น้ำลายเหนียวคอ
การมาเยือนไวทาลิตี้ สเตเดี้ยม ของบอร์นมัธไม่ใช่เกมที่ง่ายอยู่แล้วเพราะลูกน้องของ เอ็ดดี้ ฮาว มีคะแนนตามหลังอาร์เซน่อลเพียง 4 คะแนนก่อนลงสนาม
ทัพเดอะ เชอร์รี่ส์ ไม่ใช่ทีมที่อัดแน่นด้วยซูเปอร์สตาร์ แต่เล่นกันเป็นทีมได้ดีเยี่ยมและตามแท็กติกของกุนซือผู้วางรากฐานให้ทีมมาหลายปี
อีกทั้งอาร์เซน่อลเองก็เสมอถึง 4 จาก 5 นัดหลังสุดก่อนเบรกทีมชาติ โอเคว่ารักษาสถิติไร้พ่ายไว้ได้นับตั้งแต่แพ้ 2 นัดแรก แต่การเสมอบ่อยๆ ก็ทำแต้มหล่นไม่ต่างจากการแพ้
แต่พอผลลัพท์สุดท้ายบนสกอร์บอร์ดออกมาเป็นอาร์เซน่อลที่กำชัยก็เหมือนตัดกำลังบอร์นมัธไปในตัวเพราะจากที่มีโอกาสไล่จี้ปืนใหญ่เหลือคะแนนเดียวกลายเป็นตามหลัง 7 คะแนน และหล่นจากอันดับ 6 ไปอยู่ที่ 8 ของตาราง
เมื่อพิจารณาจากสิ่งที่เกิดขึ้นในเกม 90 นาที ยิ่งน่าเห็นใจที่บอร์นมัธต้องมือเปล่า และก็เข้าใจในสิ่งที่ เอ็ดดี้ ฮาว บอกหลังเกมว่า ''โชค'' ไม่ได้อยู่ข้างพวกเขา
บอร์นมัธควรเป็นฝ่ายได้ประตูนำก่อนด้วยซ้ำจากลูกยิงของ เดวิด บรู๊คส์ ที่ ''ไม่น่า'' ล้ำหน้า
จังหวะนี้ดูค่อนข้างยากเพราะเป็นการปั๊มบอลกันของผู้เล่นทั้งสองทีม เสี้ยวของเสี้ยววินาทีที่บอลกระเด้งกระดอนนั้นไม่รู้ว่าโดนใครเป็นคนสุดท้ายก่อนไปถึง บรู๊คส์ อีกทั้งแข้งบอร์นมัธก็อยู่ในตำแหน่งต่ำกว่า ชโคดราน มุสตาฟี่ ที่เสียหลักนอนแผ่บนพื้น
จังหวะนี้ เดวิด บรู๊คส์ ไม่ล้ำหน้าก่อนหลุดเข้าไปยิง
พอผู้ตัดสินเป่าตามไลน์แมนที่ยกธง บอร์นมัธจึงเสียประโยชน์ ขณะที่อาร์เซน่อลรอดตัวและในเวลาต่อมาเป็นฝ่ายที่นำก่อนแบบมีโชคจากการสกัดบอลเข้าประตูตัวเองสุดสวยของ เจฟเฟอร์สัน เลอร์มา
เป็น 2 จังหวะที่พลิกโฉมหน้าของเกมไปพอสมควร ทว่าอาร์เซน่อลก็ไม่สามารถฉกฉวยโมเมนตัมเหล่านี้ให้ต่อเนื่องในการคอนโทรลของตัวเองไม่ได้
ประตูที่ปืนใหญ่เสียจบครึ่งแรกไม่กี่อึดใจตีแผ่ความอ่อนด้อยในเกมรับอย่างมากไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการป้องกันทั้งทีมหรือเจาะไปที่รายตัว
อเล็กซ์ อิโวบี้ ดื้อครองบอลเล่นในเขตโทษบอร์นมัธจนเสียบอล บอร์นมัธโต้กลับทันทีและจบด้วยการส่งบอลตุงตาข่ายสำเร็จ
เกมนี้อาร์เซน่อลจัดทัพแบบเซอร์ไพรส์นิดๆ ที่ใช้ 3 เซนเตอร์ลงเล่นร่วมกันคือ โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส, ชโคดราน มุสตาฟี่ และ ร็อบ โฮลดิ้ง ขณะที่วิงแบ็ก 2 ข้างเป็น เซอัด โคลาซินัช กับ เอคตอร์ เบเยริน
การเล่นแท็กติกนี้เปิดช่องให้วิงแบ็กเติมเกมรุกมากกว่าการเล่นแบ็กโฟร์อยู่แล้ว โคลาซินัช กับ เบเยริน จึงมั่นใจว่าตัวเองได้ใบอนุญาตให้บุกมากขึ้นจนสุดท้ายก็ลงไม่ทัน
อันที่จริงต้องเรียกว่า ไม่มีความตื่นตัวที่จะวิ่งกลับมาช่วยเกมรับเอาเสียเลย คู่แข่งกำลังโต้กลับต่อหน้าต่อตาแต่ เบเยริน ยังคงวิ่งเหยาะๆ อยู่ในฝั่งบอร์นมัธราวกับกำลังจ็อกกิ้งในสวนสาธารณะ
โอบาเมย็อง สะใจสุดๆ ที่ยิงจนได้หลังพลาดเป้าไปหลายครั้ง
คัลลั่ม วิลสัน ไม่ได้ควบหน้าตั้งตอนวิ่งผ่านกลางสนามไปรับบอล หากแต่รอจังหวะให้เพื่อนเติมขึ้นมา หมายความว่ามีเวลามากมายที่เบเยรินจะวิ่งกลับมาช่วยเกมรับ แต่ก็ไม่ทำ
พอเกมรับฝั่งขวาของอาร์เซน่อลไม่มี มุสตาฟี่ ก็ต้องขยับเข้าไปแทนเพื่อขวาง วิลสัน ทำให้ผู้เล่นเกมรับคนอื่นต้องขยับตามแบบตำแหน่งแทนตำแหน่งจนเทมาฝั่งเดียว เกมรับอีกฝั่งซ้ายจึงโล่งยิ่งกว่าถนนในกรุงเทพฯ ช่วงเทศกาล โจชัว คิง ได้ปั่นด้วยซ้ายเน้นๆ เหมือนซ้อมยิงแบบไม่มีใครมากดดัน
บอร์นมัธเล่นจังหวะโต้กลับได้ดี แต่อีกด้าน อาร์เซน่อลก็ป้องกันได้แย่มาก ทำให้จบครึ่งแรกที่สกอร์ 1-1 และเป็นนัดที่ 13 ติดต่อกันที่ปืนใหญ่ไม่สามารถนำคู่แข่งครึ่งแรกในฤดูกาลนี้ได้เลย
ส่วนในเกมรุกก็มีเพียงประตูชัยของ โอบาเมย็อง เท่านั้นที่ถือว่าทำได้ลงตัวและสมบูรณ์แบบ จังหวะอื่นขาดๆ เกินๆ และทำเสียของไปไม่น้อย
ตลอดทั้งเกม อาร์เซน่อล ได้ลุ้นยิงถึง 20 ครั้ง แต่เข้ากรอบเพียง 4 ครั้ง ต่างจากบอร์นมัธที่ยิงเข้ากรอบถึง 5 ครั้งโอกาส 11 ครั้ง
เกมนี้ เมซุต โอซิล ถูกดร็อปเป็นสำรองและไม่ได้ลงเล่นเลย อูไน เอเมรี่ ให้สัมภาษณ์ในทีหลังว่าเพลย์เมกเกอร์วัย 30 ปีไม่เหมาะกับการเจอบอร์นมัธที่เด่นในเรื่องพละกำลังและปะทะ
ขณะเดียวกัน อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ ก็มีอาการเจ็บต้นขา เอเมรี่ จึงไม่อยากเสี่ยงและให้พักไปเลย ส่วน อารอน แรมซี่ย์ ก็เป็นสำรองตลอดในช่วงหลัง
เลโน่ ช่วยอาร์เซน่อลได้หลายต่อหลายครั้ง
ด้วยเงื่อนไขเรื่องความพร้อมและการประเมินจุดเด่นของคู่แข่ง เอเมรี่ จึงเลือกใช้ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง, อเล็กซ์ อิโวบี้ และ เฮนริค มคิทาร์ยาน ออกสตาร์ตร่วมกัน
ทั้งสามได้ยิงรวม 14 ครั้ง แต่มีเพียงประตูเดียว เป็นตัวเลขที่ห่างไกลมากกับคำว่า ''เฉียบคม'' ต่างจากบอร์นมัธที่ยิงน้อยแต่ได้เสียวมากกว่า บุกขึ้นมาแต่ละทีทำเอากองหลังอาร์เซน่อลหัวหมุนตลอด
โอบาเมย็อง ยิงประตูที่ 8 ขึ้นไปรั้งตำแหน่งดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกร่วมกับ เซร์คิโอ อเกวโร่ แต่เกมนี้ก็ใช้โอกาสเปลืองทีเดียว
หาก ลากาแซตต์ ฟิตกลับมา เขาก็ต้องขยับไปเล่นด้านข้างเพราะหากวัดคุณภาพในการเล่นตำแหน่งหน้าเป้าชั่วโมงนี้แล้ว ลากาแซตต์ ตอบโจทย์มากกว่า
แต่คนที่น่าผิดหวังมากที่สุดในเกมรุกคือ มคิทาร์ยาน ที่ความมั่นใจและฟอร์มการเล่นออกทะเลไปไกลมาก เกมนี้ก็ได้โอกาสเพียบไม่ต่างจากเพื่อนเก่าจากดอร์ทมุนด์ แต่ก็พลาดไปหมด
ทำไปทำมา อาร์เซน่อลก็ไม่ได้เป็นผู้ชนะในดีลสลับตัวกับ อเล็กซิส ซานเชซ เพราะแข้งทีมชาติอาร์เมเนียก็ไม่ได้อยู่ในฟอร์มที่ดีเช่นกัน
ส่วนคนที่เด่นสุดของอาร์เซน่อลหากไม่นับ ลูคัส ตอร์เรยร่า ที่ทำได้ตามมาตรฐานสุดยอดอยู่แล้วก็คงเป็น แบร์นด์ เลโน่ ที่เซฟจังหวะยากๆ ช่วยทีมหลายครั้ง ฟอร์มแบบนี้คงยึดตำแหน่งมือหนึ่งยาว
ท้ายที่สุดและสำคัญที่สุด อาร์เซน่อลเอาตัวรอดได้ด้วยชัยชนะและได้ 3 คะแนนที่ล้ำค่ามาก เพราะนอกจากยืดสถิติไม่แพ้เป็นนัดที่ 17 ติดต่อกันแล้ว ยังเป็นการชนะนอกบ้านนัดที่ 4 เทียบเท่าฤดูกาลก่อนทั้งฤดูกาลอีกด้วย
เป็นชัยชนะที่ยากเย็นแต่ล้ำค่า และเหนือสิ่งอื่นใดคือได้เรียกความมั่นใจก่อนเกมสำคัญในศึกนอร์ทลอนดอน ดาร์บี้่กับ "สเปอร์ส" ในนัดต่อไป
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT