ย้อนอดีต "ปืนไร้พ่าย"...ตอน 1
ดังนั้น การที่อาร์เซน่อลเป็นทีมเดียวในรอบมากกว่าร้อยปีที่ทำได้จึงคู่ควรต่อคำยกย่องอย่างมาก
ตอนผ่านครึ่งฤดูกาลแรก 19 นัด ผลงานของหงส์แดงดีกว่าปืนชุดไร้พ่ายฤดูกาล 2003/04 หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นเกมรุกที่ยิงได้มากกว่า เกมรับเสียน้อยกว่า เก็บคลีนชีตได้มากกว่า รวมไปถึงจำนวนนัดและคะแนนที่ทำได้
ขุมกำลังของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ดูพร้อมทุกตำแหน่ง เกมรุกยิงกระจาย เกมรับเหนียวแน่น และมีแรงกระตุ้นสูงมาก แต่หงส์แดงก็ยังขาดรายละเอียดอีกเล็กน้อยจนนำไปสู่ความพ่ายแพ้นัดแรก
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นำแมนฯ ซิตี้ ฤดูกาลก่อนที่โกยแต้มเป็นสถิติ 100 คะแนนก็เช่นกัน พวกเขาถูกเตะตัดขาที่แอนฟิลด์ในนัดที่ 23 และเหมือนเรื่องราวถูกขีดเขียนเอาไว้ในฤดูกาลนี้ที่สลับฝั่งกันบ้างเมื่อลิเวอร์พูลมาเสียสถิติแพ้นัดแรกที่อาณาจักรสีฟ้า
เชลซีในฤดูกาลแรกของ โชเซ่ มูรินโญ่ (2004/05) มีเกมรับสุดแกร่ง เสียเพียง 15 ประตูตลอดฤดูกาล แต่ก็หลุดแพ้ไปหนึ่งนัด และเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนตุลาคม
ทำไมอาร์เซน่อลฤดูกาล 2003/04 ถึงทำได้?
เราย้อนกลับไปดูความยอดเยี่ยมและปัจจัยต่างๆ กันอีกรอบเพื่อให้เข้าใจได้มากขึ้นว่าทีมชุดนั้นยอดเยี่ยมเพียงใด
.....................
ทีมชุดนั้นของ อาร์แซน เวนเกอร์ มีความแข็งแกร่งระดับหนึ่งอยู่แล้ว ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็เก่งกาจในชั่วข้ามคืน
ปลายยุค 90 ต่อด้วยต้นยุค 2000 อาร์เซน่อลคือคู่แข่งที่ขับเคี่ยวแย่งแชมป์กับแมนฯ ยูไนเต็ดแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน เป็นคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อกันที่สุดของพรีเมียร์ลีกยุคนั้น
ระหว่างฤดูกาล 1996/97 ถึง 2002/03 มีเพียง 2 ทีมเท่านั้นที่เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกคือ ผีแดง กับ ปืนใหญ่
อาร์เซน่อลได้แชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งแรกในฤดูกาล 1997/98 ก่อนเป็นแมนฯ ยูไนเต็ด ของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทวงบัลลังก์คือ 3 ฤดูกาลติด จากนั้น เวนเกอร์ นำทีมกลับมาคว้าแชมป์อีกครั้งในฤดูกาล 2001/02 แถมฟาดเอฟเอ คัพ อีกใบกลายเป็นดับเบิ้ลแชมป์สมัยที่ 2
แชมป์ฤดูกาล 2001/02 ของอาร์เซน่อลมีจุดแข็งอีกอย่างที่ปรากฏให้เห็นและเป็นพื้นฐานมาถึงชุดไร้พ่ายคือ ไม่แพ้ใครนอกบ้านแม้แต่นัดเดียว
ต้นฤดูกาล 2002/03 อาร์เซน่อลบุกชนะลีดส์ 4-1 ทำลายสถิติยิงประตูได้ต่อเนื่อง 47 นัดติด และสถิติไม่แพ้นอกบ้านยืดขยายออกเป็น 22 นัด
เวนเกอร์มั่นใจอย่างมากว่า ทีมชุดนั้นสามารถเป็นแชมป์โดยที่ไม่แพ้ใครตลอดฤดูกาล
''ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะเอซี มิลาน ก็เคยทำได้มาแล้ว (ฤดูกาล 1991/92) ผมไม่เห็นว่าตกอกตกใจอะไรที่พูดแบบนี้''
''คุณคิดว่าแมนฯ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล หรือ เชลซี ไม่ได้ฝันแบบนี้หรือไง? พวกเขาก็เหมือนกัน เพียงแต่ไม่พูดออกมาเพราะเกรงว่าจะถูกมองเป็นที่ขบขัน แต่ผมขอบอกว่าทุกอย่างเกิดขึ้นได้'' กุนซือชาวฝรั่งเศส กล่าว
เวนเกอร์ ได้ถ้วยพรีเมียร์ลีกจำลองสีทองเป็นที่ระลึก
หลายคนเริ่มจับตามองอาร์เซน่อลมากขึ้น เมื่อนัดต่อมาพวกเขาทุบสถิติแมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยการไม่แพ้เป็นนัดที่ 30 ต่อเนื่องจากฤดูกาลก่อน
แต่แล้วทุกอย่างก็พังครืนลงในเกมเยือนกูดิสัน ปาร์ค ของเอฟเวอร์ตัน
ปืนใหญ่พลาดท่าพ่าย 1-2 โดยที่คนทำประตูชัยในนาทีสุดท้ายให้แก๊งทอฟฟี่เมนคือ เวย์น รูนี่ย์ ที่ยิงประตูแรกในพรีเมียร์ลีกตอนอายุยังไม่เต็ม 17 ปีด้วยซ้ำ (ขาดไป 5 วัน)
ความมั่นใจที่เคยพุ่งสูงของเวนเกอร์และลูกทีมถูกกระตุกพรวดลงมาทันที พวกเขาไม่ชนะใครอีก 3 นัดติดต่อกันในทุกรายการ และต้องใช้เวลาพักใหญ่ในการเรียกสติกลับคืน
ในเดือนมีนาคม อาร์เซน่อลนำจ่าฝูงของตาราง แต่ก็ไปพลาดไม่น่าเชื่อในนัดที่ 35 ที่ปล่อยให้โบลตันยิง 2 ประตูตีเสมอ 2-2 ใน 15 นาทีสุดท้าย ตามด้วยแพ้คารังไฮบิวรี่ต่อลีดส์ 2-3
แมนฯ ยูไนเต็ดปาดหน้าคว้าแชมป์สำเร็จ ส่วนเวนเกอร์พาทีมปลอบใจกองเชียร์ด้วยตำแหน่งแชมป์เอฟเอ คัพ ที่เอาชนะเซาธ์แฮมป์ตัน 1-0
ซัมเมอร์ปี 2003 อาร์เซน่อลไม่ได้ปรับเปลี่ยนขุมกำลังมากนักเมื่อเทียบกับแมนฯ ยูไนเต็ด และเชลซีที่เพิ่งได้ โรมัน อบราโมวิช เข้ามาเทกโอเวอร์เป็นปีแรก
เวนเกอร์ เจียดเงิน 1.5 ล้านปอนด์ไปดึง เยนส์ เลห์มันน์ ผู้รักษาประตูดอร์ทมุนด์ที่อายุปาเข้าไป 34 ปี เข้ามาแทน เดวิด ซีแมน ที่ย้ายออกไป หน้าใหม่ที่เหลือเป็นกลุ่มดาวรุ่งต่างแดนทั้ง เชส ฟาเบรกาส, กาแอล กลิชี่, โยฮัน ฌูรู และ ฟิลิปป์ เซนเดรอส
อาร์เซน่อลต้องทุ่มงบไปกับโครงการสนามเหย้าแห่งใหม่ ทำให้ไม่ได้มีเงินทุนมากมายสำหรับตลาดนักเตะ เวนเกอร์ ต้องทำงานให้สอดรับกับนโยบายรัดเข็มขัดของสโมสรอยู่นานหลายปี
รูปแบบการเล่นของปืนใหญ่ชุดไร้พ่าย
ช่วงกลางฤดูกาล เวนเกอร์เสริมเกมรุกได้ โฆเซ่ อันโตนิโอ เรเยส มาร่วมทีมด้วยค่าตัวเบื้องต้น 10.5 ล้านปอนด์ (เพิ่มเป็น 17 ล้านปอนด์ในเวลาต่อมา) แต่ก็เทียบไม่ได้เลยกับเชลซีที่ถลุงเกินหนึ่งร้อยล้านปอนด์
แม้จะไม่ได้ขยับตัวในตลาดมากมาย แต่อาร์เซน่อลยุคนั้นมีขุมกำลังที่แกร่งพอตัวเพราะสามารถต่อสัญญา ปาทริค วิเอร่า กับ โรแบร์ ปิแรส ออกไปได้ และมีข่าวด้วยว่าปฏิเสธข้อเสนอของเชลซีที่ยื่นซื้อ เธียร์รี่ อองรี
วิเอร่า, อองรี และ ปิแรส กำลังอยู่ในช่วงพีคของอาชีพเช่นเดียวกับ จิลแบร์โต้ ซิลวา, เฟร็ดดี้ ลุงเบิร์ก, โซล แคมป์เบลล์, แอชลี่ย์ โคล ฯลฯ
ขุมกำลังสำรองก็ถือว่าไม่น่าเกลียดมีทั้ง เอ็นวานโก้ คานู, ซิลแว็ง วิลตอร์, เอดู, เรย์ พาร์เรอร์, มาร์ติน คีโอว์น และ โฆเซ่ เรเยส
ส่วนกลุ่มดาวรุ่งที่เพิ่งย้ายมาก็มี กลิชี่ ที่ได้เล่นค่อนข้างบ่อย ตอนนั้นรับบทบาททั้งกลางรับและแบ็กซ้าย ส่วน เชส ยังเด็กมากอายุเพียง 16 ปี ได้เล่นเฉพาะบอลถ้วยลีก คัพ
ในภาพรวมถือว่าเป็นทีมที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างนักเตะที่อยู่ในช่วงหนุ่มแน่น กับกลุ่มประสบการณ์สูงอย่าง เดนนิส เบิร์กแคมป์, เยนส์ เลห์มันน์, มาร์ติน คีโอว์น, เรย์ พาร์เรอร์ ฯลฯ รวมไปถึงดาวรุ่งอย่าง กาแอล กลิชี่, เฌเรมี่ อาลิอาดิแยร์ และอาจจะนับ โคโล่ ตูเร่ ไปด้วยก็ได้เพราะเพิ่งอายุ 22 ปีเท่านั้น
ยุคนั้น อาร์แซน เวนเกอร์ ยังทำทีมในระบบ 4-4-2 มี เยนส์ เลห์มันน์ ผู้รักษาประตู แผงแบ็กโฟร์ประกอบด้วย โลร็องต์ เอตาเม่, โซล แคมป์เบลล์, โคโล่ ตูเร่ และ แอชลี่ย์ โคล มี ปาสกาล ซีก็อง, มาร์ติน คีโอว์น และ กาแอล กลิชี่ เป็นอะไหล่
ตรงกลางยังใช้มิดฟิลด์ตัวรับ 2 คนที่เป็นการจับคู่กันระหว่าง ปาทริค วิเอร่า และ จิลแบร์โต้ ซิลวา ส่วนริมเส้นสองฝั่งเป็น เฟรดริก ลุงเบิร์ก กับ โรแบร์ ปิแรส โดยมีแบ็กอัพอย่าง เอดู, เรย์ พาร์เรอร์ รวมถึง ซิลแวง วิลตอร์ ที่เล่นได้ทั้งกองหน้าและตัวรุกฝั่งขวา
คู่กองหน้าเป็น เดนนิส เบิร์กแคมป์ กับ เธียร์รี่ อองรี ที่เล่นในสนามจริงๆ แล้ว เบิร์กแคมป์ จะยืนค่อนข้างต่ำจนเหมือนเล่น 4-4-1-1 หรือ 4-2-3-1 เพราะขยับลงไปช่วย ลุงเบิร์ก กับ ปิแรส ปั้นเกม
รูปแบบการทำทีมของ เวนเกอร์ สร้างให้อาร์เซน่อลเป็นทีมที่ทรงประสิทธิภาพอย่างมาก ระบบแน่นปึ้กจนมีคำกล่าวที่ว่า "เอาใครลงก็ได้" เพราะสไตล์การเล่นลงตัวไหลลื่นเหมือนเครื่องยนต์หยอดน้ำมัน มีน็อตบางตัวหลุดหายไปก็แค่เอาตัวใหม่มาใส่ คือสามารถสลับผู้เล่นคนอื่นๆ ลงได้ทันทีแต่ระบบไม่เสีย
แม้จะเคยพลาดโอกาสในฤดูกาล 2002/03 แต่ เวนเกอร์ ก็สร้างความเชื่อมั่นใจและแรงกระตุ้นให้ลูกทีมอีกครั้งจนทำเรื่องเหลือเชื่อได้สำเร็จ
ตลอดฤดูกาล อาร์เซน่อลชนะ 26 นัด เสมอ 12 นัด และไม่แพ้ใครเลย เกมรุกยิงได้มากสุดในลีกที่ 73 ประตู ส่วนเกมรับก็เสียน้อยสุดในลีกที่ 26 ประตู
"The Invincible"
ชุดที่ดีที่สุดตลอดกาลของอาร์เซน่อล
แบ็กโฟร์ในตำนานเหลือเพียง มาร์ติน คีโอว์น ที่ลดบทบาทเป็นสำรอง แกนหลักในเกมรับต่างหนุ่น มีทั้งความฟิต พละกำลัง ความเร็ว และความแข็งแกร่ง
''บิ๊กโซล'' เป็นพี่ใหญ่ที่กระดูกบอลกำลังได้ทีในวัย 28 ปี ส่วน โคโล ตูเร่ ที่มาแบบโนเนมในปี 2002 ก็จับคู่กันได้อย่างลงตัว
โลร็องต์ เอตาเม่ เล่นเป็นกองกลางตอนอยู่เรอัล มายอร์ก้า แต่ถูกเวนเกอร์ปรับมาเล่นแบ็กขวาหลัง ลี ดิ๊กซั่น เลิกราไป ส่วนฝั่งซ้ายเป็น แอชลี่ย์ โคล เด็กสร้างจากอะคาเดมี่สโมสร
คู่มิดฟิลด์ ปาทริค วิเอร่า กับ จิลแบร์โต้ ซิลวา แข็งโป๊ก เป็นตัวรับขนาดแท้พ่วงดีกรีแชมป์โลกด้วยกันทั้งคู่ทำให้แบ่งเบาะภาระกองหลังได้อย่างมาก
ขณะที่ริมเส้นทั้ง เฟร็ดดี้ ลุงเบิร์ก และ โรแบร์ ปิแรส ก็อันตรายโดยเฉพาะคนหลังที่แม้อายุ 30 ปีแล้วแต่ลีลาลากเลื้อยเหลือร้ายและยิงได้ถึง 14 ประตูในลีก
คู่กองหน้า เดนนิส เบิร์กแคมป์ กับ เธียร์รี่ อองรี คือหนึ่งในคู่หูที่ดีที่สุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีก ทั้งสองเล่นกันคนละสไตล์แต่ลงตัวกลมกล่อมสุดๆ
คนนึงเท้าชั่งทองวางบอลสั้น-ยาวน้ำหนักไร้ที่ติ อีกคนก็จัดจ้านท้านรก พร้อมฉีกกองหลังในเสี้ยววินาที
อองรี ร่างกายฟิตเปรี้ยะและท็อปฟอร์มสุดๆ ได้ทั้งรางวัลดาวซัลโว 30 ประตู แข้งยอดเยี่ยมของพีเอฟเอ และสมาคมนักข่าว รวมถึงอันดับ 2 รางวัลบัลลงดอร์ และแข้งยอดเยี่ยมแห่งปีฟีฟ่า
ปืนใหญ่เกมรุกดุดันและทรงประสิทธิภาพ ตำแหน่งการเล่นหมุนเวียนกันได้ตลอด บอลตามช่องเข้าขารู้ใจ เป็นทีมที่เคาะบอลหนึ่งสองได้เนียนตา สวยงาม และยากที่คู่แข่งจะรับมือได้
เกมรุกส่วนใหญ่ขึ้นทางฝั่งซ้ายที่มี เธียร์รี่ อองรี, โรแบร์ ปิแรส และการเติมเกมของ แอชลี่ย์ โคล ประสานงานด้วยกัน ส่วนฝั่งขวาก็ถือว่าทีเด็ดเช่นกันเพราะคู่แข่งหลายทีมไม่ทันระวังตัวทำให้ ลุงเบิร์ก ได้สอดขึ้นมาทำประตูบ่อยครั้ง เช่นเดียวกับ โลร็องต์ ที่มีพื้นที่เปิดบอลสร้างโอกาสไม่น้อย
(รออ่านต่อในตอนที่ 2)
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT