รอดจากรังแตน
อูไน เอเมรี่ เปลี่ยนทีมหลายตำแหน่งจากเกมกับนาโปลีโดย แบร์นด์ เลโน่, ชโคดราน มุสตาฟี่, เฮนริค มคิทาร์ยาน, อเล็กซ์ อิโวบี้, กรานิต ชาคา และ คอนสแตนตินอส มาฟโรปานอส ได้ลงตัวจริง
นอกจากนี้ยังปรับแท็กติกกลับมาเล่น "แบ็กโฟร์" หลังเล่นระบบหลัง 3 มาหลายนัดติด
อาร์เซน่อลเริ่มต้นได้ดีมากเมื่อมีจังหวะเป็นใจให้ถึง 2 ครั้งซ้อนที่เกิดขึ้นจากความผิดพลาดของวัตฟอร์ดทั้งหมด
จังหวะแรกเริ่มจาก เบน ฟอสเตอร์ เคลียร์บอลที่เพื่อนส่งคืนหลังช้าเกินไปจนโดนโอบาเมย็องพรวดเข้าปั๊มได้ทันและเด้งเข้าประตูตัวเองทันที
อีกนาทีเศษ สถานการณ์ของเจ้าถิ่นเสียหายไปกันใหญ่เมื่อ ทรอย ดีนี่ย์ จงใจเล่นนอกเกมใส่ ลูกัส ตอร์เรยร่า กลายเป็นใบแดงแบบไม่ต้องมีเหลืองนำ
จังหวะนี้ของหัวหอกเจ้าถิ่นไร้ข้อโต้แย้งเพราะแม้ตอร์เรยร่าไม่ได้เจ็บหนัก แต่ก็เป็นจังหวะที่ไม่ควรเล่น ไม่มีความจำเป็นแม้แต่นิด ทีมเพิ่งเสียประตูแบบไม่น่าเสียยิ่งต้องคอนโทรลตัวเองเอาไว้เพื่อช่วยทีมกลับมาให้ได้
ด้วยสถานการณ์เข้าทางแบบนี้ อาร์เซน่อลควรเช็กบิลยิงเพิ่มประตูที่ 2 และ 3 ได้ไม่ยาก ทว่ากลับไม่สามารถคอนโทรลเกมเอาไว้ได
วัตฟอร์ดยังคงเล่นราวกับว่าไม่ได้เสียเปรียบตัวผู้เล่น ขณะที่การเล่นนอกบ้านของอาร์เซน่อลก็ยังเป็นปัญหา
ปืนใหญ่ชนะนอกบ้านได้เพียง 2 นัดจากทุกรายการในปี 2019 ซึ่งเกิดขึ้นในเกมเจอทีมบ๊วยอย่าง ฮัดเดอร์สฟิลด์ และ เอฟเอ คัพ กับทีมลีก วัน อย่าง แบล็คพูล
นัดนี้พวกเขาไม่สามารถฉกฉวยความได้เปรียบที่เหวี่ยงเข้าทางตอนแรกได้เลย และหวิดจะโดนวัตฟอร์ดตีเสมอหลายต่อหลายครั้ง
อาร์เซน่อลอาจมีตัวเลขได้โอกาสยิงมากกว่าที่ 19 ต่อ 11 ครั้ง แต่จังหวะจะแจ้งชัดเจนอยู่ที่เจ้าถิ่นมากกว่า
ฟอสเตอร์ เสียท่า โอบาเมย็อง
นอกจาก แบร์นด์ เลโน่ ที่เซฟช่วยทีมเยือนเอาไว้แล้วก็ยังมีเสาและสามเหลี่ยมที่ช่วยเอาไว้อีกแรง
เอเมรี่รีบปรับเกมในการออกสตาร์ตครึ่งหลังที่ถอด ลูกัส ตอร์เรยร่า ออกแล้วส่ง เมซุต โอซิล ลงเล่นแทน
จากเหตุการณ์ ดีนี่ย์ โดนไล่ออก ตอร์เรยร่า เลยกลายเป็นเป้าโจมตีของแฟนบอลเจ้าถิ่น สถานการณ์มันล่อแหลมและไม่ปลอดภัย กองกลางทีมชาติอุรุกวัยเองก็มีอาการเจ็บรบกวนมาตั้งแต่เกมกับ นาโปลี ดังนั้นจึงควรได้ออกไปพักก่อน
แรมซี่ย์ จึงขยับลงมาเล่นคู่กลางร่วมกับ ชาคา เพื่อเปิดทางให้ โอซิล ลงปั้นเกมอยู่ข้างหลังโอบาเมย็อง ขณะที่ มคิทาร์ยาน กับ อิโวบี้ ขนาบข้างเช่นเดิม
ทีมเยือนยังไม่สามารถคอนโทรลเกมเอาไว้ได้ วัตฟอร์ดพาบอลลุยเข้าใส่อย่างดุดัน ทำให้เอเมรี่ต้องปรับแท็กติกอีกรอบด้วยการเล่นหลัง 3 เมื่อถอดมาฟโรปานอสออกแล้วส่ง มัตเตโอ เก็นดูซี่ ลงแทน
ระบบอาร์เซน่อลยิ่งรวนไปกันใหญ่เพราะผู้เล่นสับสนและปรับตัวตามไม่ทัน พื้นที่ว่างระหว่าง 3 เซนเตอร์ที่ประกอบด้วย มอนเรอัล, กอสซิแอลนี่ และ มุสตาฟี่ กับ 2 วิงแบ็กจำเป็นอย่าง อิโวบี้ และ มคิทาร์ยาน เปิดโล่งถูกโจมตี
อดัม มาซีน่า แบ็กซ้ายวัตฟอร์ดได้เติมขึ้นมาโล่งๆ ก่อนกดเต็มข้อส่งบอลจูบสามเหลี่ยมอย่างจังก็ช่วงนี้
เอเมรี่เล่นหลัง 3 ได้ไม่ถึงสิบนาทีก็ต้องปรับไปเล่นแบ็กโฟร์อีกรอบด้วยการส่ง เอนสลี่ย์ เมทแลนด์-ไนล์ส ลงสนาม และถอด แรมซี่ย์ ที่เล่นไม่ดีนักออกไป
ดีนี่ย์ เล่นงาน ตอร์เรยร่า จนโดนไล่ออก
รูปเกมอาร์เซน่อลดูโอเคขึ้น แต่ก็ต่อบอลขึ้นเกมกันช้าทำให้ไม่สามารถกดดันเจ้าถิ่นอย่างที่ควรจะเป็น ตรงกันข้าม วัตฟอร์ดก็ยังมีจังหวะแลกหมัดได้อันตรายเช่นเดิม
อันเดร เกรย์ มีโอกาสทองในช่วงท้ายที่เกี่ยวหนีเลโน่ได้แล้ว ทว่าก็ยังมี เมทแลนด์-ไนล์ส วิ่งมาบล็อกได้หวุดหวิด
แม้ตัวผู้เล่นมากกว่าตั้งแต่ 11 นาทีแรก แต่อาร์เซน่อลก็ยังลุ้นจนถึงวินาทีสุดท้ายด้วยความที่บวกเพิ่มประตู 2 ไม่ได้
เสียงนกหวีดยาวจากผู้ตัดสิน เคร็ก พาวสัน จึงดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงถอนหายใจของ เดอะ กูนเนอร์ส ทั้งหลายที่ตามไปเชียร์ถึงขอบสนามรวมถึงเฝ้าหน้าจอทีวี
เป็นอีกเกมเยือนที่อาร์เซน่อลเล่นไม่ดี ทว่าสิ่งที่ต่างออกไปคือการได้ 3 คะแนนสุด และยังเป็นการเป็นเก็บคลีนชีตนอกบ้านเป็นครั้งแรกในฤดูกาลนี้ด้วย
นอกจากชัยชนะตามเป้าแล้ว อีกข้อดีที่เอเมรี่พอใจคือตัวหลักหลายคนไม่ได้เหนื่อยมากนัก
อาร์เซน่อลต้องเยือนทั้ง วัตฟอร์ด และ นาโปลี นัดสอง ในช่วงเวลาห่างกันเพียง 72 ชั่วโมง การโรเตชั่นเป็นสิ่งจำเป็น
โซคราติส ปาปาสตาโธปูลอส, อเล็กซองด์ ลากาแซตต์ และ เซอัด โคลาซินัช ไม่ได้เล่นเลยโดยรายแรกติดโทษแบนอยู่แล้วจากใบเหลืองสะสม ขณะที่ โอซิล, แรมซี่ย์ และ ตอร์เรยร่า ไม่มีใครได้เล่นครบ 90 นาที
เอเมรี่สามารถใช้งานผู้เล่นตัวจริงในนัดแรกที่ชนะ 2-0 แถมยังได้ กรานิต ชาคา กลับมาเสริมตรงกลาง
สามเหลี่ยมประตูช่วยปืนใหญ่ไว้ในจังหวะนี้
ชัยชนะ ที่รังแตนทำให้อาร์เซน่อลขึ้นไปติดท็อปโฟร์อีกครั้ง ถ้าชนะใน 5 นัดสุดท้ายก็จะคว้าตั๋วไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แน่นอน
อย่างไรก็ตาม การเล่นนอกบ้านยังเป็นสิ่งที่วางใจไม่ได้เพราะต้องไปเยือนอีกถึง 3 นัด และไล่ให้เห็นภาพก็คือ เยือนทีมอันดับ 7 อย่าง เลสเตอร์ และอันดับ 8 อย่าง วูล์ฟแฮมป์ตัน อีกนัดคือเยือนเบิร์นลี่ย์ซึ่งกำลังดีวันดีคืนขึ้นไต่อันดับจากโซนหนีตายขึ้นมาอยู่ที่ 14 ได้แล้ว
โอกาสอยู่ในมือก็จริงแต่ไม่ง่ายแน่ และก่อนจะลุยภารกิจ 5 นัดสุดท้ายในลีก สิ่งสำคัญที่รออยู่ตรงหน้าคือเกมเยือนนาโปลีในวันพฤหัสบดีนี้
ผ่านเกมชี้ชะตาการเข้ารอบตัดเชือกยูโรปา ลีก ได้ ก็คงได้เห็นชัดขึ้นว่าเส้นทางสู่เวทียูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลนี้มีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT