้เขวและสูญเสียโฟกัสตรงหน้า
ประชาชนในเยอรมันออกมาตำหนิ โอซิล อย่างมากเช่นเดียวกับสื่อในประเทศที่ตามเล่นงาน
พอผลงานของเจ้าตัวไม่โดดเด่นอย่างที่ควรจะเป็น ขณะที่เยอรมันก็ตกรอบเร็วเกินคาด กระแสโจมตียิ่งพุ่งเป้าเข้าใส่หนักกว่าเดิม
โอลิเวอร์ เบียร์โฮฟฟ์ ยังให้สัมภาษณ์ในเชิงว่า โอซิล ควรถูกดร็อปจากทีมชุดบอลโลกด้วยซ้ำหลังไม่ได้เคลียร์เรื่องฉาวกับ เออร์โดกาน ให้ชัดเจน
โอซิล ย้ำจุดยืนตัวเองไม่ได้มีนัยยะทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น
โอซิล นิ่งเงียบอยู่นานมากจนกระทั่งออกมาปกป้องตัวเองเมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 ก.ค. หรือเกือบหนึ่งเดือนนับตั้งแต่อินทรีเหล็กตกรอบบอลโลกอย่างน่าอับอายหลังเกมพ่ายเกาหลีใต้ 0-2
เพลย์เมกเกอร์ปืนโตย้ำชัดเจนว่าการกระทำของตัวเองไม่ได้มีจุดประสงค์ทางการเมืองแม้แต่นิด
เขารู้จัก เออร์โดกาน ตั้งแต่ปี 2010 ระหว่างเกมของเยอรมันกับตุรกีที่เบอร์ลิน จากนั้นก็ได้พบปะกันเรื่อยๆ และบทสนทนาส่วนใหญ่คือเรื่อง "ฟุตบอล" เพราะตอนเด็ก ประธานาธิบดีตุรกีก็เคยวิ่งหวดลูกหนังมาก่อน
"ผมมีหัวใจสองดวง ดวงนึงเป็นเยอรมันอีกดวงนึงเป็นตุรกี ในตอนเด็กแม่ผมสอนให้ผมเคารพและอย่าลืมว่าผมมาจากไหน และนั่นยังเป็นสิ่งที่ผมตระหนักคิดมาจนถึงทุกวันนี้"
"ผมตระหนักว่าภาพดังกล่าวทำให้เกิดเสียงตอบรับจากสื่อเยอรมันมากมาย และในขณะที่หลายคนกล่าวหาผมว่าโกหกหรือหลอกลวง ภาพที่เราถ่ายร่วมกันนั้นไม่ได้มีจุดประสงค์ทางการเมืองเลย"
ประโยคเหล่านี้ของ โอซิล บ่งบอกถึงเจตนาที่ชัดเจนและเขาก็ยืนยันว่า "ไม่สำคัญเลยว่าใครคือประธานาธิบดี มันสำคัญที่ว่านั่นคือประธานาธิบดี"
โอซิล คิดเพียงว่าการถ่ายรูปด้วยกันเป็นการแสดงความเคารพต่อบุคคลที่มีตำแหน่งสูงสุดของประเทศที่เป็นต้นกำเนิดครอบครัวตัวเอง และเดินทางมาลอนดอนเพื่องานการกุศล
ความจริงแล้ว แถลงการณ์ของ โอซิล ผ่านสื่อโซเชียลยาวเหยียดทีเดียว และไฮไลท์สำคัญก็อยู่แถลงการณ์ฉบับ 3 ที่ประกาศเลิกเล่นทีมชาติ ด้วยวัยเพียง 29 ปี
"หลังจากใคร่ครวญอย่างหนักในเหตุการณ์ที่ผ่านมา ผมตัดสินใจที่จะไม่เล่นให้กับทีมชาติเยอรมนีอีกต่อไป ตราบใดที่ยังรู้สึกว่าถูกเหยียดเชื้อชาติและดูหมิ่น"
"ผมเคยสวมเสื้อทีมชาติด้วยความภาคภูมิใจและตื่นเต้น แต่ตอนนี้ไม่รู้สึกแบบนั้นแล้ว การตัดสินใจครั้งนี้ยากลำบากมากเพราะผมทุ่มเททุกอย่างเพื่อเพื่อนๆร่วมทีม สตาฟฟ์โค้ช และคนดีๆ ในเยอรมนีมาตลอด"
"แต่ในเมื่อผู้บริหารระดับสูงของเดเอฟเบ (ไรน์ฮาร์ด กรินเดล) ปฏิบัติกับผมอย่างที่ทำมา ลบหลู่รากเหง้าเติร์กและใช้ผมเป็นเครื่องมือโฆษณาชวนเชื่อทางการเมือง มันเลยมาถึงจุดที่ต้องพอกันที"
เมื่อความรู้สึกไม่เหมือนเดิม โอซิล จึงบอกลาทีมชาติเยอรมนีในทันที
โอซิล ได้ตระหนักรู้มากขึ้นถึงการเป็นคนที่มีชื่อเสียงว่าทุกการกระทำของตัวเองย่อมนำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์
ต่อให้มีเจตนาอันบริสุทธิ์ ไม่ได้คิดอะไรแอบแฝง แต่ภาพที่สื่อออกมาอาจถูกตีความเป็นอย่างอื่นได้เสมอ มากคนมากความและล้วนมีความคิดเห็นของตัวเอง
เมื่อทุกอย่างหนักเกินรับไหว การหันหลังแยกทางจึงเป็นทางออกที่ โอซิล เลือก และผ่านการคิดใคร่ครวญมาเป็นอย่างดี
โอซิลทุ่มเทให้กับทีมชาติมาตลอดนับตั้งแต่ขึ้นชุดใหญ่ในปี 2009 พาทีมคว้าความสำเร็จสูงสุดอย่างแชมป์โลก 2014 และเป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของเยอรมันถึง 5 สมัย
แฟนบอลและสื่อในเยอรมันพยายามโยนให้ โอซิล เป็นแพะรับบาปมากกว่าใครในความล้มเหลวจากฟุตบอลโลกของทัพอินทรีเหล็ก ทั้งที่ความจริงแล้วนักเตะเกินครึ่งในทีมต่างทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐาน
ว่าไปแล้วก็น่าเห็นใจ โอซิล โดยเฉพาะประโยคทิ้งบอมบ์ที่ว่า "เมื่อเราชนะ ผมคือเยอรมัน แต่เมื่อเราแพ้ ผมก็แค่ผู้อพยพ"
แชมป์โลก 2014 คือความสำเร็จสูงสุดกับทัพอินทรีเหล็ก
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT