สงสารเวลเบ็ค
"ปืนใหญ่" ทำได้เพียงเสมอทีมดังจากโปรตุเกส 0-0 แต่ยังได้ตั๋วรอบต่อไปเพราะผลอีกคู่เป็นใจเมื่อ คาราบัค บุกชนะ วอร์สคลา 1-0
คาราบัค กับ วอร์สคลา มีทีมละ 3 คะแนน จึงไม่มีทางไล่ทันอาร์เซน่อลที่มี 10 คะแนน ได้แน่นอนใน 2 นัดสุดท้าย นั่นทำให้ทีมของ อูไน เอเมรี่ เสร็จภารกิจเบื้องต้นในยูโรปา ลีก ตั้งแต่ 4 นัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม และเป็นหนึ่งใน 7 ทีมที่เข้ารอบแต่เนิ่นๆ
แต่การเข้ารอบเป็นเพียงเรื่องดีเรื่องเดียวที่เกิดขึ้นในวันที่หลายอย่างดูจะเป็นเรื่องแย่มากกว่า
อันดับแรก การได้เพียงเสมอถือว่าต่ำกว่ามาตรฐานที่เคยทำได้แม้ อูไน เอเมรี่ จะรักษาสถิติไม่แพ้ใครเป็นนัดที่ 15 ติดต่อกันก็ตาม
เอเมรี่ เปลี่ยนทีมถึง 9 ตำแหน่งก็จริง แต่กลุ่มสำรองและตัวหลักบางคนที่ได้ลงสนามก็ถือว่าเป็นผู้เล่นที่ใช้งานประจำ ดาวรุ่งอย่าง เอมิล สมิธ โรว์ กับ มัตเตโอ เกวนดูซี่ ก็คืออะไหล่ของทีมชุดใหญ่
นอกจากนี้ โซคราตีส ปาปาสตาโธปูลอส, อารอน แรมซี่ย์, อเล็กซ์ อีโวบี้ และ ปีเตอร์ เช็ก ก็ล้วนเคยเป็นตัวจริงของทีมในบางช่วง ดังนั้นจึงเป็นชุดที่ถือว่าเอาจริงพอสมควร
อาร์เซน่อลครองเกมได้ต่อเนื่อง แทบไม่เปิดโอกาสให้สปอร์ติ้ง ลิสบอน ได้บุกขึ้นมาสร้างความหวาดเสียวใดๆ เพียงแต่ว่าการครองบอลที่มากกว่าไม่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นสกอร์ได้
ข้อเท้าลงผิดท่าและบิดชัดเจน
เอเมรี่ จัดทัพน่าสนใจให้ แรมซี่ย์ ขยับมาเล่นเป็นมิดฟิลด์คู่กลางร่วมกับ เกวนดูซี่ แล้วให้ สมิธ โรว์ รับหน้าที่จอมทัพหมายเลข 10 โดยมี มคิทาร์ยาน กับ อีโวบี้ ขึ้นด้านข้าง ส่วนหน้าเป้าใช้ แดนนี่ เวลเบ็ค
เป็นไอเดียที่น่าจะออกมาเวิร์ก แต่เล่นจริงยังไม่ "คลิก" เท่าที่ควรเพราะ 2 ตัวประสบการณ์ทั้ง แรมซี่ย์ และ มคิทาร์ยาน ไม่สามารถขับเคลื่อนเกมได้อย่างที่เอเมรี่ต้องการ
จังหวะการเล่นขาดความลื่นไหล ไม่เนียนตา และเสียบอลง่าย พอเซตเกมขึ้นมาอีกรอบก็ดูช้าและหลายจังหวะมากเกินไป ดูแล้วอึดอัดอย่างบอกไม่ถูกทั้งที่พยายามบุกอย่างต่อเนื่อง
แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่าอาการบาดเจ็บของ แดนนี่ เวลเบ็ค ที่เกิดขึ้นในช่วงเกือบครึ่งชั่วโมงแรก ส่งผลต่อสภาพจิตใจของผู้เล่นอาร์เซน่อลไม่น้อย
เวลเบ็ค บาดเจ็บในจังหวะขึ้นโหม่งลุ้นทำประตูและชนกับกองหลังสปอร์ติ้ง ลิสบอน ก่อนลงผิดท่าข้อเท้าบิดงออย่างน่าหวาดเสียว ทีมแพทย์ของอาร์เซน่อลต้องให้อ๊อกซิเจนเข้าช่วย และหามใส่แปลออกจากสนาม
แค่เห็นอาการของ มัตเตโอ เกวนดูซี่ ที่มองเพื่อนร่วมทีมรุ่นพี่ก็ชวนหดหู่อย่างมากแล้ว มันเป็นภาพที่ชวนวิตกกังวลและคิดไปต่างๆ นานา จากนั้นโฟกัสในเกมก็ไม่เต็มร้อยเหมือนเดิม
ตลอด 90 นาทีในสนาม อาร์เซน่อล ได้ยิง 16 ครั้ง เข้ารอบ 5 ครั้ง ขณะที่ทีมเยือนจากแดนฝอยทองได้ง้างเท้าเพียงครั้งเดียวและไม่เข้ากรอบ ทว่าสกอร์สุดท้ายจบที่ 0-0
เป็นครั้งแรกในรอบ 16 นัดที่อาร์เซน่อลยิงประตูไม่ได้ และครั้งแรกนับตั้งแต่เปิดสนามพ่ายต่อแมนฯ ซิตี้ 0-2
อย่างไรก็ตาม อาการบาดเจ็บของ เวลเบ็ค ทำให้หลายคนไม่อยากใส่ใจเรื่องผลการแข่งขันมากนักเพราะต่อให้เก็บชัยชนะได้ก็ใช่ว่าจะทำให้บรรยากาศที่สลดหดหู่กลับมามีชีวิตชีวาได้
เหมือนกับที่ ซานติ กาซอร์ล่า อดีตกองกลางจอมเทคนิคของปืนใหญ่บอกเอาไว้ว่าอาการบาดเจ็บคือสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตนักฟุตบอลเพราะตัวเองก็เคยผ่านช่วงเวลาที่โหดร้ายนี้มาแล้วเช่นกัน
กาซอร์ล่า ทวีตให้กำลังใจเวลเบ็คว่า "หายเร็วๆ นะเพื่อน @dannywelbeck นี่คือสิ่งเลวร้ายที่สุดในฟุตบอล แต่ฉันรู้ว่านายแข็งแกร่งและจะกลับมาได้แน่ นายสมควรได้สิ่งที่ดีที่สุดเว้ยเพื่อน"
แข้งเชิงสูงเคยเจ็บหนักเมื่อปี 2016 ตอนที่เล่นให้อาร์เซน่อล ทำให้ต้องขึ้นเขียงผ่านับสิบครั้งจนพลาดลงสนามนานเกือบ 2 ปี และแยกทางกับทีมในที่สุด ตอนนี้ฟิตกลับมาเล่นได้อีกครั้งกับบียาร์เรอัล เขาจึงอยากเห็นเพื่อนรักกลับคืนสนามให้ได้เร็วๆ เช่นกัน
ว่าไปแล้ว เวลเบ็ค ก็เป็นนักเตะที่โชคร้ายในเรื่องอาการบาดเจ็บไม่น้อยเพราะในช่วงที่กำลังเล่นดีและพร้อมเริ่มต้นนับหนึ่งของชีวิตใหม่ก็มีอันต้องเจอโรคเดี้ยงเล่นงาน
4 ฤดูกาลก่อนถึงฤดูกาลนี้ อดีตแข้งแมนฯ ยูไนเต็ด ลงเล่นให้ปืนใหญ่รวม 112 นัด เฉลี่ยเพียง 28 นัดต่อฤดูกาลหรือ "ครึ่ง" ของจำนวนเกมโดยเฉลี่ยทั้งหมด
ซานติ กาซอร์ล่า ให้กำลังใจเพื่อนหายเจ็บเร็ววัน
ดูเผินๆ เหมือนเป็นนักเตะวาสนาดีได้เล่นให้ทีมใหญ่ทั้งแมนฯ ยูไนเต็ดและอาร์เซน่อลรวมกันเกือบสามร้อยนัด รายการใหญ่อย่างยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และฟุตบอลโลกก็ผ่านมาหมดแล้ว
แต่ในอีกมุมก็เจอปัญหาบาดเจ็บเล่นงานบ่อยมาก 2 ปีก่อนก็พักยาวไป 9 เดือน กลับมาเล่นได้อีกไม่กี่นักก็ล้มหมอนเสื่ออีกรอบ เข้าๆ ออกๆ ระหว่างสนามฟุตบอลกับโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น
ในฤดูกาลนี้ควรได้เริ่มต้นชีวิตค้าแข้งอีกครั้งพร้อมกับอีกหลายคนในยุคกุนซือเอเมรี่ ผลงาน 2-3 เดือนที่ผ่านมาถือว่าน่าประทับใจและยิงไปแล้ว 5 ประตู
ร็อบ โฮลดิ้ง, กรานิต ชาคา, อเล็กซ์ อีโวบี้ ฯลฯ ต่างผลงานดีขึ้น เวลเบ็ค ก็คืออีกคนที่ได้ประโยชน์จากการมาของ เอเมรี่
แต่แล้วความโชคร้ายก็มาเยือนอีกครั้ง และเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังเพิ่งมีชื่อติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่รอบล่าสุดในเดือนนี้
ถึงตรงนี้ อาร์เซน่อลยังไม่ประกาศออกมาอย่างเป็นทางการว่าหัวหอกวัย 27 ปีต้องพักนานเพียงใดหลังถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลตอนตอนจบเกมเพื่อเช็กอาการอย่างละเอียด
ถ้าเป็นไปอย่างที่ อูไน เอเมรี่ ให้สัมภาษณ์หลังเกมว่ามีบางอย่างที่ข้อเท้า "หัก" บวกกับภาพที่ช่วนน่าหวาดเสียวที่หลายคนได้เห็น เวลเบ็ค อาจต้องพักยาวหลายเดือน
มันมีความเป็นไปได้สูงที่แฟนอาร์เซน่อลจะไม่ได้เห็นหัวหอกเจ้าของฉายา "มหาเทพ" ลงเล่นในสีเสื้อปืนใหญ่อีกครั้งเพราะสัญญาฉบับปัจจุบันจะหมดลงในจบฤดูกาลนี้
น่าสงสาร น่าสงสารเหลือเกิน...
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT