ปืนใหญ่พร้อมแค่ไหน
ชัยชนะเหนือลาซิโอ 2-0 ที่กรุงสต็อคโฮล์ม ประเทศสวีเดน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา คือนัดที่ 3 ที่เอาชนะคู่แข่งในเวลา 90 นาที
2 นัดก่อนหน้านี้คือ ไล่อัด บอแร่ม วู้ด 8-0 และถล่ม ปารีส แซงต์-แชร์กแมง 5-1
ส่วนอีก 2 นัดคือการไล่ตีเสมอ เชลซี 1-1 ในช่วงทดเจ็บก่อนชนะจุดโทษ และพ่ายจุดโทษ แอต.มาดริด หลังเสมอในเวลา 1-1 เช่นกัน
นั่นเท่ากับว่า เอเมรี่ คุมทีมไม่แพ้ใครในเวลาปกติ นอกจากนี้ยังมีปิดสนามซ้อมอุ่นลับๆ อีก 2 นัด ชนะ ครอว์ลี่ย์ 9-0 และแพ้ เบรนท์ฟอร์ด 1-2
ในช่วงเวลาหนึ่งเดือนนิดๆ อาร์เซน่อลมีความพร้อมพอสมควรก่อนเปิดสนามเจองานหนักกับ แมนฯ ซิตี้ ในวันอาทิตย์ที่ 12 สิงหาคมนี้
กุนซือชาวสแปนิชได้เห็นทีมที่ตัวเองต้องการชัดเจนโดยเฉพาะระบบการเล่น และฟอร์มของ สเตฟาน ลิคท์สไตเนอร์ กับ ลูกัส ตอร์เรยร่า ที่ประเดิมสนามกับลาซิโอ
ในครึ่งแรก เอเมรี่ ทดลองระบบ 4-4-2 มี อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ จับคู่ในแดนหน้ากับ เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์
กองกลาง 4 คนใช้ กรานิต ชาคา ที่ลงนัดแรกในช่วงปรีซีซั่นเช่นกันจับคู่กับ ตอร์เรยร่า ขนาบข้างด้วย อเล็กซ์ อิโวบี้ และ รีสส์ เนลสัน
แนวรับจากซ้ายไปขวาประกอบด้วย เอนสลี่ย์ เมทแลนด์-ไนล์ส, ร็อบ โฮลดิ้ง, คาลั่ม แชมเบอร์ส และ ลิคท์สไตเนอร์ ส่วนนายทวารเลือก แบร์นด์ เลโน่
อาร์เซน่อล เปลี่ยนผู้เล่นยกชุด 11 คนลงเจอลาซิโอในนัดสุดท้าย
เป็นการเปลี่ยนยกชุด 11 คนจากเกมกับเชลซีที่ไอร์แลนด์ เป็นการกระจายโอกาสลงสนามกันถ้วนหน้า
ปืนใหญ่ทำเกมได้ดีกว่าลาซิโอเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เป็นฝ่ายคอนโทรลเกมได้ต่อเนื่อง บางจังหวะโดนทีมเลี่ยนโต้ขึ้นมาจนเกือบเสียท่าเหมือนกัน
แบร์นด์ เลโน่ ทำหน้าที่เกือบไร้ที่ติ มียืนห่างประตูครั้งเดียวและโดนชิพข้ามหัว ยังดีที่บอลชนคานเสียก่อน
จุดที่เป็นปัญหาในเกมรับคือ การรับมือลูกกลางอากาศเพราะยืนตำแหน่งกันไม่ดีนัก แชมเบอร์สกับโฮลดิ้งห่างกันเกินไป ส่วน เมทแลนด์-ไนล์ส ก็ไม่ค่อยตามตัววิ่งสอดเข้าเขตโทษ
มีที่น่าประทับใจและถูกจับตามองตั้งแต่แรกเลยคือ สเตฟาน ลิคท์สไตเนอร์
62 นาทีในสนามของแบ็กขวาทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์แสดงให้เห็นถึงคุณภาพคับแก้ว นอกจากเกมรับที่ไม่ได้ผิดพลาดแล้ว ยังตักบอลสวยๆ เข้าเขตโทษให้ลากาแซตต์ ได้วอลเลย์จนเกือบเป็นประตูอีกต่างหาก
สเตฟาน ลิคท์สไตเนอร์ (ซ้าย) โชว์ของได้น่าประทับใจ
ประสบการณ์ในเวทีกัลโช่นับสิบปียังเป็นประโยชน์มากมาย จังหวะขลุกขลิกติดพันก็รู้จักฮึดฮัด ออกอาการ ''ขู่'' ให้คู่แข่งเห็นว่าไม่ได้หงอหรือยอมง่ายๆ
ถ้าไม่นับเรื่องความฟิตที่ยังไม่เต็มถัง กองหลังวัย 34 ปีรายนี้ดีพอที่จะเบียดตัวจริงจาก เอคตอร์ เบเยริน ในนัดเปิดหัวกับเรือใบได้เลย
ขณะที่ตอร์เรยร่า ก็มีเกมที่น่าพอใจเช่นกันแม้ไม่ได้โดดเด่นสะดุดตา
กองกลางทีมชาติอุรุกวัยเล่นได้ดีมากในบอลโลกที่รัสเซีย เป็นกลางรับที่มีเทคนิคส่วนตัวใช้ได้ รู้จังหวะวิ่งเข้าหาบอล และเมื่อเสียบอลก็จะตามไล่บี้จนถึงที่สุดเพื่อแย่งกลับคืนมาให้ได้
จุดที่น่าจะดีต่อผู้เล่นกองกลางคนอื่นคือ สามารถออกบอลได้เร็วในจังหวะโดนเพรสซิ่ง ไม่ติดประมาทและมากจังหวะเหมือนชาคาและแรมซี่ย์
ในครึ่งหลัง เอเมรี่ปรับมาเล่นระบบ 4-3-3 ด้วยการส่ง มัตเตโอ เกวนดูซี่ ลงมาช่วย ชาคา และ ตอร์เรยร่า ในแดนกลาง
ลูกัส ตอร์เรยร่า (ขวา) อีกหนึ่งแข้งใหมที่ได้ประเดิมสนาม
ปิแอร์-เอเมริค โอบาเมย็อง ได้ลงเสริมเกมรุก แต่ไม่ได้เล่นกองหน้าคู่กับ ลากาแซตต์ หากแต่สลับกับ อเล็กซ์ อิโวบี้ ในการขึ้นด้านข้าง
อาร์เซน่อลคุมเกมได้ดีขึ้น เป็นฝ่ายนวดเข้าใส่ลาซิโอต่อเนื่องกว่าครึ่งแรก เกวนดูซี่ ยืนต่ำสุดในแผงกลาง 3 คน และก็เล่นได้ยอดเยี่ยมเช่นเคย
ดาวรุ่งจากลอริยองต์ปัดกวาดหน้าแผงหลังได้หลายครั้ง วิ่งสอดประสานให้บอลเคลื่อนที่ไหลลื่น จ่ายบอลเข้าช่องได้แม่นยำ คุณสมบัติข้อหลังทำได้ดีเหลือเชื่อ
จากที่ย้ายมาในฐานะดาวรุ่งโนเนม และถูกคาดหวังน้อยสุดในบรรดา 5 แข้งใหม่ ตอนนี้แสดงศักยภาพออกมาได้มากกว่าคนอื่น
วัดกันที่ฟอร์มการเล่นอย่างเดียว เกวนดูซี่ควรได้ลงเล่นในเกมกับแมนฯ ซิตี้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องวัดใจเอเมรี่ จะกล้าพอหรือไม่กับการส่งนักเตะวัยเพียง 19 ปีลงเกมจริงจังนัดแรกเจอกระดูกชิ้นโต
แท็กติกของเอเมรี่สลับซับซ้อนมากขึ้นในช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายตอนกลุ่มสำรองทั้ง โอซิล, มคิทาร์ยาน, เบเยริน และเอลเนนี่ ลงสนาม
จังหวะเปิดเกมรุกก็เป็น 4-2-3-1 มี โอซิล, มคิ และโอบา ทำเกมอยู่ข้างหลัง พอลาซิโอได้บอล มคิก็ถอยลงมาช่วย เอลเนนี่ และ เกวนดูซี่ เหมือนเป็น 4-3-3
จากนั้นขยับโอบาไปยืนหน้าเป้าหลังถอดลากาแซตต์ออกไปพัก และให้เจ้าหนู เอมิล สมิธ โรว์ ลงมาทำเกมรุก
เอเมรี่ให้สัมภาษณ์หลังเกมว่า พอใจกับกับแท็กติกครึ่งหลังตอนปรับมาเล่นกองกลาง 3 คนเพราะทำให้พื้นที่ตรงกลางแน่นขึ้น ได้เล่นในเกมที่ตัวเองถนัด และปิดโอกาสคู่แข่งไปในตัว
แท็กติกนี้มีโอกาสถูกใช้ในนัดแรกเพื่อหยุดเกมรุกที่ทรงประสิทธิภาพของแมนฯ ซิตี้
สิ่งที่เอเมรี่ต้องประเมินในการซ้อมสัปดาห์สุดท้ายก่อนลงสนามคือ จะเลือกใครลงเล่นอีกหลายตำแหน่งที่ยังไม่ลงตัว
อดีตกุนซือเปแอสเชไม่ฟันธงว่าบรรดาใหม่จะได้ลงตัวจริงมากน้อยแค่ไหน
ตำแหน่งผู้รักษาประตูก็ต้องลุ้นว่าจะเลือก ปีเตอร์ เช็ก หรือ แบร์นด์ เลโน่ ส่วนคู่เซนเตอร์น่าจะเป็น โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส กับ ชโคดราน มุสตาฟี่
แบ็กซ้ายไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากให้ เมทแลนด์ส ไนลส์ ขัดตาทัพอีกนัดหลัง เซอัด โคลาซินัช เจ็บเข่าพักยาวร่วม 2 เดือน ส่วน นาโช่ มอนเรอัล ยังมีอาการเดี้ยงติดตัว จะกลับมาซ้อมได้ในวันอังคารซึ่งแน่นอนว่าคงไม่สมบูรณ์พร้อมหากต้องเจอเกมใหญ่ทันที
อูไน เอเมรี่ ต้องหาทีมที่ลงตัวให้ได้ก่อนเจอแมนฯ ซิตี้
แบ็กขวามีดีคนละแบบ แต่คงเป็นเบเยรินที่ซ้อมช่วงปรีซีซั่นมาต่อเนื่อง เอเมรี่รู้ว่าตัวริมเส้นของซิตี้จัดจ้านหลายคน ต้องใช้ตัวที่สดและเร็วเข้าสู้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ลิคท์สไตเนอร์ก็มีโอกาสเช่นกันหากทำได้ดีในการซ้อมช่วงที่เหลือ แถมเบเยรินเองก็ใช่ว่ารับมือกับปีกตัวจี๊ดได้ตลอด เกมกับเชลซีก็โดน คัมลั่ม ฮัดสัน-โอดอย เล่นงานจนหัวปั่นมาแล้ว
ตรงกลางเป็นจุดที่ตัดสินใจยากสุด แต่หากเน้นรัดกุมก็ต้องเป็นกองกลาง 3 คน
อารอน แรมซี่ย์ มีปัญหาบาดเจ็บ คงฟิตไม่ทัน กรานิต ชาคา จะเป็นตัวเลือกแรกที่ถูกใส่ชื่อแม้เพิ่งเล่นปรีซีซั่นได้นัดเดียว
อีก 2 ตำแหน่งต้องแย่งกันระหว่าง เอลเนนี่, เกวนดูซี่ และ ตอร์เรยร่า
แนวรุก 3 คนข้างหน้าจะมีเพียงคนเดียวระหว่างลากาแซตต์กับโอบาเมย็องที่ยืนหน้าเป้า ถ้าประเมินจากที่เห็นในปรีซีซั่น โอบาต้องถ่างออกด้านข้าง อีกหนึ่งตำแหน่งเป็นโอซิล นั่นหมายความว่ามคิทาร์ยานหลุดเป็นสำรอง
อีกแท็กติกที่เป็นไปได้คือ มคิทาร์ยานได้ลงเป็นหนึ่งใน 3 กองกลางซึ่งจะทำให้เอเมรี่ปรับการเล่นระหว่างเกมได้ง่ายเหมือนที่ทดลองในเกมกับลาซิโอ
จังหวะรุกก็ดันขึ้นมาช่วยโอซิลและโอบาเมย็อง เหมือนเป็น 3 ตัวรุกสนับสนุนหน้าเป้า จังหวะรับก็ถอยลงมาช่วยตรงกลาง เมื่อตัดบอลได้ก็สามารถทำเกมรุกได้ด้วยตัวเองทันที
หนึ่งสัปดาห์สุดท้ายจะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากของ อูไน เอเมรี่ ในการเลือกทีมที่เหมาะสมและหาคำตอบที่ต้องการให้ได้
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT