:::     :::

อันดับ 3 แล้วนะ

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
โอกาสติดท็อปโฟร์ของอาร์เซน่อลใกล้เคียงมากขึ้นหลังเปิดบ้านชนะนิวคาสเซิ่ล 2-0 ในเกมพรีเมียร์ลีกนัดมันเดย์ไนท์

แม้การแข่งขันจะเหลืออีก 7 นัด แต่สถานการณ์ของทีมปืนใหญ่นับว่าดูดีไม่น้อยหลงแซงหน้าสเปอร์สและแมนฯ ยูไนเต็ดขึ้นมาอยู่อันดับ 3 ของตารางได้สำเร็จ (ก่อนผีแดงลงสนามเจอวูล์ฟส์ในวันอังคาร)

อาร์เซน่อลอาจต้องลุ้นจนถึงท้ายเกมกว่าจะได้ประตูปิดกล่อง 2-0 แต่ก็เป็นเกมที่เหนือกว่านิวคาสเซิ่ลค่อนข้างชัดเจน 

สัดส่วนการครองบอลอยู่ที่ 71 เปอร์เซ็นต์ หรือเกือบ 3 ต่อ 1 เรียกได้ว่าเป็นฝ่ายคอนโทรลทุกอย่างเอาไว้ได้ตั้งแต่ต้นจนจบ

สิ่งที่ทำให้ อูไน เอเมรี่ พอใจมากที่สุดในชัยชนะนัดนี้ก็คือ การเล่นด้วยฟอร์มที่คงเส้นคงวาตลอด 90 นาทีซึ่งไม่ใช่เรื่อง่าย

ในครึ่งฤดูกาลแรก อาร์เซน่อลมักเริ่มต้นไม่ดี แทบไม่เคยนำคู่แข่งได้เลยใน 45 นาทีแรก ทว่าแก้เกมกลับมาได้ใน 45 นาทีแรก

พอเข้าสู่ปี 2019 ความสม่ำเสมอลดน้อยถอยลงไป บางนัดเล่นดีครึ่งแรก บางนัดฮึดเอาในครึ่งหลัง สลับกันไปมาไร้ความแน่นอน ปัจจัยสำคัญที่มีผลอย่างมากคือตัวหลักสลับสับเปลี่ยนกันบาดเจ็บ

แต่ชัยชนะนัดล่าสุดต่างออกไป 

นี่เป็นการลงเล่นนัดแรกในรอบ 2 สัปดาห์กว่า หรือนับตั้งแต่เอาชนะแรนส์ในยูโรปา ลีก เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 มีนาคม

ถือว่าว่างเว้นไปนานพอสมควร และช่วงที่เบรกทีมชาติ เอเมรี่ก็พาทีมไปทัวร์ดูไบ, ยูเออี พร้อมลงเล่นนัดพิเศษกับ อัล นาสเซอร์ ที่เป็นการฉลองสนามใหม่ให้กับเจ้าถิ่น


แรมซี่ (ที่ 2 จากซ้าย) ทำประตูเปิดหัว

กลับมาลงสนามเกมจริงจังอีกครั้ง ตัวผู้เล่นหลักขาดหายไปพอสมควร 

โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ กับ กรานิต ชาคา มีอาการบาดเจ็บ ไม่มีชื่อแม้กระทั่งสำรอง ขณะที่ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ก็เพิ่งฟื้นไข้ ทำให้ต้องเริ่มต้นที่ข้างสนาม ส่วน ลูกัส ตอร์เรยร่า ยังติดโทษแบนเป็นนัดที่ 2 จาก 3 นัด

ยังดีที่ อารอน แรมซี่ย์ หายเจ็บทันเวลาแม้ช่วงฟีฟ่าเดย์ที่ผ่านมาจะพลาดช่วยทีมชาติเวลส์ทั้ง 2 นัด

ตรงกลางที่ไม่มีทั้ง ชาคา และ ตอร์เรยร่า จึงเป็นแรมซี่ย์ขยับลงไปเล่นคู่กับ มัตเตโอ เก็นดูซี่

ในยุคของเอเมรี่ฤดูกาลนี้ แรมซี่ย์ไม่ค่อยได้เล่นตัวกลางมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นตัวรุก แต่ในยุค อาร์แซน เวนเกอร์ ดาวเตะชาวเวลส์ได้เล่นบ่อยอยู่แล้ว

ดังนั้นจึงไม่ใช่ปัญหาในการเล่นตำแหน่งนี้ และอันที่จริงแล้วเป็นตำแหน่งที่เจ้าตัวเล่นได้ดีด้วยเพราะมีความขยันในแบบบ็อกซ์ ทู บ็อกซ์ สามารถขึ้นลงช่วยทีมทั้งเกมรุกและรับ

ส่วนในแนวรุก เอเมรี่เลือกใช้ เมซุต โอซิล กับ อเล็กซ์ อิโวบี้ ในการทำเกมสนับสนุน อเล็กซองด์ ลากาแซตต์

โอซิล กับ ลากาแซตต์ เล่นได้ค่อนข้างเด่นในเกมกับ อัล นาสเซอร์ จึงได้โอกาสประสานงานกันต่อเนื่อง โดยในรายของโอซิล เป็นการลงตัวจริงเกมลีกนัดแรกของปี 2019 อีกด้วย


ลากาแซ็ตต์ กระดกตุงตาข่ายปิดท้าย 2-0

ส่วนหนึ่งที่ทำให้อาร์เซน่อลครองบอลได้ตลอดก็เพราะนิวคาสเซิ่ลของ ราฟา เบนิเตซ ตั้งใจมารับแน่นและไม่ได้เพรสซิ่งในแดนอาร์เซน่อลเลย

สาลิกาเลือกไล่บีบในแดนตัวเอง หากตัดได้ก็ค่อยๆ พาบอลขึ้นมา ไม่ได้เร่งรีบ จังหวะ 50-50 ไม่มีลังเลในการหวดทิ้งให้พ้นอันตราย

การเล่นแบบนี้ทำให้อาร์เซน่อลต้องต่อบอลกันอย่างอดทน เคาะหาช่องซ้าย-ขวาวนไป รอแค่ผู้มาเยือนผิดพลาดและเปิดพื้นที่ให้โจมตี

โอซิลลงมาล้วงบอลต่ำบ่อยครั้งเพื่อดึงผู้เล่นนิวคาสเซิ่ลให้ขยับออกจากหน้าเขตโทษ 

โอกาสแรกที่ได้ลุ้นยิงจากแรมซี่ย์ สามารถส่งบอลตุงตาข่ายทันที ทว่ามีการฟาวล์เกิดขึ้นเสียก่อน ทว่าอีกไม่นาน แรมซี่ย์ก็มาปลดล็อกทำประตูให้ทีมนำจนได้

รูปแบบการเข้าทำประตูแรกของอาร์เซน่อลคือวิธีที่ถูกต้องในการเจาะแนวรับที่ยืนกันแน่นของนิวคาสเซิ่ล  

มัตเตโอ เก็นดูซี่ แทงบอลแรงให้แรมซี่ย์ที่ชิ่งข้างเท้าจังหวะเดียวไปถึงลากาแซตต์ที่แตะบอลต่อเข้าเขตโทษ 

กองหลังสาลิกาเซตเกมรับกันไม่ทันและต้องเคลียร์สะเปะสะปะทำให้เข้าทางแรมซี่ย์ ที่ตามหวดซ้ำด้วยซ้ายได้ทั้งน้ำหนักและทิศทางที่ส่งบอลเช็ดเสาไกลเข้าไป 

ทัพสาลิกาไม่มี ฟาเบียน แชร์ กองหลังคนสำคัญที่ติดโทษแบนถือว่าส่งผลไม่น้อยเพราะเป็นผู้เล่นแนวรับที่ผลงานดีสุดของทีมในฤดูกาลนี้ก็ว่าได้

พอได้ประตูแรก อาร์เซน่อลจึงเล่นได้ผ่อนคลายมากขึ้น แม้ประตูที่ 2 ต้องรอนานหน่อยแต่ก็ไม่ได้มีจังหวะน่าหวาดเสียวที่อาจโดนนิวคาสเซิ่ลตีเสมอ

ตลอดทั้งเกม นิวคาสเซิ่ลส่งบอลเข้ากรอบได้เพียงครั้งเดียว จากโอกาสสับไกทั้งหมด 3 ครั้ง 

ปืนใหญ่จึงปิดเกมด้วยสกอร์ 2-0 ซึ่งเป็นชัยชนะที่สำคัญและมาถูกที่ถูกเวลาอย่างมาก


อูไน เอเมรี่ สะใจสุดขีด

ก่อนหน้านี้ อาร์เซน่อลเคยตามหลังสเปอร์สเกือบสิบคะแนน แต่พออริร่วมเมืองสะดุดแพ้ถึง 4 และเสมอ 1 จาก 5 นัดหลัง โมเมนตัมของทั้งสองทีมจึงพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ

อาร์เซน่อลเคยแซงสเปอร์สครั้งล่าสุดก็คือเกมที่ปืนใหญ่เปิดบ้านชนะ 4-2 เมื่อต้นเดือนธันวาคมปีที่แล้ว หรือ 4 เดือนก่อน

แต่การแซงครั้งล่าสุดนี้ทำให้ขึ้นถึงอันดับ 3 ซึ่งเป็นอันดับสูงสุดนับตั้งแต่เปิดฤดูกาลเป็นต้นมา

นอกจากนี้ยังเป็นการชนะเกมลีกในบ้าน 10 นัดติดต่อกันซึ่งครั้งล่าสุดที่ทำได้ต้องย้อนไปเมื่อ 21 ฤดูกาลที่แล้วหรือในฤดูกาล 1997/98 ที่ได้ดับเบิ้ลแชมป์ในยุคของ อาร์แซน เวนเกอร์

เกมในบ้านจะเป็นจุดแข็งของอาร์เซน่อลที่ทำให้ได้ลุ้นไปถึงเป้าหมายแชมเปี้ยนส์ ลีก ที่วางเอาไว้ 

สิ่งที่ เอเมรี่ ต้องเน้นและทำให้ดีขึ้นต่อจากนี้ก็คือการเล่นนอกบ้านเพราะโปรแกรมในลีก 7 นัดที่เหลือเป็นเกมเยือนถึง 5 นัดอันประกอบด้วย เอฟเวอร์ตัน, วัตฟอร์ด, วูล์ฟแฮมป์ตัน, เลสเตอร์ ซิตี้ และเบิร์นลี่ย์

ไม่ใช่เกมที่ง่ายแน่นอนแต่ก็เป็นเกมที่อาร์เซน่อลสามารถเอาชนะได้ทั้งหมด

จาก 63 คะแนนที่มีในตอนนี้ซึ่งเป็นคะแนนที่เท่ากับฤดูกาลก่อนทั้งฤดูกาล โอกาสอยู่ในมืออาร์เซน่อลแล้วกับการลุ้นติดท็อปโฟร์

ขอเพียงไม่พลาดแบบน่าเกลียดเป็นพอ



คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด