สวยและจูบหอม
มันเป็นแบบนั้นโดยไร้ข้อโต้แย้งใดๆ
สไตล์ชวนมอง ดึงดูดความน่าสนใจ แต่หากไม่สามารถเอาชนะคู่แข่งได้ก็ไร้ความหมาย เพราะสุดท้ายฟุตบอลก็วัดกันที่ผลการแข่งขัน
ความงดงามอาจได้รับเสียงปรบมือชั่วคราว แต่ทุกคนอยากเห็นทีมเป็นแชมป์มากกว่า ยิ่งช่วงที่ห่างหายไปนานๆ ยิ่งโหยหา
แต่นัดล่าสุดที่อาร์เซน่อลบุกอัดฟูแล่มยับคารังคราเว่น ค็อตเทจ คือนัดแรกในรอบหลายนัดที่แฟนบอลสมหวังทั้งฟุตบอลที่สวยงามและชัยชนะแบบเต็มอิ่มจุใจรัวคู่แข่ง 5 ประตูเป็นนัดแรกของฤดูกาล
ในช่วงเข้าเบรกชนะ 8 นัดก่อนหน้านี้ ทีมของ อูไน เอเมรี่ เล่นดีระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ตื่นตาตื่นใจมาก รูปเกมไม่ถึงกับไหลลื่นไร้รอยต่อ หลายต่อหลายนัดเครื่องร้อนช้า
เทียบเป็น 2 ครึ่งเวลาแล้ว ทีมของ อูไน เอเมรี่ มักทำได้ดีขึ้นในครึ่งหลัง
เกมกับเจ้าสัวน้อยก็ไม่ต่างกัน แต่ที่เห็นชัดคือ เล่นแล้วเชียร์สนุก ส่วนนึงก็เพราะบุกแล้วได้ประตูด้วย เลยยิ่งเพลิน
เอเมรี่ เปลี่ยนทีมหลายตำแหน่งหลังผ่านเกมยูโรปา ลีก ที่เดินทางไกลกลับมาจากอาเซอร์ไบจาน แต่ถ้าเทียบกับเกมลีกล่าสุดที่เปิดบ้านชนะวัตฟอร์ด จุดหลักๆ ที่เปลี่ยนแปลงคือ 3 ตัวรุก
เมซุต โอซิล เจ็บแผ่นหลังในการซ้อมล่าสุด ไม่มีชื่อแม้กระทั่งสำรอง ส่วน ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง กับ อารอน แรมซี่ย์ ต่างมีชื่อเป็นเพียงสำรอง
ทำให้แผงแนวรุกเปลี่ยนมาเป็น แดนนี่ เวลเบ็ค, เฮนริค มคิทาร์ยาน และ อเล็กซ์ อิโวบี้ โดยมีเพียง อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ ที่รักษาตำแหน่งหน้าเป้าไว้ได้
ดูเหมือนยังเล่นระบบ 4-2-3-1 แต่ช่วงเริ่มต้นทดลองใช้ 4-4-2 ด้วยการดัน เวลเบ็ค ขึ้นไปยืนคู่กับ ลากาแซตต์ และให้ อิโวบี้ กับ มคิทาร์ยาน ลุยริมเส้น ส่วนคู่มิดฟิลด์เป็น กรานิต ชาคา และ ลูคัส ตอร์เรยร่า
อูไน เอเมรี่ พาทีมบินฉิวต่อเนื่อง
เกมยูโรปา ลีก กับ คาราบัก เอเมรี่ ก็ทดลอง 3-4-3 แต่ไม่เวิร์กจนต้องเปลี่ยนเป็นแบ็กโฟร์เหมือนเดิมในครึ่งหลังพร้อมอัด ตอร์เรยร่า ลงไปช่วยแดนกลาง
ส่วนเกมนี้ ฟูแล่ม ของ สลาวิซ่า โยคาโนวิช มาแบบเซอร์ไพรส์นิดๆ ที่เปิดแลกเลยในทุกครั้งที่มีโอกาสเพราะประเมินว่า ผู้เล่นอาร์เซน่อลหลายคนเพิ่งล้าทั้งลงเล่นและเดินทางไกล หากบี้หนักๆ เข้าประชิดถึงตัวก็บีบให้เล่นในเกมของตัวเองไม่ได้แน่ เล่นในบ้านแบบนี้ยังไงก็ได้เปรียบเสียงเชียร์
เจ้าสัวน้อยทำได้ดีระดับนึง เพราะการเพรสซิ่งเร็วทำให้แข้งปืนใหญ่ไม่สามารถครองบอลบุกได้ต่อเนื่อง และจ่ายบอลผิดพลาดมากขึ้น
ลูกตีเสมอของฟูแล่มก็มาจากการตัดบอลที่แนวรับปืนใหญ่เปิดขึ้นมาไม่ดี ก่อนที่ ลูชาโน่ เวียตโต้ จะแทงตัดหลังให้ อันเดร เชือร์เล่ หลุดไปงัดสวนตัว แบรนด์ เลโน่ ง่ายๆ
นอกจากนี้ยังมีอีกหลายจังหวะที่ฟูแล่มโหมเร็ว พรวดเข้าชิงบอลและเปิดเกมรุกทันที ทว่าด้วยเกมรุกที่ไม่เฉียบคมมากนักทำให้ยิงทิ้งยิงขว้างเป็นส่วนใหญ่
ตลอด 90 นาที ฟูแล่ม ได้ยิงถึง 21 ครั้ง แต่เข้ากรอบเพียง 4 ครั้ง และได้ประตูเดียวบ่งบอกอะไรได้พอสมควร
ส่วนอาร์เซน่อล ในหลายนัดก่อนหน้านี้ที่ชนะ รูปเกมครึ่งแรกก็เจียนอยู่เจียนไปหลายครั้ง ปีเตอร์ เช็ก หรือ แบรนด์ เลโน่ ที่ได้ลงเล่น ต้องทำหน้าที่เซฟช่วยทีมเป็นว่าเล่น
มีเพียง 3 จาก 9 นัดทุกรายการที่ขึ้นนำคู่แข่งก่อนในครึ่งทางแรก และผ่าน 45 นาทีที่คราเว่น ค็อตเทจ ก็จบที่ 1-1 ด้วยรูปเกมไม่ได้เหนือกว่าเจ้าถิ่นมากนัก
ทว่าครึ่งหลังคือช่วงเวลาปล่อยของอย่างเต็มที่
ฟูแล่ม ไม่ถอนคันเร่งและดันสูงในหลายจังหวะ อาร์เซน่อลจึงมีพื้นที่ในเกมรุกอย่างมาก การต่อบอลเริ่มลงล็อกและคอนโทรลเกมของตัวเอง
ประตูสุดสวยของ อาร่อน แรมซี่ย์ ที่มาจากการประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมหลายคน
เกมคู่นี้เล่นกันค่อนข้างเร็ว แถมไม่มีดึงเกมใส่กัน มันจึงเป็นเกมที่เอนเตอร์เทนแฟนบอลอยู่ตลอด
แต่เกมเปิดแลกกันแบบนี้ เวลาผ่านไปสักพักก็เห็นข้อแตกต่างในเรื่องการเล่นระหว่างทีมใหญ่กับทีมเล็ก
เป็นทางฟูแล่มที่เริ่มผิดพลาดกันเอง พอดันเกมสูงมากก็ลงไม่ทัน หรือต่อให้วิ่งตีคู่กลับเข้าเขตโทษได้พร้อมผู้เล่นอาร์เซน่อล แต่ไม่สามารถจัดระบบระเบียบในเกมรับตัวเองได้ สุดท้ายก็โดนลงโทษ
ครึ่งหลังอาร์เซน่อลต่อบอลได้แม่นยำมากขึ้น โชว์ให้เห็นว่าทีมเวิร์กดีกว่า แม้ตัวผู้เล่นจะสลับสับเปลี่ยนกันอย่างมาก ตรงนี้เป็นผลมาจากการฝึกซ้อมอย่างหนักของ เอเมรี่ ที่ค่อยๆ ผลิดอกออกผลในการแข่งขันจริง
ประตูของ อารอน แรมซี่ย์ ที่ลงมาเป็นสำรอง ดูกี่ครั้งก็เพลินตา มันเกิดจากการประสานงานกันของผู้เล่นเอาต์ฟิลด์กว่าครึ่งทีม และจบแบบเหนือชั้นอีกต่างหาก
นี่คือประตูที่ถือได้ว่า เป็นทีมเวิร์กมากที่สุดของอาร์เซน่อลในฤดูกาลนี้
แน่นอนว่า ทำให้อดนึกถึงยุคเก่าๆ ที่เคยยิ่งใหญ่ไม่ได้ การต่อบอลเท้าสู่เท้าที่แม่นยำ ฉับไว และ ''ตกผลึก'' ในแนวทางการเล่นเคยทำให้ปืนใหญ่ช่วงปี 2002-2004 คือช่วงที่เล่นสนุกและทรงประสิทธิภาพอย่างมาก
ปาทริค วิเอร่า ตัดบอลได้กลางสนามก่อนกระแทกให้ แอชลี่ย์ โคล เติมขึ้นมาตบกลับคืน เดนนิส เบิร์กแคมป์ ที่ได้ไหลนิ่มๆ เข้าเขตโทษโดยมี เธียร์รี่ อองรี สปีดเข้าไปตวัดปล่อยบอลโค้งเสียบสามเหลี่ยมสวยงาม
อาร์เซน่อลชุดนี้ยังห่างไกลกับยุคที่ดีที่สุดอยู่มาก แต่ประตูนี้ทำให้ความรู้สึกหอมหวานเก่าๆ ผุดขึ้นมาในหัวทันที
ในเรื่องของคุณภาพการเล่น เกมนี้เห็นได้ชัดว่า อาร์เซน่อลเหนือกว่าฟูแล่มอย่างไม่ต้องสงสัย
ปืนใหญ่ไม่ต้องยิงพร่ำเพรื่อ แต่ 9 ครั้งที่ง้างเท้าก็เข้ากรอบถึง 7 ครั้ง และเป็น 5 ประตู
คุณภาพการจบสกอร์เป็นสิ่งที่แตกต่างกันมาก และทำให้หลายคนเข้าใจได้ว่าทำไมสโมสรถึงยอมทุ่มเงินมากกว่าร้อยล้านปอนด์ดึงทั้ง ลากาแซตต์ เข้ามาในซัมเมอร์ก่อน และ โอบาเมย็อง ในตลาดหน้าหนาว
การมีกองหน้าชั้นดีในทีมย่อมคาดหวังผลลัพธ์ดีๆ ได้เช่นกัน และอาร์เซน่อลก็มีถึง 2 คนในตอนนี้
ลากาแซตต์ กับ โอบาเมย็อง กดรวมกัน 11 ประตูในฤดูกาลนี้
กองหน้าธรรมดาทั่วไปอาจยิงไม่ได้แม้แต่ประตูเดียวกับจังหวะที่ ลากาแซตต์ กด 2 ประตูในเกมนี้ ขณะที่ 2 ประตูของ โอบาเมย็อง ก็ไม่ใช่ว่าง่ายเช่นกัน สัญชาตญาตในการเป็นกองหน้าต้องมี ไม่ใช่ใครก็ได้ไปยืนอยู่ตรงนั้น
อีกจุดเด่นที่หัวหอกทั้งสองทำให้เห็นคือ การพลิกยิงประตูในจังหวะที่ถูกคู่แข่งประกบติดหนึบในเขตโทษ
การเข้าถึงตัวเร็วของฟูแล่มอาจสร้างปัญหาให้อาร์เซน่อลในหลายครั้ง แต่พอ ลากาแซตต์ และ โอบา พลิกหนีนิดเดียวก็สลัดหนีตัวประกบจนหลังหักขาตายไปเลย
ลากาแซตต์ กับ โอบาเมย็อง ไม่ได้เล่นด้วยกันตลอดเวลา บางนัดจับคู่กันตั้งแต่ออกสตาร์ต แต่ก็อีกหลายนัดที่ต้องนั่งข้างสนามหนึ่งคน ทว่าทุกช่วงเวลาที่อยู่ในสนาม ทั้งคู่ต่างทำผลงานได้ดี ตำแหน่งการเล่นอาจทับกันแต่ โอบาเมย็อง โยกออกด้านข้างได้ และก็ยิงรวมกันไปแล้ว 11 ประตูในฤดูกาลนี้
ปืนใหญ่เพิ่งผ่านเกมกลางสัปดาห์ และใช้ 3 ตัวรุกชุดสอง แต่สามารถเร่งจังหวะเกมในครึ่งหลังจนหวดฟูแล่มยับคารัง แสดงให้เห็นถึงคุณภาพเชิงลึกของผู้เล่นที่ดี
สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นเลยหากไม่เพราะการทำงานอย่างหนักของ อูไน เอเมรี่ และทีมงานที่ค่อยๆ ปรับจูนทีมได้ลงตัวมากขึ้น
เสียดายนิดเดียวที่ช่วงนี้มีเบรกทีมชาติมาคั่น หากรันโปรแกรมลีกยาวๆ ก็เชื่อว่าอาร์เซน่อลชั่วโมงนี้ยังสามารถสานต่อฟอร์มเก่งได้มากกว่านี้อีกแน่
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT