:::     :::

บนเส้นทางแห่งลอนดอนเหนือ

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
"นอร์ทลอนดอน ดาร์บี้แมตช์" ยกแรกของฤดูกาลนี้ถึงคิวลงสนามกันแล้วในวันอาทิตย์ที่ 2 ธ.ค. ที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ของอา ร์เซน่อล

สงครามชิงความเป็นหนึ่งแห่งลอนดอนตอนเหนือคือเกมแห่งศักดิ์ศรีที่สำคัญที่สุดของทั้งอาร์เซน่อลและสเปอร์ส แฟนบอลทั้งสองทีมกาปฏิทินล่วงหน้าเอาไว้ว่าคือโปรแกรมที่ห้ามพลาดด้วยประกวรทั้งปวง

วันอาทิตย์นี้ ทั้งสองทีมมาเจอกันในช่วงเวลาที่เหมาะสม และมี 3 คะแนนสุดล้ำค่าเป็นเดิมพัน

"ปืนใหญ่" ของ อูไน เอเมรี่ ไม่แพ้ใคร 18 นัดติดต่อกันในทุกรายการหลังเพิ่งปิดจ๊อบคว้าแชมป์กลุ่มยูโรปา ลีก ด้วยชัยชนะเหนือวอร์คลา 3-0

หากเก็บชัยชนะได้อีกในเกมวันอาทิตย์นี้ เอเมรี่ จะพาทีมทำคะแนนขึ้นไปทาบสเปอร์สที่ 30 คะแนนเท่ากัน

ขณะที่ "ไก่เดือยทอง" เองก็อยู่ในฟอร์มอันฉกาจฉกรรจ์ด้วยชัยชนะ 6 นัดติดจากทุกถ้วย ลูกทีมของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ เพิ่งต่อความหวังลุ้นเข้ารอบยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ด้วยการเบียดชนะอินเตอร์ มิลาน 1-0 เมื่อกลางสัปดาห์ ขณะที่เกมลีกล่าสุดก็โชว์ฟอร์มสุดแกร่งยัดเยียดความปราชัยนัดแรกให้เชลซีด้วยสกอร์ 3-1

ในเรื่องความพร้อมของทั้งสองทีมสามารถติดตามได้ทางเว็บไซต์ของเราซึ่งมีทั้งข่าวอัพเดตล่าสุด รวมถึงบทวิเคราห์วิจารณ์และข้อมูลสถิติน่าสนใจในวันแข่ง 

คอลัมน์วันนี้อยากให้เห็นใน "ภาพรวม" การก้าวเดินที่ผ่านมาของทั้งสองทีมในรอบเกือบ 3 ทศวรรษหลังหรือนับตั้งแต่ลีกสูงสุดของอังกฤษเปลี่ยนชื่อจาก "ดิวิชั่น 1" มาเป็น "พรีเมียร์ลีก" 


อาร์เซน่อลมีสถิติดีกว่าในการเจอกัน

ในยุคใหม่ของลีกอังกฤษต้องยอมรับว่า อาร์เซน่อล ผูกขาดความสำเร็จเหนือ สเปอร์ส แบบไม่เห็นฝุ่นไม่ว่าจะเป็นถ้วยแชมป์และผลงานในการเจอกัน

แฟนบอลสเปอร์สต้องรอจนถึง 2 ฤดูกาลหลังสุดที่สามารถปลดแอดทำอันดับสูงกว่าคู่แค้นไม่เผาผีได้สำเร็จ 

ทั้งสองทีมชิงดีชิงเด่นอย่างไรกันบ้าง เราไปย้อนดูเส้นทางที่ผ่านมากันอีกครั้ง


  ขึ้นและลง

อาร์เซน่อล ได้ อาร์แซน เวนเกอร์ เข้ามาเปลี่ยนชะตาสโมสรโดยคุมทีมจบอันดับ 3 ในฤดูกาลแรกก่อนคว้าแชมป์ลีกได้ 3 สมัยโดยหนึ่งในนั้นคือแชมป์ไร้พ่ายในปี 2004

ขณะที่สเปอร์ส แทบไม่ได้ลืมตาอ้าปากจนกระทั่งยุค 2000 ก่อนเริ่มมีผลงานที่ดีขึ้นต่อเนื่องนับตั้งแต่ฤดูกาล 2009/10 และได้ตำแหน่งรองแชมป์ในฤดูกาล 2016/17  

ันดับในลีกระหว่างอาร์เซน่อล (สีแดง) กับ สเปอร์ส (สีน้ำเงิน)

ถ้าดูจากอันดับในลีกเทียบกันจะเห็นชัดว่า อาร์เซน่อล มีอันดับเหนือกว่า สเปอร์สมาตลอดนับตั้งแต่ฤดูกาล 1995/96 จนกระทั่งฤดูกาล 2015/16 หรือ 21 ฤดูกาลติดต่อกัน

ช่วงที่ฉีกหนีกันมากที่สุดคือในฤดูกาล 2003/04 ที่ปืนใหญ่ซิวแชมป์ด้วยการไม่แพ้ใครทั้งฤดูกาล เก็บไป 90 คะแนน

ฤดูกาลนั้นสเปอร์สหล่นไปอยู่ที่ 14 ของตาราง มีเพียง 45 คะแนน หรือแค่ครึ่งเดียวของอาร์เซน่อล 

แต่นับจากฤดูกาล 2009/10 เป็นต้นมา สเปอร์ส ไม่เคยจบต่ำกว่าอันดับ 6 แม้แต่ครั้งเดียว และความห่างของคะแนนเมื่อเทียบกับอาณ์เซน่อลก็ไม่เคยเกินกว่า 10 คะแนน 

สงครามเงินทุน

ซัมเมอร์ที่ผ่านมา สเปอร์ส ไม่ได้ใช้เงินแม้แต่เพนนีเดียวในการซื้อนักเตะใหม่ ขณะที่สถิติแพงสุดในการซื้อนักเตะคือ ดาวินซอน ซานเชซ ที่ 38 ล้านปอนด์ซึ่งน้อยกว่าทุกทีมในกลุ่มท็อปซิกซ์

อย่างไรก็ตาม สเปอร์สกลับใช้เงินมากกว่าอาร์เซน่อลในรอบ 26 ปีหลังสุด ด้วยยอดรวมทะลุ 1 พันล้านปอนด์ในฤดูกาล 2017/18 มากกว่าคู่อริ 89 ล้านปอนด์


สเปอร์สใช้เงินมากกว่าอาร์เซน่อล 89 ล้านปอนด์ในการซื้อผู้เล่น

ฤดูกาลที่สเปอร์สใช้เงินมากที่สุดคือ 2008/09 ที่ทุ่มก้อนโต 128 ล้านปอนด์เพื่อหวังแก้ตัวจากผลงานที่จบเพียงอันดับ 11 ของตาราง 

ลูก้า โมดริช, เอเรลโย่ โกเมส, เดวิด เบนท์ลี่ย์, โรมัน พาฟลิวเชนโก้, เวดราน ชอร์ลูก้า, วิลสัน ปาลาซิออส, เจอร์เมน เดโฟ และ ร็อบบี้ คีน ถูกดึงเข้ามาร่วมทีม ฆวนเด้ รามอส คุมทีมช่วงต้นฤดูกาลแต่ไม่เวิร์ก แฮร์รี่ เร้ดแน็ปป์ จึงถูกดึงเข้ามากู้สถานการณ์ก่อนจบในอันดับ 8 ของตาราง 

ส่วนฤดูกาลของอาร์เซน่อลที่ใช้มากสุดคือ 2014/15 ที่หมดไป 107 ล้านปอนด์ อาร์แซน เวนเกอร์ เพิ่งพาทีมกลับมาเป็นแชมป์เอฟเอ คัพ ซึ่งเป็นแชมป์แรกในรอบ 9 ปี จึงอยากเสริมความแข็งแกร่ต่อเนื่องก่อนได้ทั้ง อเล็กซิส ซานเชซ, มาติเยอ เดบูชี่, คาลั่ม แชมเบอร์ส, แดนนี่ เวลเบ็ค และ กาเบรียล เปาลิสต้า 

อันดับในลีกดีขึ้นจากที่ 4 ขึ้นมาจบที่ 3 แต่คะแนนได้น้อยกว่าเดิมจาก 79 คะแนนเหลือ 75 คะแนน ตามหลังทีมแชมป์เชลซี 12 คะแนน

ผู้จัดการทีม

ช่วงรอยต่อระหว่างยุคดิวิชั่น 1 สู่พรีเมียร์ลีก อาร์เซน่อลมี จอร์จ เกรแฮม คุมทีมนาน 9 ฤดูกาลก่อนเป็น บรูซ ริอ็อค ช่วงสั้นๆ 

จากนั้นก็เข้าสู่ยุคของ อาร์แซน เวนเกอร์ อันยาวนานเกือบ 22 ปีจนกระทั่งเปลี่ยนเป็น อูไน เอเมรี่ ในฤดูกาลนี้


อาร์แซน เวนเกอร์ คุมอาร์เซน่อลยาวนานเกือบ 22 ปีก่อนวางมือ

ขณะที่ สเปอร์ส ใช้ผู้จัดการทีมไปทั้งหมด 13 คนในยุคพรีเมียร์ลีก ซึ่งนั่นรวมถึงเคยดึง จอร์จ เกรแฮม อดีตกุนซือปืนโตมาคุมด้วยระหว่างปี 1998-2001 

หลังจากลองผิดลองถูกมานาน ไก่เดือยทองก็มาลงตัวกับ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ในปี 2014 ที่คุมจนถึงปัจจุยันและกลายเป็นคนที่อยู่ในตำแหน่งนานสุดของทีมในยุคพรีเมียร์ลีก 



คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด