:::     :::

ปืนใหญ่เอาไงดี

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ความผิดหวังที่บากูในรอบชิงชนะเลิศยูโรปา ลีก ทำให้ฤดูกาลหน้าของอาร์เซน่อลไม่ได้สว่างไสวอย่างที่คาดคิด มันอาจไม่ถึงกับมืดสนิทไร้แสงไฟ แต่ก็มองหนทางข้างหน้าได้ไม่ชัดเจนเพราะขมุกขมัวเหลือเกิน

ฤดูกาลหน้าจะเป็นฤดูกาลที่ 3 ติดต่อกันที่ไม่ได้เล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาพลาดโอกาสทั้งทางตรงกับการติดท็อปโฟร์ และทางอ้อมในฐานะแชมป์ยูโรปา ลีก

การพลาดตั๋วลุยถ้วยใหญ่ยุโรปนับเป็นความล้มเหลวอีกครั้งของสโมสรเพราะเป็นเป้าหมายที่วางกันเอาไว้ก่อนเปิดฤดูกาล 

"ท็อปโฟร์" ไม่ใช่เป้าหมายที่ใหญ่เกินไป อยู่ในความเป็นไปได้ที่เหมาะสม และตลอดฤดูกาลจนกระทั่งก่อนเข้าสู่ 2 เดือนสุดท้าย อาร์เซน่อลก็มีโอกาสดีมากในการจบ 4 อันดับแรกของตาราง

แต่สุดท้ายก็พลาดไป และเป็นการพลาดเองเสียด้วย

อูไน เอเมรี่ ควรต้องพาทีมได้โควตาแชมเปี้ยนส์ ลีกตั้งแต่ในลีกแล้วเพราะโปรแกรม 8 นัดสุดท้ายไม่ได้เจอทีมกลุ่มนำด้วยกันเลย

นัดที่พวกเขาทิ้งโอกาสไปเองคือเกมในบ้านกับคริสตัล พาเลซ ที่ประมาทคู่แข่งและคิดว่า "เอาอยู่" จึงพักตัวหลักค่อนทีมด้วยการเปลี่ยนตัว 7 ตำแหน่งหลังผ่านเกมยุโรปกับนาโปลี

แล้วก็อย่างที่เห็นกัน อาร์เซน่อลพลาดท่าถึงขั้นแพ้คาบ้านอย่างสุดช็อกทั้งที่ก่อนหน้านั้นชนะในบ้านมา 10 นัดติดและไม่แพ้ใครเลยนับตั้งแต่ที่พ่ายต่อแมนฯ ซิตี้ในนัดเปิดฤดูกาล

ความพ่ายแพ้ต่อลูกน้องของ รอย ฮ็อดจ์สัน กระตุกความมั่นใจของผู้เล่นอาร์เซน่อลร่วงลงดำดิ่ง พวกเขาแพ้อีก 2 นัดในการไปเยือนวูล์ฟแฮมป์ตันและเลสเตอร์ 

ใน 3 นัดที่ปราชัยก็เสียนัดละ 3 ประตูอีกต่างหาก เรียกได้ว่าไม่เหลือสภาพทีมแถวหน้าของลีกแม้แต่นิด

โอกาสเรียกความมั่นใจในนัดรองสุดท้ายกับการเล่นในบ้านพบไบรท์ตันก็ทำตัวเองอีกครั้งเมื่อได้เพียงเสมอ และทำให้ชัยชนะส่งท้ายที่บ้านเบิร์นลี่ย์ไม่มีความหมายอะไรอีกนอกจาก ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง ได้เป็นดาวซัลโวร่วมหลังกดเพิ่มอีก 2 ประตู

นั่นคือโอกาสในลีกที่หลุดมือครั้งแล้วครั้งเล่าทั้งที่คู่แข่งอย่างสเปอร์ส, เชลซี และแมนฯ ยูไนเต็ดก็พลาดเยอะไม่แพ้กัน 

เหลือโอกาสสุดท้ายในยูโรปา ลีก ก็ทำไม่ได้อีก อาร์เซน่อลหลุดดื้อๆ ในครึ่งหลัง แต่ละประตูที่เสียไม่ใช่การเข้าทำที่เหนือชั้นอะไรเลยของเชลซี แต่เป็นเกมรับที่อ่อนปลวกเปียกของอาร์เซน่อลต่างหาก

มันเกิดขึ้นอีกครั้งเหมือนหลายนัดในฤดูกาลนี้เช่นเดียวกับการเสียถึง 9 ประตูให้เกมเจอพาเลซ, วูล์ฟส์ และเลสเตอร์ 

สิ่งที่เห็นในรอบชิงชนะเลิศตอกย้ำเราอีกครั้งว่า อาร์เซน่อลยังไม่คู่ควรกับการกลับไปเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เพราะขาดในหลายสิ่งหลายอย่าง

การต้องเล่นในยูโรปา ลีก อีกปีส่งผลเสียหายต่ออาร์เซน่อลอย่างมาก

ตามข่าวที่มีออกมาคือ งบประมาณในการเสริมทัพจะมีเพียง 40 ล้านปอนด์ หาก อูไน เอเมรี่ อยากได้มากกว่าก็ต้องขายนักเตะออกไปเพื่อระดมทุนเพิ่ม

กวาดสายตามองทั้งทีมก็ได้แต่ทำใจ มันไม่มีใครเลยที่พอขายออกไปแล้วทำเงินได้ ผลงานในฤดูกาลล่าสุดไม่ได้ช่วยให้อาร์เซน่อลเรียกค่าตัวจากนกัเตะในทีมได้เลย ทีมที่อยากซื้อสามารถกดราคาได้อย่างที่ต้องการด้วยซ้ำ 

อาร่อน แรมซี่ย์ ที่หากอยู่ในสถานการณ์ปกติก็ต้องมีราคาไม่ต่ำกว่า 40-50 ล้านปอนด์ แต่อาร์เซน่อลยอมเสียฟรีเพราะไม่อยากจ่ายค่าจ้างก้อนโตตามที่แรมซี่ย์เรียกร้อง

คนอื่นที่อยู่ในข่ายขายได้อย่าง ชโคดราน มุสตาฟี่, โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ ฯลฯ จะได้ค่าตัวสักเท่าไหร่กันเชียว ยังไม่นับที่หมดสัญญาเตรียมย้ายฟรีอีกหลายคนทั้ง แดนนี่ เวลเบ็ค, คาร์ล เจนกินสัน รวมไปถึง ปีเตอร์ เช็ก ที่แขวนถุงมือ


งบประมาณที่จำกัด เช่นเดียวกับเพดานค่าจ้างที่คงเทียบกับแมนฯ ซิตี้ หรือแมนฯ ยูไนเต็ดไม่ได้ ทำให้เอเมรี่พบความยากลำบากอย่างยิ่งในการเสริมทัพ

เป็นไปได้ไม่ได้เลยที่เขาจะสามารถคว้านักเตะ "เกรดเอ" มาร่วมทีม เอาแค่เกรดบียังลำบาก มีโอกาสมากถึงมากที่สุดที่ต้องไปควานหานักเตะหมดสัญญาจากสโมสรอื่นหรือไม่ก็พวกดาวรุ่งโนเนมจากลีกรองที่ไม่มีใครแย่ง

หลายฤดูกาลที่ผ่านมา แฟนบอลปืนใหญ่ออกมาเรียกร้องสโมสรทุ่มเงินให้ผู้จัดการทีมมากกว่า แต่สุดท้ายก็เหมือนเดิม เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ยุคของอาร์แซน เวนเกอร์ จนมาถึง อูไน เอเมรี่

ปัญหาของอาร์เซน่อลไม่มีอะไรซับซ้อน พวกเขา "อยากได้ของดี แต่ไม่มีเงิน" หรือพอจะมีบ้างแต่ก็ "ไม่ยอมควัก" เพราะเจ้าของทีมอย่างสแตน โครเอนเก้ ไม่ใช่นักธุรกิจที่พร้อมลงทุนก่อนเพื่อผลประโยชน์ในภายภาคหน้า

โครเอนเก้ เข้ามาฮุบอาร์เซน่อลได้นับสิบปี แต่ไม่เคยควักเงินตัวเองแม้แต่ปอนด์เดียว เขามองอาร์เซน่อลเป็นหน่วยธุรกิจเหมือนบริษัทที่หากจะใช้เงินก็ต้องหารายได้ก่อน มีรายได้เท่านี้ก็ต้องใช้เท่านี้ ไม่มีจ่ายเพิ่มต่อให้จำเป็นมากแค่ไหนก็ตาม

ตรงนี้ต่างจากเจ้าของทีมเชลซี, แมนฯ ซิตี้ หรือกระทั่งลิเวอร์พูล ที่พร้อมลงทุนเพราะมองสโมสรฟุตบอลในสายตาคนละอย่างกับโครเอนเก้

ปัญหาอีกอย่างของอาร์เซน่อลเมื่อยังไม่สามารถดีดจากยูโรปา ลีก กลับไปแชมเปี้ยนส์ ลีกได้คือ รายได้จาก 2 รายการนี้ที่ต่างกันลิบลับประมาณเกือบร้อยล้านปอนด์

แค่ปีเดียวที่หลุดแชมเปี้ยนส์ ลีก รายได้ก็หายไปมหาศาล แค่อาร์เซน่อลหลุดเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน 

รายได้ที่หายไปคือผลกระทบที่เห็นชัดเจน แต่ยังมีอีกหลายสิ่งที่อาร์เซน่อลต้องเจอในอนาคตข้างหน้า

มูลค่าแบรนด์ในอนาคตที่ย่อมลดลง อำนาจในการเจรจาต่อรองกับสปอนเซอร์มีไม่มากเหมือนเดิม ฤดูกาลหน้าอาร์เซน่อลเปลี่ยนไปใช้ชุดแข่งของอาดิดาสก็จริง แต่ก็เป็นการตกลงกันก่อนหน้านี้

แรงดึงดูดในการดึงนักเตะใหม่ก็ย่อมไม่เย้ายวน ส่วนใหญ่อยากเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีกทั้งนั้นเพราะคือการแข่งขันที่ดีที่สุดและทีมที่ดีที่สุดรวมกันอยู่ในรายการนี้


นอกจากนี้ การสนับสนุนของแฟนบอลก็ไม่มีทางที่จะเต็มที่ จำนวนแฟนบอลที่เข้าสนาม การซื้อสินค้าของที่ระลึกต่างๆ ก็คงซบเซาเหมือนบรรยากาศที่เป็นในตอนนี้

ทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้นแล้วและจะเกิดขึ้นในอนาคตล้วนแต่ทำให้การทำงานของ อูไน เอเมรี่ เต็มไปด้วยความลำบาก ขณะที่คู่แข่งในกลุ่มนำด้วยกันสามารถเดินหน้าได้อย่างไรกังวลมากกว่า

มองไม่ออกเลยว่า อาร์เซน่อลจะกลับมาได้อย่างไรในฤดูกาลหน้า

หรือบางที พวกเขาอาจกลายสภาพเป็น "ทีมยูโรปา ลีก" เต็มตัวไปแล้ว  


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด