:::     :::

กำไรของช้างศึก

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
วันจันทร์ที่ 25 มีนาคมนี้ จะเป็นอีกวันที่ต้องจารึกลงในประวัตศาสตร์ฟุตบอลไทยกับการลงสนามพบกับทีมระดับโลกอย่าง "อุรุกวัย"

นี่ไม่ใช่สิ่งที่เรากำลังเพ้อฝัน แต่จะเกิดขึ้นจริงแน่นอนในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า

ทัพช้างศึกเหมือนถูกหวยอย่างที่ใครหลายคนบอกตั้งแต่แรกเพราะอยู่ดีๆ เราก็ได้รับเชิญให้ร่วมแข่งขัน "ไชน่า คัพ" ที่ทุกทีมล้วนแต่มีฟีฟ่าแรงกิ้งเหนือกว่าเราทั้งนั้น

อุรุกวัย : อันดับ 7 

จีน : อันดับ 72

อุซเบกิสถาน : อันดับ 89 

และไทย : อันดับ 115

ถ้าให้เราเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันเองคงเป็นเรื่องยากถึงยากมาก เช่นเดียวกับหมดเงินหมดทองอีกไม่น้อยกับการได้ที่จะได้ทีมระดับท็อปของโลก 1 ทีม และระดับท็อปเอเชียอีก 2 ทีมมาเตะพร้อมกัน

แต่จีนก็เชิญเราไปเตะพร้อมวางสายให้เจอกันในรอบตัดเชือก 

ว่ากันตามตรง เจ้าภาพจีนก็หวังจะอัดเราเพื่อเข้าสู่รอบชิงฯ และคาดหมายเอาไว้ว่าจะได้เจออุรุกวัยที่คงต้องผ่านอุซเบฯ ได้ไม่ยาก

แต่แผนที่วางเอาไว้ "สำเร็จ" ครึ่งเดียว 

จอมโหดตบอุซเบกิสถานนิ่ม 3-0 ได้เข้าชิงอีกปี หลังปีก่อนก็มาเล่นรายการนี้และคว้าแชมป์ไปได้ (ชนะ สาธารณรัฐเช็ก 2-0 ในรอบตัดเชือก และชนะเวลส์ 1-0 ในรอบชิงชนะเลิศ) 

แต่เจ้าภาพจีนดันพลาดท่าพ่ายต่อทัพช้างศึกของเรา 0-1 ต้องไปชิงอันดับ 3 กับอุซเบกิสถาน ทำให้อดเจออุรุกวัยแบบเซ็งๆ อีกครั้งทั้งที่เชิญมาเตะในบ้านได้ถึง 2 ปีติด

อีกมุมหนึ่งกลับเป็นทีมชาติไทยที่ได้เฮแล้วเฮอีก เรียกว่าเฮถึง 3 เด้งก็คงไม่ผิด

เฮครั้งแรกก็คือการได้มาเล่นรายการนี้ที่มีคะแนนฟีฟ่าให้ได้เก็บเกี่ยว และได้เจอทีมที่แกร่งกว่าทั้งหมดไม่ว่าจะเจอใคร

เฮครั้งที่ 2 ก็มาจากผลงานในสนามอันสุดยอดที่พลิกเอาชนะจีนได้ 1-0 และเป็นการบุกมาชนะที่แผ่นดินใหญ่อีกครั้ง ทำเอากองเชียร์เจ้าถิ่นต้องตาตั้งไปตามๆ กัน

และเฮครั้งที่ 3 คือการได้เจอเจอทีมท็อปเทนของโลกอย่างอุรุกวัย 

ย้ำอีกครั้งว่า ไทยกำลังจะได้เจอกับ "อุรุกวัย" 

นี่วันประวัติศาสตร์ของทีมชาติไทยอย่างที่เกริ่นเอาไว้ในย่อหน้าแรกจริงๆ เพราะโอกาสแบบนี้เป็นไปได้ยากมาก

ครั้งล่าสุดที่ไทยเราได้เจอกับทีมระดับบิ๊กแบบนี้ก็ต้องย้อนไปเกือบ 2 ทศวรรษก่อนที่รับมือทีมชาติบราซิลในศึกคิงส์ คัพ เมื่อปี 2543 หลายครั้งยังตราตรึงกับลีลาซ้ายพิฆาตของ ริวัลโด้ ไม่เคยลืมเลือน

โรนัลดินโญ่ อีกหนึ่งแข้งบัลลงดอร์ก็อยู่ในทีมชุดนั้น เช่นเดียวกับ คาฟู, โรแบร์โต้ คาร์ลอส, เซ โรแบร์โต้, โรเก้ จูเนียร์, จูนินโญ่ แปร์นัมบูกาโน่ ฯลฯ 

ทัพแซมบ้าโชว์ฟอร์มสมราคมถล่มช้างศึกไป 7-0 แต่เป็นวันที่เราไม่ได้รู้สึกในทางลบใดๆ ที่ทีมชาติพ่ายเละเทะขนาดนั้น เพราะการได้เห็นยอดทีมระดับโลกเดินทางมาโชว์เพลงแข้งให้เห็นถึงหน้าบ้านคือความทรงจำที่สุดยอดจริงๆ


ทัพช้างศึกกำลังได้เจอบททดสอบระดับโลก

มันกำลังเกิดขึ้นอีกครั้งในวันจันทร์นี้ แม้ไม่ใช่ในบ้านเราเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าทำให้คุณค่าและสิ่งที่เราจะได้รับน้อยลงแต่อย่างใด

อุรุกวัย คือทีมที่เราเรียกได้เต็มปากว่า "ระดับโลก" และเคยเป็นแชมป์โลกมาแล้วถึง 2 สมัย

ฮอลแลนด์ที่ว่าเก่งกาจโดยเฉพาะยุคโททอลฟุตบอล หรือผลผลิตจากอาแจ็กซ์ชุดแชมป์ยุโรปปี 95 ก็ยังไม่เคยสัมผัสตำแหน่งเกียรติยศสูงสุดนี้ 

ขวัญใจมหาชนอย่างอังกฤษก็เคยสมหวังกับโทรฟี่ในฝันเพียงครั้งเดียว แถมเป็นครั้งเดียวที่มีตำหนิเล็กๆ ในปี 1966 ที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพ

แต่อุรุกวัยเป็นแชมป์โลกมาแล้วถึง 2 สมัยในยุคแรกของฟุตบอลโลกที่พวกเขาได้รับการยอมรับว่าคือ "เบอร์หนึ่ง" ตัวจริงเสียงจริง

อุรุกวัย คือขาประจำอีกทีมของฟุตบอลโลกก็ว่าได้เพราะร่วมการแข่งขันรอบสุดท้ายมาแล้วถึง 13 สมัย ครั้งล่าสุดที่รัสเซียไปเจอตออย่างฝรั่งเศสเสียก่อน ไม่งั้นอาจได้ไปไกลกว่ารอบ 8 ทีมสุดท้าย

อีกหนึ่งดีกรีที่ยืนยันความเป็นยอดทีมของอุรุกวัยคือ แชมป์อเมริกาใต้ 15 สมัย มากกว่าทุกชาติในทวีป ขนาด 2 ยักษ์ใหญ่อย่างอาร์เจนตินา (14 สมัย) และ บราซิล (8 สมัย) ยังเป็นรอง 

ทีมชุดนี้อาจขาด เอดินสัน คาวานี่ และ หลุยส์ ซัวเรซ ที่บาดเจ็บจากการเล่นให้ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และบาร์เซโลน่าตามลำดับ แต่ขุนพลที่เหลือล้วนไม่ธรรมดา

คริสเตียน สตูอานี่ ที่ยิง 2 ประตูในเกมกับอุซเบฯ ก็เก๋าเหลือร้ายและกลับมาแจ้งเกิดอีกรอบกับคิโรน่า  

คู่เซนเตอร์อย่าง ดีเอโก้ โกดีน กับ โฮเซ่ คิเมเนซ ก็ลงตัวในเรื่องความเก๋าและความสด แถมยังเล่นด้วยกันที่แอต.มาดริดที่ศาสตร์ในการเล่นเกมรับไม่น้อยหน้าทีมใดในโลก

ตรงกลางยังมี ลูคัส ตอร์เรร่า จากอาร์เซน่อล และ โรดรีโก้ เบนตานกูร์ จากยูเวนตุส รวมถึง มาติอัส เวซิโน่ จากอินเตอร์ มิลาน 

เป็นอุรุกวัยที่ชุดใหญ่จริงๆ ขาดก็เพียง 2 หัวหอกตัวเก่งที่บาดเจ็บ ตัวหลักต่างค้าแข้งใน 5 ลีกใหญ่ของยุโรปไม่ว่าจะเป็นลา ลีกา, กัลโช่ เซเรีย อา, พรีเมียร์ลีก, บุนเดสลีกา และลีก เอิง 

ที่ไล่เรียงมาทั้งหมดคือทีมที่จะได้ดวลฝีเท้ากับไทยเราในวันจันทร์นี้ซึ่งไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ทัพช้างศึกมีแต่ได้กับได้ 

ว่าไปแล้ว "โค้ชโต่ย" ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย ที่มี "โค้ชโชค" โชคทวี พรหมรัตน์ เป็นคู่คิดข้างกาย ก็มีวาสนาไม่น้อยกับการคุมช้างศึกในห้วงเวลานี้ 

ตอนเริ่มต้นเหมือนถูกผลักให้ต้องรับ "เผือกร้อน" แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้าในเอเชียน คัพ ที่ไทยเปิดหัวน่าผิดหวังพ่ายต่ออินเดีย 1-4 จนนำมาซึ่งการปลด มิโลวาน ราเยวัช ออกจากตำแหน่ง

ทั้งคู่พาทีมฮึดเข้ารอบได้ด้วยผลงานน่าประทับใจทั้งเอาชนะบาห์เรน 1-0 และยันเสมอเจ้าภาพยูเออี 1-1 ต่อด้วยสู้กับจีนอย่างสนุกและนำก่อนด้วย หากแต่แผ่วช่วงท้ายจนทำให้จอดป้ายที่รอบ 16 ทีมสุดท้าย


โค้ชโต่ยมีช่วงเวลา 3 เดือนในนามกุนซือทีมชาติที่ยิ่งกว่าฝัน

วันที่เจอกับจีน โค้ชโลว์ไปร์ไฟล์อย่างโค้ชโต่ยได้ยืนทาบรัศมีโค้ชที่เคยพาเป็นแชมป์โลกมาแล้วอย่าง มาร์เชลโล่ ลิปปี้ อย่างองอาจและน่าภูมิใจสุดๆ 

ก่อนหน้านั้นในวันตัดสินเข้ารอบน็อกเอาต์กับยูเออีก็ต้องวัดกับ อัลแบร์โต้ ซัคเคโรนี่ อีกหนึ่งกุนซือจอมเก๋าชาวอิตาเลียน

มาเจอจีนอีกครั้งก็เป็น ฟาบิโอ คันนาวาโร่ กัปตันทีมชุดแชมป์โลกหนล่าสุดของอิตาลีที่มีลิปปี้เป็นกุนซือ รับหน้าที่คุมทีมก่อนเจอทีเด็ดโค้ชโต่ยเข้าให้

ในวันจันทร์นี้ก็จะได้โอกาสเผชิญหน้ากับ ออสการ์ ตาบาเรซ ขรัวเฒ่าของวงการฟุตบอลอุรุกวัยและของโลกที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาโชกโชนบนวัย 72 ปีในปัจจุบัน 

ช่วงเวลาแค่ 3 เดือน "ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย" ที่แฟนบอลไทยแทบไม่รู้จักหากย้อนไป 3-4 ปีก่อน ได้วัดฝีมือกับทั้ง มาร์เชลโล่ ลิปปี้, อัลแบร์โต้ ซัคเคโรนี่, ฟาบิโอ คันนาวาโร่ และ ออสการ์ ตาบาเรซ 

นี่คือกำไรของชีวิตที่ไม่นึกไม่ฝันจริงๆ ทั้งตัวของโค้ชโต่ย, โค้ชโชค และแน่นอนว่าแข้งข้างศึกทุกคน

มันจะเกิดอีกครั้งในวันจันทร์นี้ อดตื่นเต้นแทนทุกคนที่เกี่ยวข้องไม่ได้จริงๆ 


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด