คุยกับดาวโรจน์ปืน : เอมิล สมิธ โรว์ ตอน 1
เด็กสร้างอาร์เซน่อลรายนี้คือหนึ่งในแข้งทีมชาติอังกฤษชุดยู-17 ที่พาทีมคว้าแชมป์โลกเมื่อปีที่แล้ว ก่อนได้รับโอกาสจาก อูไน เอเมรี่ ให้ขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ในฤดูกาลนี้
"ผมคิดว่าผมได้พูดคำนี้ไปหลายครั้ง แต่มันเหมือนฝันจริงๆ" สมิธ โรว์ กล่าวพร้อมรอยยิ้มถึงเส้นทางของตัวเองที่เริ่มต้นกับอาร์เซน่อลตอนอายุ 9 ขวบก่อนมาถึงจุดที่ได้อยู่ในทีมเดียวกับยอดแข้งชื่อดังทั้ง เมซุต โอซิล โอซิล และ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง รวมถึงอีกหลายต่อหลายคน
"ผมนั่งลงแล้วคิดในหัว 'มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?' ผมติดตามดูพวกเขามานาน การได้โอกาสมาคลุกคลีในห้องแต่งตัวและได้เล่นในสนามเดียวกันเป็นสิ่งที่เหลือเชื่อ ผมยังรู้สึกเลยว่าฝันไป"
ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา สมิธ โรว์ เตรียมตัวสำหรับการเล่นในทีมชุดยู-23 ของเฟร็ดดี้ ลุงเบิร์ก ทว่า เอเมรี่ ก็เรียกตัวไปร่วมซ้อมกับชุดใหญ่เพื่อเตรียมออกทัวร์ปรีซีซั่นที่สิงคโปร์
2 วันก่อนอายุครบ 18 ปี เขาทำประตูใส่ทีมแกร่งอย่างแอต.มาดริดจากการตะบันหน้าเขตโทษอย่างเด็ดขาด และยังเล่นได้น่าประทับใจในเกมที่ปืนใหญ่ไล่ถล่มปารีส แซงต์-แชร์กแมง ขาดลอย 5-1
ก่อนเปิดฤดูกาล สมิธ โรว์ เซ็นสัญญาระยะยาวกับอาร์เซน่อล และแทรกตัวอยู่ในทีมชุดใหญ่อย่างต่อเนื่อง ก่อนได้โอกาสลงเล่นในคาราบาว คัพ และยูโรปา ลีก พร้อมทำไปแล้ว 3 ประตู
อูไน เอเมรี่ ชื่นชมในตัว สมิธ โรว์ อย่างมากและยกให้เขาเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับดาวรุ่งอาร์เซน่อลคนอื่นที่กำลังรอวันเฉิดฉายเช่นกัน
สมิธ โรว์ (แถวยืนที่ 2 จากซ้าย) กับทีมจูเนียร์ อีลิท ในปี 2010
"ผมรู้สึกช็อกที่ได้ไปทัวร์ปรีซีซั่นกับทีมชุดใหญ่ การได้โอกาสจากผู้จัดการทีมเป็นสิ่งยอดเยี่ยม มันเหมือนฝันอยู่สักหน่อยเมื่อนึกถึงผู้เล่นในทีมที่ผมได้เล่นด้วย ผู้จัดการทีมให้คำแนะนำกับผม ผมรู้สึกขอบคุณกับสิ่งที่เขาทำเพื่อผม สิ่งที่ผมสามารถตอบแทนได้ก็คือทำผลงานให้ดีและแสดงให้เขาเห็นว่าผมมีดีอย่างไร"
ถึงตรงนี้เกือบครึ่งฤดูกาล สมิธ โรว์ ยังไม่ได้สัมผัสเกมพรีเมียร์ลีก แต่ด้วยฟอร์มการเล่นอันโดดเด่นในฟุตบอลถ้วยทั้งสองรายการก็ทำให้หลายคนเชื่อว่าอีกไม่นานเกินรอ ขณะที่ เอเมรี่ ก็พยายามเคี่ยวกรำวิชาให้อย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยให้เด็กหนุ่มวัย 18 ปีคุ้นเคยกับเกมระดับอาชีพมากขึ้น
อูไน เอเมรี่ เข้ามาเปลี่ยนแปลงอาร์เซน่อลได้ชัดเจน ทีมไม่แพ้ใครมา 22 นัดติดต่อกันจากทุกรายการหลังเฉือนชนะคาราบัก 1-0 ในยูโรปา ลีก นัดล่าสุด ขณะที่ สมิธ โรว์ ซึ่งตอนนี้บาดเจ็บสะโพกก็คือหนึ่งในผู้เล่นที่ได้ประโยชน์อย่างมากในการเข้ามาของ เอเมรี่
"เราได้พูดคุยกันในตอนเริ่มต้นเกี่ยวกับตำแหน่งที่ผมอยากเล่นและทัศนคติที่ผมมี จากนั้นเขาก็ให้การช่วยเหลือและแนะนำผมมากมาย"
ผู้เล่นดาวรุ่งจะได้รับการกระตุ้นให้กล้าพาบอลเข้าเขตโทษมากขึ้น เช่นเดียวกับการเอาชนะกองหลังคู่แข่งให้ได้ และด้วยเหตุนี้ทำให้สถิติการทำประตูของ สมิธ โรว์ น่าพอใจมากทีเดียวกับตัวเลข 1 ประตูใน 134 นาที อีกทั้งเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่เลี้ยงบอลสำเร็จมากที่สุดในทีม
"ผู้จัดการทีมสอนผมตัวต่อตัวเพิ่มเติ่ม 2-3 ครั้งหลังฝึกซ้อมเสร็จ เขาให้ฝึกการเล่นเกมรุกตัวต่อตัว และเล่นอย่างอดทน ขณะที่ผู้ช่วยผู้จัดการทีม (ฆวน การ์ลอส การ์เซโด้) ก็ช่วยผมอย่างมากเช่นกันกับการพลิกบอลช่วงที่ผมฝึกในตำแหน่งหมายเลข 10"
อูไน เอเมรี่ ติวเข้มบรรดาดาวรุ่งอย่างใกล้ชิด
"มันดีมากที่ได้รับการช่วยเหลือแบบนั้นเพราะทำให้ผมสามารถฝึกในสนามได้เลย ไมใช่เพียงเรียนรู้ในห้อง และแม้ตอนที่อยู่ในห้อง ทั้งคู่ก็ช่วยติวตัวต่อตัวเช่นกันซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผมมากจริงๆ"
"เขาเป็นคนที่มีความกระตือรือร้นและเก็บรายละเอียดได้ดีมาก เขาต้องการในสิ่งที่ต้องการ เขาจะไม่ล้มเลิก แต่พยายามต่อไป พยายามทำสิ่งที่ต้องการให้ได้ ผมคิดว่านั่นเป็นสิ่งดีสำหรับทีม เขาบ่นยับเป็นภาษาสแปนิชเลยหากมีอารมณ์ฉุนเล็กน้อย แต่มันดีนะที่เห็นเขามีพาสชั่นแบบนั้น เขาต้องการชนะและต้องการทำให้ดีขึ้น"
เอเมรี่ ไม่ใช่เพียงคนเดียวที่ผายมือต้อนรับ สมิธ โรว์ ขึ้นสู่ชุดใหญ่ด้วยความยินดี แดนนี่ เวลเบ็ค เป็นอีกคนที่คอยดูแลอย่างดี ส่วน เมซุต โอซิล ก็เป็นคนที่ สมิธ โรว์ คอยเฝ้าดูอย่างมาก นอกจากนี้ก็ยังได้รับคำแนะนำดีๆ อีกเพียบจากรุ่นพี่ที่ขึ้นมาจากอะคาเดมี่สโมสรเช่นกันทั้ง เอคตอร์ เบเยริน และ อเล็กซ์ อีโวบี้
"มันยากที่จะเลือกมาสักคนนะเพราะว่าทุกคนก็ช่วยเหลือผมหมด แต่การได้คุยกับ เอ็คตอร์ เบเยริน และ อเล็กซ์ อีโวบี้ ก็เป็นการคุยที่ดีมากเพราะพวกเขาเคยผ่านจุดเดียวกับผมในตอนนี้ พวกเขาบอกผมให้มีความมั่นใจและย้ำว่า 'มันมีเหตุผลที่ทำให้นายมาอยู่ที่นี่ ดังนั้นจงกล้าเข้าไว้ อย่าไปกังวลเมื่อทำอะไรพลาดเพราะนายจะมีโอกาสได้แก้ตัวแน่นอน"
สมิธ โรว์ ไม่ใช่เด็กที่มีความมั่นใจโดยธรรมชาติ ทว่าในเรื่องความสามารถในเชิงลูกหนังเริ่มฉาวแววให้เห็นตั้งแต่เล็กที่โตมาในย่านครอยดอน (ลอนดอนใต้) เพราะตอนอายุเพียง 5 ขวบ ฟูแล่มก็มองเห็นพรสรรค์และทักษะที่ไม่ธรรมดาแล้ว
เขาเป็นเด็กค่อนข้างขี้อาย และรูปร่างเล็กกว่าเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกัน นั่นเป็นเหตุผลที่เชลซีไม่เซ็นสัญญาเข้าสังกัดตอนอายุ 9 ขวบทั้งที่เรียกไปทดสอบฝีเท้านานถึง 6 สัปดาห์
"ผมไม่ได้เอาจริงเอาจังมากนักในตอนเริ่มต้น พ่อของผมเคยบอกว่าผมสามารถเป็นนักฟุตบอลอาชีพได้ แต่ผมบอกเขาไปว่าไม่ต้องการเป็น ผมชอบเล่นฟุตบอลนะ แต่ไม่มีความมั่นใจ เลยไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นได้อย่างที่พ่อต้องการ"
สมิธ โรว์ ได้โอกาสในฟุตบอลถ้วยและทำไปแล้ว 3 ประตู
"ผมไม่ใช่คนที่ตัวใหญ่สุดหรือแข็งแรงที่สุด แต่พ่อบอกผมว่ามันไม่ได้เกี่ยวกับสรีระร่างกายอย่างเดียว เขาบอกให้ผมมองด้านอื่นของเกม ยังมีการจ่ายบอลและเลี้ยงผ่านคู่แข่ง ไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ผมไปที่อาร์เซน่อลและพวกเขาก็ชอบในสิ่งที่ผมทำให้เห็น"
สมิธ โรว์ ได้โอกาสที่อาร์เซน่อลซึ่งก็ต้องขอบคุณครอบครัวในเพื่อนคนหนึ่งที่เคยซ้อมด้วยกันที่เชลซี ข้อเสนอของทีมดังแห่งลอนดอนเหนือเป็นสิ่งยากจะปฏิเสธ แต่การเดินทางจากครอยดอนไปที่อะคาเดมี่ปืนใหญ่ในวัลธามส์ทอว์ (Walthamstow) ก็นับว่าไกลเอาเรื่อง
"ผมต้องเรียนให้เสร็จ จากนั้นพ่อหรือแม่ของผมจะมารับ และผมก็ต้องเปลี่ยนชุดนักเรียนเป็นชุดซ้อมบนรถนั่นแหละ ต้องใช้เวลาชั่วโมงครึ่งหรือมากกว่านั้นในบางวันหากรถติด ผมยังจำวันแรกได้เลย ผมบอกกับแม่ว่า 'แม่ครับ ผมเหนื่อย ผมรู้สึกไม่สบาย ไม่อยากไปซ้อมในวันนี้เลยครับ"
(โปรดติดตามต่อในตอนที่ 2)
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT