ปืนกำลังแตก?
คุณภาพของของทีมตอนนี้ขาดสมดุลอย่างมากไม่ว่าจะเป็นฟอร์มการเล่นและขุมกำลังในทีม เอเมรี่ เคยพาทีมไร้พ่าย 22 นัดติดทุกรายการ แต่ 8 นัดหลังสุดชนะได้เพียง 3 นัด และเกิดขึ้นกับทีมอย่างฟูแล่ม, เบิร์นลี่ย์ และ แบล็คพูล
นักเตะหลายต่อหลายคนไม่สามารถรักษาฟอร์มการเล่นให้คงเส้นคงวาได้ นัดนี้เล่นดี แต่นัดหน้ากลับไร้บทบาท ไม่สามารถสร้างความแตกต่างใดๆ ให้เกิดขึ้น หากต้องระบุชื่อให้เห็นภาพชัดก็ย่อมหนีไม่พ้น เมซุต โอซิล
การบริหารจัดการเรื่องสัญญาทำได้น่าผิดหวัง แกนหลักอย่าง อาร่อน แรมซี่ย์ กำลังจะอำลาทีมแบบไร้ค่าตัว ก่อนหน้านี้ก็จำใจต้องปล่อยทั้ง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, อเล็กซิส ซานเชซ และ แจ็ค วิลเชียร์
ไล่ย้อนจริงๆ สโมสรจัดการได้แย่ตั้งแต่เรื่องสัญญาของ อาร์แซน เวนเกอร์ แล้ว
ย้อนไปก่อนถึงฤดูกาลสุดท้ายของ เวนเกอร์ อาร์เซน่อลควรต้องรู้ว่าอนาคตของกุนซือชาวฝรั่งเศสไม่แน่นอน การวางแผนในเรื่องซื้อขายและจัดการสัญญานักเตะต้องทำให้ละเอียดและคำนึงถึงปัจจัยหลายอย่าง
เดือนมกราคมปีที่แล้ว ปืนใหญ่จำต้องปล่อย อเล็กซิส ซานเชซ ให้แมนฯ ยูไนเต็เพราะสัญญาใกล้หมดลง และเจรจาได้ เฮนริค มคิทาร์ยาน มาแทนที่ซึ่งจนถึงตอนนี้ดาวเตะทีมชาติอาร์เมเนียก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมากนัก
แต่สถานการณ์ตรงนั้น อาร์เซน่อลทำอะไม่ได้มากแล้วและต้องยอมรับกับข้อเสนอแลกเปลี่ยนกับนักเตะที่แมนฯ ยูไนเต็ดไม่ใช้งาน
กาซิดิช ชิ่งหนี, เวนเกอร์ อำลาทีม แต่ โครเอนเก้ ยังอยู่
จุดผิดพลาดมากสุดคือการทุ่มค่าเหนื่อยถึงสัปดาห์ละ 350,000 ปอนด์เพื่อต่อสัญญากับ เมซุต โอซิล
การต่อสัญญากับ โอซิล ได้เป็นเรื่องดีเพราะทีมเพิ่งเสีย อเล็กซิส ออกไป การจะเสีย 2 ซูเปอร์สตาร์ในเวลาใกล้เคียงกันไม่ใช่เรื่องดี ทว่าการที่ต้องจ่ายเงินก้อนโตในสัญญาใหม่สร้างผลกระทบในด้านลบอย่างมาก
อย่างที่บอกไปว่า อนาคตของ เวนเกอร์ ยังไม่แน่นอนเพราะช่วงนั้นโดนกระแสโจมตีอย่างหนักจากแฟนบอลที่ประท้วงเช้า-เย็น สุดท้ายกุนซือชาวฝรั่งเศสยอมวางมือในฤดูกาลล่าสุด
เมื่อเวนเกอร์ประกาศอำลา คำถามจึงมีอยู่ว่า กุนซือคนใหม่ที่เข้ามาแทนที่จะให้คุณค่ากับ เมซุต โอซิล มากเท่าที่ เวนเกอร์ ให้หรือไม่
ทุกคนได้เห็นกันแล้วว่าตอนนี้ อูไน เอเมรี่ มอง เมซุต โอซิล เป็นอย่างไร
ในช่วงเดือนนั้นที่ต่อสัญญา โอซิล ออกไปได้ ทีมเสียเงินไปอีกไม่น้อยในการดึง ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง เพื่อทดแทน อเล็กซิส ซานเชซ อีกทั้งต้องอัดค่าเหนื่อยมหาศาลเพื่อล่อให้ มคิทาร์ยาน ยอมย้ายมา
3 ดีลนี้ทำให้อาร์เซน่อลหมดเงินอย่างมาก และเหลืองบประมาทเพียงน้อยนิดสำหรับ อูไน เอเมรี่ ที่เข้ามาฤดูกาลแรกก็ต้องเจอข้อจำกัดเรื่องเงินทุนในทันที
ช่วงซัมเมอร์ เอเมรี่ ใช้งบประมาณราว 70 ล้านปอนด์อย่างคุ้มค่าที่สุดเท่าที่ทำได้กับผู้เล่นใหม่ 5 คนไม่ว่าจะเป็น แบรนด์ เลโน่, ลูคัส ตอร์เรร่า, โซคราตีส ปาปาสตาโธปูลอส, สเตฟาน ลิชต์สไตเนอร์ และ มัตเตโอ เกนดูซี่
แต่มาถึงตลาดหน้าหนาวรอบนี้ เอเมรี่ ก็บอกในสิ่งที่แฟนปืนต้องสะอึกกันถ้วนหน้าว่าสโมสรไม่มีเงินสำหรับซื้อนักเตะใหม่ และทำได้เพียงต้องขอ "ยืม" เท่านั้น
ตลาดหน้าหนาวคือช่วงเวลาและโอกาสทองที่ เอเมรี่ จะได้ปรับทัพหลังจากเริ่มเห็นปัญหาในหลายจุดที่ทำให้ผลงานสะดุดโดยเฉพาะตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟและมิดฟิลด์ตัวรุกริมเส้น
โอซิล มีปัญหาในการทำงานร่วมกับ เอเมรี่
แต่จนถึงตอนนี้ ทีมยังไม่สามารถดึงใครมาร่วมทีมได้เลย ขนาดคนที่บาร์เซโลน่าพร้อมปล่อยอยู่อย่าง เดนิส ซัวเรซ ก็ยังไม่สามารถเจรจาได้ทั้งที่ตลาดเปิดมาเกือบยี่สิบวันแล้ว
กลับไปที่เรื่องของ โอซิล ที่ตอนนี้ต้องบอกว่าเป็นปัญหาที่อาร์เซน่อลกลืนไม่เข้า คายไม่ออก และไม่รู้จะเดินหน้าต่ออย่างไรดี
โอซิล ทำงานกับ เอเมรี่ ลำบากเพราะอดีตกุนซือปารีส แซงต์-แชร์กแมง ต้องการนักเตะที่มีความสม่ำเสมอ และขยันช่วยทีมทั้งเกมรุกและรับซึ่งไม่ใช่สไตล์ของ โอซิล เลย
หลายครั้งเขาจึงเลือกดร็อปและให้เหตุผลตรงๆ ว่าไม่เข้ากับระบบทีม ซึ่งนั่นก็เท่ากับตอกหน้า โอซิล แบบชัดเจนว่าเล่นไม่ได้ตามมาตรฐานที่ต้องการ
ในมุมของ เอเมรี่ เขาไม่สนใจว่า โอซิล จะเป็นซูเปอร์สตาร์ของทีมหรือรับค่าเหนื่อยมากเพียงใด
แต่ในมุมของสโมสร การที่จ่ายค่าเหนื่อยให้นักเตะถึงสัปดาห์ละ 350,000 ปอนด์แต่ใช้งานได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ย่อมไม่ใช่เรื่องดี และทุกครั้งที่ โอซิล หายไปก็ย่อมเกิดเครื่องหมายคำถามเสมอ
สัญญาค่าเหนื่อยก้อนโตของ โอซิล ทำให้อาร์เซน่อลไม่สามารถอัดค่าเหนื่อยใครมากๆ ได้อีก และก็เป็นเหตุที่ทำให้ถอนข้อเสนอสัญญาใหม่ของ อาร่อน แรมซี่ย์ และเลือกที่จะเสียฟรีๆ
ทุกอย่างกระทบกันไปหมด และเห็นได้ชัดถึงการจัดการที่ไร้มาตรฐานเพราะว่ากันตามผลงาน แรมซี่ย์ ก็ไม่ได้เป็นรอง โอซิล มากนัก หากปืนใหญ่ให้ โอซิล ได้ก็ควรต้องจัดให้ แรมซี่ย์ ในเรตที่คู่ควร
แต่อาร์เซน่อลเลือกปล่อยนักเตะระดับนี้แบบที่ไม่ได้เงินคืนมาแม้แต่ปอนด์เดียว ยกเว้นว่ามีดีลพลิกล็อกขายออกไปในเดือนนี้
แรมซี่ย์ กำลังย้ายออกไปแบบไร้ค่าตัว
แต่ก็นั่นแหละ ทีมอย่างยูเวนตุสที่เป็นเต็งหนึ่งได้ตัว แรมซี่ย์ มีความเก๋าเกมกว่าอยู่แล้วและไม่ยอมเปลืองเงินแม้เพียงนิดแน่นอนเพราะมั่นใจอยู่แล้วจะได้ดาวเตะทีมชาติเวลส์ไปร่วมทีม
นี่คือปัญหาที่เห็นกันอยู่ในระดับนักเตะ พอไล่ขึ้นไประดับบริหารก็เห็นแววไม่ดีตั้งแต่ อีวาน กาซิดิช ที่เป็นถึงประธานบริหารเลือกอำลาทีมไปทำงานกับเอซี มิลาน
กาซิดิช วางโครงสร้างหลายอย่างเพื่อปรับเปลี่ยนสโมสรระยะยาว ไม่มีท่าทีใดๆ ว่าจะชิ่งไปทำงานกับที่อื่น แต่แล้วก็สละเรืออหนีดื้อๆ
เท่านั้นไม่พอ สเวน มิสลินสตัต มือแมวฝีมือดีอีกครั้งก็กำลังจากไปเนื่องจากทำงานไม่ลงรอยกับ ราอูล ซานเยฮี และ วีไน เวนเกตชาม สองผู้บริหารคนใหม่ที่ขึ้นมาทำงานแทน กาซิดิช
เจ้าของฉายา "ตาเพชร" ถูก อีวาน กาซิดิช ดึงตัวจาก ดอร์ทมุนด์ มาทำงานให้อาร์เซน่อลในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายสรรหาเมื่อ 14 เดือนที่แล้วซึ่งเป็นช่วงที่สโมสรกำลังปรับเปลี่ยนโครงสร้างต่อเนื่อง
เดิมที กาซิดิช วางตัว มิสลินตัต ให้เป็นผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคซึ่งเป็นตำแหน่งที่ไม่เคยมีในยุคของ อาร์แซน เวนเกอร์ แต่พอ กาซิดิช ไม่อยู่ สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปด้วยในยุคของ 2 บิ๊กคนใหม่
ซานเยฮี ต้องการใช้เครือข่ายของตัวเองในเรื่องการซื้อนักเตะ ขณะที่ มิสลินตัต ก็มีวิธีการทำงานโดยยึดหลักข้อมูลและสถิติในการควานหานักเตะมาปลุกปั้น
ที่ผ่านมา มิสลินสตัต ทำได้ยอดเยี่ยมมากตั้งแต่สมัยอยู่ดอร์ทมุนด์ที่ดึงแข้งฝีเท้าดี ราคาถูกมาร่วมทีมไม่ว่าจะเป็น ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง, ชินจิ คางาวะ, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และ อุสมาน เดมเบเล่ ก่อนขายออกทำไรมหาศาล
เช่นเดียวกับช่วงเวลาปีเศษที่อาร์เซน่อลก็ผลักดันให้ทีมดึง โอบาเมย็อง, คอนสแตนตินอส มาโรปานอฟ, ลูคัส ตอร์เรร่า และ มัตเตโอ เกนดูซี่ มาร่วมทีมได้สำเร็จ
มิสลินตัต รู้สึกว่าตัวเองถูกมองข้ามความสำคัญ เขามีลิสต์รายชื่อนักเตะที่ต้องการให้อาร์เซน่อลดึงมาร่วมทีม แต่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากบอร์ดบริหาร และหากจำกันได้ไม่นานมานี้เพิ่งมีข่าวอาร์เซน่อลจะดึง เอดู อดีตผู้เล่นชุดไร้พ่ายเข้ามาทำงาน และว่ากันว่าเป็นตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคนิคนี่แหละ
ถ้า มิสลินตัต ไปอีกคน ก็นับเป็นอีก "ความล้มเหลว" ของบอร์ดบริหารชุดปัจจุบันที่ไม่รู้จักรักษาของดีที่มีเอาไว้
ด้านเจ้าของทีม สแตน โครเอนเก้ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาทุกอย่างโดยเฉพาะนโยบายการเงินที่รัดเข็มขัดสุดๆ ก็ไม่รู้ร้อนรู้หนาวใดๆ กับความเป็นไปของสโมสร แถมยังใช้ชีวิตระรื่นที่ประเทศบ้านเกิดสหรัฐ
ไล่เรียงมาทั้งหมดก็น่าเห็นใจ อูไน เอเมรี อย่างที่สุดเพราะต้องรับมือกับปัญหาสารพัด เอาแค่ประคับประคองทีมเก็บผลการแข่งขันให้ได้ตามเป้าก็เป็นงานยากสุดๆ แล้ว
ในเดือนมกราคมที่เป็นโอกาสในการปรับเปลี่ยนทีมเพื่อให้กลับมาทำผลงานได้ดีอีกครั้ง กลับกลายเป็นเดือนที่อาร์เซน่อลเจอแต่ปัญหาทั้งในและนอกสนาม
ฤดูกาลแรกของ เอเมรี่ ควรเป็นฤดูกาลแห่งการเริ่มต้น แต่ผ่านมาถึงตรงนี้ อาร์เซน่อลเหมือนทีมที่กำลังแตกมากกว่า
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT