Perfect 10
อูไน เอเมรี่ ทำในสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับอาร์เซน่อลเลยตลอด 11 ปีหลังสุด หรือนับตั้งแต่ปี 2007 ที่เคยเข้าเบรกชนะ 12 นัดติดในยุค อาร์แซน เวนเกอร์
จาก 2 นัดแรกที่ไม่มีแม้แต่คะแนนเดียว ตอนนี้ผ่านไป 9 นัดในลีก "ปืนใหญ่" ตามหลัง 2 ทีมนำแมนฯ ซิตี้ และลิเวอร์พูลเพียง 2 คะแนน
งานของ อูไน เอเมรี่ เข้ารูปเข้ารอยมากขึ้นและเดินหน้าได้อย่างมั่นใจ
จุดเด่นในช่วงนี้คือ "เกมรุก" ที่หวังผลได้โดยเฉพาะ "ครึ่งหลัง"
10 นัดที่เก็บชัยชนะรวด อาร์เซน่อล ไม่ได้เล่นดีแบบไร้ที่ติทั้ง 10 นัด และมีเพียง 3 นัดเท่านั้นที่นำคู่แข่งเมื่อผ่านครึ่งทางแรก
นัดล่าสุดกับเลสเตอร์คือตัวอย่างที่ชัดเจน
เลสเตอร์ได้ประตูนำก่อนและหวิดหนีบวกเพิ่มลูก 2 และ 3 รวมถึงน่าจะได้จุดโทษในจังหวะแฮนด์บอลของ ร็อบ โฮลดิ้ง
อาร์เซน่อลรอดตัวที่ผู้ตัดสินไม่ได้เป่า หากสกอร์เป็น 2-0 และ โฮลดิ้ง โดนไล่ออกกับก่อนหน้านี้ได้เหลืองไปแล้ว งานปาร์ตี้ฉลองชัยชนะ 10 นัดติดคงไม่เกิดขึ้น
ก่อนลงสนาม เอเมรี่ แสดงความกังวลถึงฟอร์มการเล่นในครึ่งแรกของลูกทีม เขาพยายามหาสาเหตุมาอธิบายว่าเหตุใดเครื่องจึงร้อนช้า ก่อนได้ข้อสรุปห้วนๆ ให้กับตัวเองว่าทีมขาดความกระตือรือร้นที่ต้องมากกว่านี้
แต่อาร์เซน่อลโชคดีที่ไม่เพลี่ยงพล้ำตามหลังจิ้งจอกเมื่อ เมซุต โอซิล ทำประตูตีเสมอในนาทีสุดท้ายก่อนพักเบรก
เมซุต โอซิล ท็อปฟอร์มสุดๆ ในนัดนี้
ประตูนี้สำคัญมากเพราะทำให้การรีสตาร์ตเกมครึ่งหลังไม่มีใครเสียเปรียบได้เปรียบ และอาร์เซน่อลดูจะมีกำลังใจที่ดีกว่าด้วยกับการตีเสมอในเวลาที่ต้องการ
จากนั้นเกมครึ่งหลังก็คือ เกมของอาร์เซน่อล
เอเมรี่ ปล่อยให้ลูกทีมเล่นต่ออีก 15 นาทีก่อนปรับเกมในจุดที่เป็นปัญหานั่นคือ "แบ็กซ้าย" ที่ นาโช่ มอนเรอัล ดันได้รับบาดเจ็บก่อนเกม
สเตฟาน ลิชท์สไตเนอร์ ไม่เวิร์กกับการรับบทแบ็กซ้ายจำเป็น ครึ่งแรกหลุดตำแหน่งหลายครั้งและโดนตัวรุกเลสเตอร์ที่มีความเร็วทั้ง เคเลชี่ อิเฮียนาโช่ รวมถึงแบ็กขวา ริคาร์โด้ เปเรยร่า เติมขึ้นมาเล่นงานตลอด
ข้างสนามไม่มีแบ็กซ้ายอาชีพเหลืออีกแล้วเพราะ เอนส์ลี่ย์ เมทแลนด์-ไนล์ส ที่เคยแก้ขัดในตำแหน่งนี้ก็ยังไม่หยาเจ็บกลับมา
เอเมรี่ จึงทำเซอร์ไพรส์ขยับ กรานิต ชาคา ไปเล่นพร้อมส่ง มัตเตโอ เกวนดูซี่ มาวิ่งไล่ตรงกลางแทน
ส่วนเกมรุกถอด เฮนริค มคิทาร์ยาน ออกแล้วเติม ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ลงไปช่วย อเล็กซองด์ ลากาแซตต์
การแก้เกมของ เอเมรี่ ได้ผลรวดเร็วเพราะเพียง 2 นาทีในสนาม โอบาเมย็อง ก็ทำประตูให้ทีมนำ 2-1 ซึ่งต้องชมความยอดเยี่ยมของ เมซุต โอซิล ที่แทงบอลทะลุสวยมากให้ เอคตอร์ เบเยริน ควบถึงเกือบสุดเส้นฝั่งขวาก่อนหักเข้ามาให้ โอบา แปง่ายดายราวกับปลอกกล้วย
ประตู 2-1 ว่าสวยแล้ว แต่ประตู 3-1 ในอีก 3 นาทีถัดมา สวยและ "สมบูรณ์แบบ" ยิ่งกว่า
เอเมรี่ พยายามวางรูปแบบการเล่นให้อาร์เซน่อลมาตลอดนับตั้งแต่เข้ามาคุมทีมนั่นคือ การเซตเกมจากผู้รักษาประตูขึ้นมาทีละสเต็ป ไม่สาดโด่งเพราะสุ่มเสี่ยงต่อการเสียบอล
ผู้เล่นอาร์เซน่อลมีส่วนร่วมในประตูนี้ถึง 9 คน เริ่มจาก แบรนด์ เลโน่ ก่อนมาจบที่ โอบาเมย็อง โดยที่ระหว่างทางขับเคลื่อนด้วยเซนส์ระดับโลกของ โอซิล
ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ลงมาเป็นซูเปอร์ซับอีกแล้ว
อาร์เซน่อลต่อบอลกัน 9 จังหวะ โอซิล คนเดียวเล่น 3 จังหวะและเป็น 3 จังหวะที่สุดยอดเริ่มตั้งแต่ สะกิดบอลด้วยข้างเท้าให้ เกวนดูซี่ ตอนที่ตัวเองอยู่วงกลมกลางสนาม
จากนั้นเพลย์เมกเกอร์วัย 30 ปีวิ่งควบไปหน้าเขตโทษเลสเตอร์ ในจังหวะเดียวกับที่ เบเยริน ขึ้นทางฝั่งขวาและเปิดบอลเข้ามาให้
โอซิล ไม่เล่นบอลจังหวะนี้แต่ข้ามหลอกปล่อยให้ถึง ลากาแซตต์ ก่อนวิ่งฉีกไปรอรับในเขตโทษซึ่ง ลากาแซตต์ ก็กระแทกบอลจังหวะเดียวแบบรู้กัน ที่เหลือก็เพียงแค่ โอซิล งัดบอลหนี แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล มาให้ โอบาเมย็อง แปง่ายๆ เป็นประตูอีกแล้ว
แข้งเลสเตอร์ได้เพียงยืนป้องกันด้วยสายตาเพราะไม่รู้จะป้องกันสุดยอดการเข้าทำที่มีทั้งความเป็นทีมเวิร์กผสมผสานกับความสามารถเฉพาะตัวได้อย่างไร
เมซุต โอซิล เด่นมาก ท็อปฟอร์มสุดๆ เล่นได้ดีแบบถูกที่ถูกเวลาหลังถูกส่งประจำในตำแหน่งถนัดกับการเป็นเพลย์เมกเกอร์หลังกองหน้าตัวเป้า
ที่ผ่านมา อูไน เอเมรี่ มักสลับใช้ อารอน แรมซี่ย์ เล่นตำแหน่งนี้เช่นกัน ทำให้ โอซิล ถูกโยกไปด้านข้าง บทบาทในเกมรุกจึงมีน้อยเพราะไม่ใช่ตำแหน่งถนัด ทว่านัดนี้ปล่อยของสุดๆ สมกับเป็นจอมทัพหมายเลข 10 แถมรับหน้าที่กัปตันทีมอีกต่างหาก
แน่นอนว่า คนที่ควรได้เครดิตมากกว่าใครคือ อูไน เอเมรี่ ที่พลิกโฉมหน้าจากทีมที่เหมือนไร้สภาพให้กลับมาเล่นได้อย่างมั่นใจ ทรงประสิทธิภาพ และสวยงาม ที่สำคัญคือ เรียกศรัทธาจากแฟนบอลกลับคืนมาอีกครั้ง
เอเมรี่ โชว์ให้เห็นกึ๋นในการวางหมากและโดยเฉพาะการแก้เกมที่กล้าคิด กล้าทำ และรวดเร็ว หากเห็นว่าจุดใดไม่ลงตัวก็พร้อมเปลี่ยนทันที ไม่รอเวลาให้เสียเปล่า
กราฟิคประตู 3-1 ที่มาจากทีมเวิร์กอันยอดเยี่ยม
อาร์เซน่อลเร่งเครื่องครึ่งหลังได้ก็เพราะแก้ไขในจุดที่ไม่สมดุลของครึ่งแรก เหมือนเช่นเกมยูโรปา ลีก ที่บุกชนะ คาราบัก 3-0 ซึ่งระบบ 3 กองหลังที่เซตตอนแรกไม่เข้าท่า แต่ปรับทันทีเมื่อเข้าสู่ครึ่งหลัง
การสลับผู้เล่นลงสนามทำให้ทีมอาวุธที่ซุ้มม้านั่งสำรองหากจำเป็นต้องใช้ ไม่ใช่เทหมดหน้าตัวส่งตัวหลักลงทั้งหมด
นัดบุกชนะฟูแล่ม 5-1 ก่อนเบรกทีมชาติ โอบาเมย้อง เล่นเด่นมากหลังลงสำรองยิง 2 และแอสซิสต์อีก 1 หากจะกลับมาเป็นตัวจริงนัดนี้ก็ถือว่าเหมาะสม แต่ เอเมรี่ เก็บไว้ใช้ในเวลาฉุกเฉินซึ่งสุดท้ายก็เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
วัดกันจนถึงตอนนี้ โอบาเมย็อง คืออีกหนึ่งการซื้อตัวที่สุดคุ้มของอาร์เซน่อล ผลงานการมีส่วนร่วมใน 21 ประตู (ยิง 16 แอสซิสต์ 5) จาก 22 นัดในพรีเมียร์ลีกซึ่งไม่ได้เป็นตัวจริงทุกนัด บ่งบอกคุณภาพอย่างมาก
อาร์เซน่อล กลายเป็นทีมเครื่องร้อนครึ่งหลังของจริงกับตัวเลข 16 ประตู มากกว่าทุกทีมในลีก แมนฯ ซิตี้, เชลซี และ ลิเวอร์พูล ที่ว่าแน่ๆ ยังไม่สามารถทำประตูใน 45 นาทีหลังได้เท่านี้
การยกระดับการเล่นในครึ่งเวลาหลังไม่ใช่เพียงเรื่องของการวิ่งหรือออกแรงมากขึ้น หากแต่การแก้เกมของโค้ชก็สำคัญสุดๆ อูไน เอเมรี่ รู้ในจุดนี้ว่าต้องใช้ใครและเมื่อไหร่
เมื่อแผนที่วางมาได้ผล ระบบลงล็อก อาร์เซน่อล จึงเหมือนโหมได้ทุกเวลาตลอด 90 นาที มีลุ้นประตูที่ 4 และ 5 ไม่ได้ถอนคันเร่งเล่นเพลย์ออฟกับ 2 ประตูที่นำห่าง
เป็นการชนะ 10 นัดติดที่โชว์ให้เห็นทั้งประสิทธิภาพและความสวยงามในการเข้าทำซึ่งเป็นสิ่งที่ทีมโหยหามานาน
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT