ถูกทิ้งไว้กลางทาง
โมนาโก ประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่าได้ "พักงาน" เธียร์รี่ อองรี จากการทำหน้าที่กุนซือ พร้อมดันผู้ช่วย ฟร้องค์ ปัสซี่ ขึ้นมานำทีมแทนแบบชั่วคราวโดยมีภารกิจนำทีมลงซ้อมไปเมื่อวันศุกร์เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับเกมลีก เอิง ที่ต้องไปเยือนดิฌงในวันเสาร์ที่ 26 ม.ค. นี้
แถลงการณ์ของโมนาโกระบุว่าจะพักงานอองรีไปจนกว่าจะมีการตัดสินใจใดๆ ออกมาอีก เปรียบให้เห็นภาพก็คือจับแขวนเอาไว้บนขื่อ รอพลแม่นปืนระดมยิงหากตัดสินใจสะเด็ดน้ำว่าต้องแยกขาดจากกันโดยสิ้นเชิง
อองรี ที่เป็นลูกหม้อโมนาโกโดยตรงเพิ่งเข้ามารับงานคุมทีมเก่าแทน เลโอนาร์โด้ ชาร์ดิม เมื่อเดือนตุลาคมปีทีแล้ว โดยทำสัญญากันถึงซัมเมอร์ 2021 แต่ผ่านมาถึงตรงนี้ต้องยอมรับว่าผลงานไม่เป็นไปตามที่หลายคนคาดหวังจริงๆ
อดีตหัวหอกอาร์เซน่อลคุมโมนาโก 20 นัดในทุกรายการ พาทีมชนะได้เพียง 4 นัด เสมอ 5 นัด และแพ้ถึง 11 นัด ซึ่งหากนับเฉพาะในลีก ทีมคว้าชัยได้แค่ 2 จาก 12 นัด และไม่เคยชนะในบ้านได้เลย
ขีดเส้นเจาะจงให้เห็นถึงผลงานอันน่าผิดหวังคือ 2 นัดหลังสุดที่พ่ายคาบ้านทั้งในฟุตบอลลีกและฟุตบอลถ้วย พร้อมกับปัญหาเกมรับที่โดนยิงไส้แตกถึง 8 ประตู
เกมลีกเมื่อสัปดาห์ที่แล้วพ่ายยับต่อ สตราส์บูร์ก 1-5 ขณะที่กลางสัปดาห์ก็ถูกทีมจากลีกรองอย่างเม็ตซ์บุกมาอัดอีก 3-1 ร่วงตกรอบเฟร้นช์ คัพ อย่างน่าอนาถ
แหล่งข่าวภายในสโมสรยืนยันว่าอันที่จริง อองรี จะได้โอกาสพิสูจน์ฝีมืออีก 2 นัดในเกมลีกที่เจอ ดิฌง วันเสาร์ ต่อด้วยเฟร้นช์ ลีก คัพ กับแก็งก็อง แต่สุดท้ายก็พักงานเอาไว้ก่อน ขณะที่บีบีซีระบุว่านี่คือการไล่ออกกลายๆ
"โกล ฝรั่งเศส" รายงานว่าอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้ อองรี ถูกทิ้งไว้กลางทางคือ นักเตะในทีมหลายคนออกมาร้องเรียนต่อบอร์ดบริหารถึงวิธีการที่กุนซือหนุ่มปฏิบัติกับพวกเขาทั้งการคุมทีมลงแข่งและการฝึกซ้อมในแต่ละวัน
มีการเปิดเผยว่าจากนักเตะในทีมชุดใหญ่ว่า "เขา (อองรี) มักพูดแย่ๆ กับนักเตะ และเชื่อมั่นในตัวเองสูง ไม่ค่อยรับฟังความคิดเห็นของคนอื่น"
อารมณ์ที่แปรปรวนของ อองรี ทำให้นักเตะเข้าถึงยาก เขามักเริ่มต้นการให้สัมภาษณ์และคุมทีมแบบท่าทีใจเย็น แต่แล้วก็เกรี้ยวกราดขึ้นมาฉับพลัน ทำเอาคนรอบข้างปรับตัวตามไม่ถูก
อองรี เข้ามาคุมทีมกลางเดือนธันวาคม แต่ตอนนี้การปฏิบัติตัวของเขาต่อสตาฟฟ์โค้ช และนักเตะไม่เหมือนวันแรกที่เข้ามา และหลายคนก็เริ่มตั้งคำถามถึงการตัดสินใจต่างๆ ของกุนซือวัย 41 ปี
เกมเกมเฟร้นช์ คัพ กับแรนส์ เมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา เธียร์รี่ อองรี ตัดสินใจมอบปลอกแขนกัปตันทีมให้ ยูริ ตีเลอม็องส์ กองกลางดาวรุ่งวัยเพียง 19 ปีที่ได้ทำหน้าที่แทน ราดาเมล ฟัลเกา หัวหอกจอมเก๋าของทีมที่บาดเจ็บ
แม้ไม่ได้มีการพูดคุยกันอย่างเป็นทางการ แต่การปฏิบัติตัวของ อองรี ที่มักคุยกันสองต่อสองกับ ตีเลอม็องส์ อันเนื่องจากความสนิทสนมมาตั้งแต่ทำงานในทีมชาติเบลเยียม ก็ถูกตีความว่าเขาเลือกให้แข้งอ่อนพรรษารายนี้เป็นรองกัปตันทีมในระยะยาว ทั้งที่ตำแหน่งนี้ควรเป็น คามิล กลิค กองหลังทีมชาติโปแลนด์
อองรี มีเส้นทางกุนซือคล้ายกับ เนวิลล์ และ เชียเรอร์
อย่างไรก็ตาม นี่คือความเป็นไปภายในที่สื่อในฝรั่งเศสพยายามไปขุดคุ้ยมาให้เห็นถึงการตัดสินใจของโมนาโก ซึ่งความจริงเป็นอย่างไรนั้น คนนอกไม่มีทางรู้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ และหากว่ากันเฉพาะผลงานในสนามก็ถือว่ามีน้ำหนักพอสมควรที่โมนาโกจะเปลี่ยนแปลงกุนซืออีกครั้ง
โมนาโกฤดูกาลปัจจุบันกับฤดูกาล 2016/17 ที่ผงาดแชมป์ลีก เอิง และเข้าถึงรอบตัดเชือกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ต่างกันลิบลับ แกนหลักหลายคนถูกขายออกไป ที่เหลือก็เริ่มโรยราโดยเฉพาะ ราดาเมล ฟัลเกา ที่มีปัญหาสภาพร่างกายชัดเจนในฤดูกาลนี้
การปรับเปลี่ยนทีมด้วยการนำแข้งใหม่และดันดาวรุ่งขึ้นมา ไม่สามารถทดแทนตัวที่ย้ายออกไปได้ คุณภาพที่ต่างกันตรงนี้ทำให้ทีมไม่สามารถป้องกันแชมป์ลีกในฤดูกาลก่อนได้ ทำให้ไพียงประคองตัวจบรองแชมป์เพื่อคว้าตั๋วไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
แต่กระนั้นเมื่อมองมาที่ฤดูกาลนี้ ผลงานของทีมตกต่ำดำดิ่งอย่างน่าใจหาย เลโอนาร์โด ชาร์ดิม กุนซือคนเดียวกับที่ทำทีมเป็นแชมป์ 2 ปีก่อนยังไม่สามารถประคองทีมได้ เช่นเดียวกับ อองรี ที่เข้ามาแล้วก็กระชากทีมให้ขึ้นจากโซนตกชั้นไม่ได้
ปัญหาสำคัญของ โมนาโก คือเกมรุกที่ยิงประตูกันได้น้อย ฤดูกาลผ่านมา 21 นัด แต่พวกเขาเจาะตาข่ายคู่แข่งได้เพียง 19 ประตู เฉลี่ยไม่ถึง 1 ประตูต่อนัดด้วยซ้ำ
กับอนาคตที่ดับวูบของ อองรี ทำให้หลายคนที่เคยฟันธงว่าเขารีบจับงานใหญ่เร็วเกินไป กะเก็งกันได้ถูกต้อง เพราะก่อนหน้านี้ อดีตดาวซัลโวตลอดกาลของทีมปืนใหญ่ ไม่เคยคุมทีมใดมาก่อนนอกเหนือจากการเป็นหนึ่งในสตาฟฟ์โค้ชของ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ที่พาทีมชาติเบลเยียมคว้าอันดับ 3 ฟุตบอลโลกครั้งล่าสุด
ก้าวแรกที่สะดุดล้มอย่างรวดเร็วทำให้ อองรี ถูกนำไปเปรียบเทียบกับบรรดาแข้งดังในอดีตหลายต่อหลายคนที่ "ไม่เวิร์ก" กับงานคุมทีมไม่ว่าจะเป็น แกรี่ เนวิลล์, อลัน เชียเรอร์, โทนี่ อดัมส์ ฯลฯ
แต่ก็นั่นแหละ คนอื่นในรุ่นราวคราวเดียวกันก็ไปได้สวยในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็น สตีเว่น เจอร์ราร์ด, แฟร้งค์ แลมพาร์ด หรือแม้แต่ ปาทริค วิเอร่า เพื่อนซี้ที่เพิ่งดวลฝีมือกันไปเมื่อไปกี่วันที่ผ่านมา
บทสรุปเรื่องนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องของประสบการณ์น้อยนิดของ เธียร์รี่ อองรี เพราะสภาพของโมนาโกเองก็ไม่ไหวด้วย เล่นขายตัวหลักออกไปทุกปีแบบนี้ ใครมาคุมก็ลำบาก
ประเด็นสำคัญคือ "จังหวะเวลา" ที่ยังไม่ใช่ การกลับมาเป็นทองแผ่นเดียวกันอีกครั้งของ โมนาโก และ อองรี จึงมีเวลาสั้นอย่างน่าใจหาย
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT