ทฤษฎีขับไล่ "โอซิล"
เหตุผลหลักที่ทำให้เกิดประเด็นบีบโอซิลย้ายไม่ได้มีอะไรซับซ้อนเพราะเป็นเรื่อง "ค่าเหนื่อย" นั่นเอง ส่วนเหตุผลในเรื่องฟุตบอลที่พออ้างได้คือ เล่นไม่เข้าแท็กติกของ อูไน เอเมรี่
โอซิล รับค่าเหนื่อยก้อนโตสัปดาห์ละ 350,000 ปอนด์ในสัญญาใหม่ที่เซ็นเอาไว้เดือนมกราคมปีที่แล้ว เป็นตัวเลขที่มหาศาลทีเดียวเพราะอาร์เซน่อลไม่เคยจ่ายให้ใครขนาดนี้มาก่อนไม่ว่าในอดีตหรือปัจจุบัน
สื่อในอังกฤษจับต้นชนปลายว่าบอร์ดบริหารของอาร์เซน่อลเริ่มฉุกคิดถึงเงินระดับ 3.5 แสนปอนด์ที่จ่ายให้ โอซิล ทุกสัปดาห์นั้น "เยอะ" เกินไป ทำให้รายจ่ายของสโมสรสูงขึ้นต่อเนื่อง
ทำไมอาร์เซน่อลต้องจ่ายขนาดนั้น ?
เรื่องนี้ย้อนเหตุการณ์ในปีที่แล้วที่สโมสรตัดสินใจต่อสัญญากับ เมซุต โอซิล
ตอนนั้น ปืนใหญ่มีแนวโน้มเสียผู้เล่นบิ๊กเนมพร้อมกันถึง 2 คนคือ อเล็กซิส ซานเชซ กับ เมซุต โอซิล ที่เหลือสัญญาเพียง 6 เดือน
ความเป็นไปที่จะย้ายมีสูงมาก คำถามมีเพียงจะไปตั้งแต่เดือนมกราคมที่อาร์เซน่อลพอจะเรียกค่าตัวได้บ้างนิดหน่อย หรือรอจนถึงซัมเมอร์ที่สัญญาสิ้นสุดแล้ว "ย้ายฟรี"
ผลงานในฤดูกาลสุดท้ายของ อาร์แซน เวนเกอร์ ก็ 3 วันดี 4 วันไข้ หากต้องเสียทั้ง อเล็กซิส และ โอซิล ออกไปพร้อมกัน สโมสรจะเจอกระแสโจมตีจากแฟนบอลอย่างรุนแรงแน่นอน
ลำพังแค่เรื่องของ เวนเกอร์ ก็มีการประท้วงเช้า-เย็นอย่างต่อเนื่องเพราะหลายคนต้องการให้กุนซือชาวฝรั่งเศสวางมือ
เมื่อบวกกรณีของ อเล็กซิส-โอซิล เข้าไปอีก สถานการณ์เลยตึงเครียดไปกันใหญ่และส่งผลต่อผลงานในสนามอย่างเลี่ยงไม่ได้
สุดท้าย สโมสรจึงเลือกเก็บเอาไว้ 1 คนคือ โอซิล แล้วปล่อย อเล็กซิส ไปให้แมนฯ ยูไนเต็ดเพราะเกินกำลังที่จะรั้งเอาไว้ โดยสามารถเจรจาดึง เฮนริค มคิทาร์ยาน ย้ายสลับขั้วมาเล่นที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม
โอซิล หลุดสำรองบ่อยครั้งในฤดูกาลนี้
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น สโมสรไปดึง ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง กองหน้าตัวเก่งของโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาร่วมทีมด้วยค่าตัวเป็นสถิติสโมสร 56 ล้านปอนด์
อาร์เซน่อลต้องจ่ายค่าเหนื่อยมหาศาลใน 3 ดีลนี้
โอซิล รับ 350,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์
โอบาเมย็อง ฟัน 200,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์
ขณะที่ มคิทาร์ยาน ก็เน้นๆ 180,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์
เป็น 3 ผู้เล่นที่รับค่าเหนื่อยแพงสุดของสโมสรและรวมกันถึงสัปดาห์ละ...730,000 ปอนด์
ลองคำนวณคร่าวๆ ในเวลา 1 ปีที่ผ่านมา อาร์เซน่อลหมดเงินไปกับค่าเหนื่อยของ 3 คนนี้มากถึง 38 ล้านปอนด์ หรือประมาณ "ครึ่งหนึ่ง" ของเงินที่ใช้ซื้อนักเตะในซัมเมอร์ล่าสุด
ตรงนี้เป็นสิ่งที่อธิบายได้ว่าทำไมบอร์ดบริหารถึงล้มโต๊ะการเจรจาสัญญาฉบับใหม่กับ อาร่อน แรมซี่ย์ และยอมที่จะปล่อยฟรีแบบไร้ค่าตัวในซัมเมอร์นี้
อาร์เซน่อลไม่สามารถจ่ายค่าเหนื่อยก้อนโตให้ใครได้อีกแล้ว เช่นเดียวกับไม่มีเงินซื้อนักเตะในช่วงตลาดหน้าหนาวจนต้องบากหน้าไปขอยืมนักเตะจากสโมสรมาใช้งาน
ไม่มีใครยืนยันได้ว่ากระแสข่าวที่บอร์ดบริหารอาร์เซน่อลสั่งให้ อูไน เอเมรี่ ดร็อป เมซุต โอซิล บ่อยครั้งเพื่อต้องการบีบให้ย้าย มีความจริงมากน้อยเพียงใดเพราะเรื่องแบบนี้ไม่มีผู้กระทำคนใดพูดออกมาต่อสาธารณะอยู่แล้ว
แต่หากประเมินความเป็นไปในสโมสร และวิเคราะห์ในมุมความเป็นองค์กรที่มีค่าใช้จ่ายในส่วนใดส่วนหนึ่งมากเกินไป ก็แน่นอนว่าย่อมต้องการลดตัวเลขส่วนนั้นลงมา
จึงชัดเจนว่า อาร์เซน่อล ต้องการลดภาระค่าเหนื่อยของ 3 ผู้เล่นในสัญญาที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กันเพราะรู้ตัวว่าทำพลาดไปแล้ว
โอบาเมย็อง มีผลงานยอดเยี่ยมตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ถือว่าลงทุนคุ้มค่า ขณะที่ มคิทาร์ยาน ก็ยังไม่ได้แสดงคุณภาพอะไรออกมามากนัก แต่ก็ยังไม่น่าหนักใจเท่ากับกรณีของ เมซุต โอซิล
โอซิล มีปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งคือ ฟอร์มการเล่นไม่สม่ำเสมอ นัดนี้เล่นดีเป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ แต่นัดหน้าก็หายไปจากเกมเหมือนไม่ได้ลงสนาม
ต่อให้เป็นยุคของ อาร์แซน เวนเกอร์ ที่ให้ความเชื่อมั่นสตาร์เชื้อสายเติร์กเต็มที่ แต่การรักษาฟอร์มให้คงเส้นคงวาก็ยังเป็นสิ่งที่แฟนบอลตั้งคำถามอยู่ตลอด
เหตุผลของ เอเมรี่ คือแท็กติกล้วนๆ หรือไม่ ?
พอมาถึงยุคของ อูไน เอเมรี่ ยิ่งต่างออกไปเพราะ เอเมรี่ ไม่ได้สนว่า โอซิล จะมีชื่อเสียงและมีโปรไฟล์ในอดีตยอดเยี่ยมเพียงใด เขาสนแต่ฟอร์มการเล่น ณ ปัจจุบันว่าจะสามารถทำได้ตามที่ต้องการหรือไม่
หากไม่ได้ก็ต้องสำรอง หรือแย่สุดๆ ก็คือไม่มีชื่อแม้กระทั่งอยู่ข้างสนาม
ในมุมของ เอเมรี่ มีสิทธิ์ทำได้เพราะเป็นเฮดโค้ช แต่มุมของผู้บริหารย่อมไม่แฮปปี้แน่นอนที่ต้องจ่าย 3.5 แสนปอนด์ทุกสัปดาห์ให้กับนักเตะที่ลงบ้าง ไม่ลงบ้าง
ดีดเครื่องคิดเลขคำนวณดูแล้วไม่มีทาง "คุ้ม" กับที่จ่ายไป การแยกทางกันจึงน่าจะเป็นทางออก
ทั้งหมดเลยกลายมาเป็น "ทฤษฎีไล่โอซิล"
ไม่มีรู้ข้อเท้จริงว่า เอเมรี่ ดร็อปโอซิลเพราะเหตุผลเรื่องแท็กติกล้วนๆ หรือโดนสโมสรบีบทางอ้อมอีกที แต่อาร์เซน่อลไม่ควรปล่อยให้สถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้น
สมมุตินะครับว่า...
หากอาร์เซน่อลต้องการปล่อย โอซิล ออกจากทีมจริงๆ สิ่งที่ควรทำไม่ใช่การดองจนเหม็นเปรี้ยวไว้ข้างสนามเพราะควรต้องให้ลงเล่นมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
คุณภาพของ โอซิล ช่วยอาร์เซน่อลได้อยู่แล้ว อาจมีหลุดสำรองบ้างนานๆ ทีพอเข้าใจได้ แต่ไม่ใช่เล่น 1 นัดหายไป 3 นัด หรือเป็นสำรองของนักเตะที่ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันอย่าง อเล็กซ์ อีโวบี้
อีกเหตุก็คือ โอซิล ก็จะได้แสดงฝีเท้าให้ทีมอื่นได้เห็นหากอาร์เซน่อลต้องการเรียกลูกค้า ไม่ใช่คิดเพียงว่า โอซิล มีชื่อเสียงอยู่แล้ว เดี๋ยวก็ต้องมีคนมาซื้อ
ฟุตบอลทุกวันนี้มีกฎการเงินเข้ามาควบคุม หลายสโมสรต้องปรับตัวตาม ไม่ใช่ว่ามีเงินแล้วสามารถซื้อได้ ทุกอย่างต้องคำนวณเป็นอย่างดีว่าคุ้มค่าต่อการลงทุน
แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับ โอซิล ไม่มีอะไรรับประกันว่า ทีมใดก็ตามที่ได้ โอซิล ไปร่วมทีมก็จะคุ้มค่ากับเงินที่ลงทุนทั้งค่าตัวและค่าเหนื่อย
ปัจจุบัน โอซิล อายุ 30 ปีแล้ว สัญญาครั้งต่อไปจะเป็นสัญญาสำคัญครั้งสุดท้ายในชีวิต ดังนั้นจึงน่าจะเรียกค่าเหนื่อยที่สูงเอาเรื่องไม่แพ้จากที่รับจากอาร์เซน่อลในตอนนี้
แล้วอาร์เซน่อลจะตั้งค่าตัว โอซิล ไว้เท่าไหร่ในเมื่อฤดูกาลนี้ลงสนามช่วยทีมไม่ถึงครึ่งของจำนวนเกมทั้งหมด
ขนาดลงเล่นต่อเนื่องในยุค เวนเกอร์ อดีตแชมป์โลก 2014 ก็ยังถูกตำหนิถึงความมุ่งมั่นและฟอร์มการเล่น 3 วันดี 4 วันไข้
ยิ่งโอซิลไม่ได้เล่น อาร์เซน่อลยังลำบากในการเรียกค่าตัวของ โอซิล
ลองเปรียบเทียบง่ายๆ เวลาเราเปิดร้านขายของ
หากต้องการขายสินค้าใดให้ได้มากที่สุด เราก็ต้องเอาสินค้าตัวนั้นมาวางโชว์หน้าร้าน หรือในจุดที่คนเห็นง่าย อาจจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายไปด้วยก็ย่อมได้
มันไม่ใช่เรื่องแน่นอนที่จะเอาสินค้าที่อยากขายไปซุกไว้หลังร้านให้ฝุ่นเกาะ แมลงสาบวิ่งผ่าน
อาร์เซน่อลเคยพลาดมาหลายครั้งในการบริหารจัดการสัญญาของนักเตะหลายคนไล่มาตั้งแต่ โรบิน ฟาน เฟอร์ซี่, อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, แจ็ค วิลเชียร์, อเล็กซิส ซานเชซ, เมซุต โอซิล, อาร่อน แรมซี่ย์ และ เมซุต โอซิล
บางคนต้องยอมปล่อยในราคาสุดถูก บางคนก็ต้องปล่อยฟรี บางคนก็ต้องเอาไปแลกกับนักเตะคนละเกรด และบางคนต่อสัญญาได้ก็ต้องทุ่มค่าเหนื่อยก้อนโตเกินจริง
นั่นคือสิ่งที่อาร์เซ่นอลทำผิดพลาดมาแล้ว และจะพลาดอีกหากใช้วิธีการอะไรก็แล้วแต่ในการบีบให้ เมซุต โอซิล ย้าย
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT