ฝอยทองของดี
เจ้าของแชมป์ยูโร 2016 เฉือนชนะแชมป์ยูโร 1988 อย่างฮอลแลนด์ไปได้ 1-0 ในรอบชิงชนะเลิศที่เอสตาดิโอ โด ดราเกา เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
เป็นชัยชนะสมศักดิ์ศรีสำหรับทัพฝอยทองที่แสดงให้เห็นว่าที่ดีกว่าตลอด 90 นาที และคู่ควรกับการได้ฉลองแชมป์ต่อหน้าแฟนบอลในประเทศ
ทีมของ แฟร์นานโด ซานโต๊ส เค้นศักยภาพที่มีออกมาได้ในเวลาที่ต้องการ ขณะที่ทัพกังหันของ โรนัลด์ คูมัน กลับทำได้ต่ำกว่ามาตรฐาน
โปรตุเกส ผสมผสานประสิทธิภาพที่มีเข้ากับความได้เปรียบในหลายอย่างจนทำให้รูปเกมเหนือกว่าฮอลแลนด์ชัดเจน
นอกจากไปจากการได้เล่นในบ้านแล้ว โปรตุเกสยังได้พักมากกว่าเพราะหวดกับสวิตเซอร์แลนด์ตั้งแต่วันพุธที่ 5 มิ.ย. แถมสามารถเช็กบิลได้ในเวลาปกติ
กอนซาโล่ เกเดส กดเต็มข้อเป็นประตูชัย
ขณะที่ฮอลแลนด์แข่งช้ากว่า 1 วัน และต้องเหนื่อยถึงช่วงต่อเวลากว่าจะบดเอาชนะอังกฤษมาได้ นอกจากนี้ยังต้องเดินทางจากกิมาไรช์มายังสนามรอบชิงฯ ในปอร์โต้
แฟร์นานโด ซานโต๊ส หมุนเวียนทีมได้เหมาะสมกับการเปลี่ยน 3 ตำแหน่งในแต่ละจุดทั้งกองหลัง กองกลาง และกองหน้า
โชเซ่ ฟอนเต้, ดานิโล่ และ กอนซาโล่ เกเดส ได้ลงสนามแทน เปเป้, รูเบน เนเวส และเจ้าหนู ชูเอา เฟลิกซ์ ตามลำดับ
แต่ โรนัลด์ คูมัน ยึดมั่นใจ 11 คนแรกชุดเดิมที่เล่นกันมา 120 นาที ไม่มีการโรเตชั่นเลยซึ่งในท้ายที่สุดแล้วก็ส่งผลต่อการเล่นที่วัดกันจังหวะต่อจังหวะแล้วเป็นรองโปรตุเกส
คูมัน ออกมาบ่นหลังเกมว่าผิดหวังกับการเล่นเกมรุกของทีมอย่างมาก เพราะไม่สามารถขึงเกมใส่โปรตุเกสได้เลย และหลายจังหวะก็เลือกเยือนโยนยาวซึ่งหวังผลได้ลำบาก
เกมรับในแดนตัวเอง และกลางสนามไม่ได้มีข้อผิดพลาดอะไรมากมาย ทว่าเกมรุกกลับไม่สามารถกดดันกองหลังโปรตุเกสได้เลย
ทัพกังหันต้องรอถึงนาที 65 ถึงส่งบอลเข้ากรอบครั้งแรกได้จากลูกโหม่งของ เมมฟิส เดอปาย ทว่าก็เบาเกินไปและตรงตัว ยาสเปอร์ ซิลเลสเซ่น
ในวินาทีฮอลแลนด์ได้ลุ้นจริงจังครั้งแรก โปรตุเกสหาโอกาสส่องไปแล้วถึง 14 ครั้งและเป็น 1 ประตู
โรนัลโด้ ดวล ฟาน ไดค์ ไม่ถึงใจมากนัก
โปรตุเกสหากโอกาสยิงได้ 18 ครั้ง เข้ากรอบ 7 ครั้ง นั่นเพราะส่องทุกจังหวะที่มองเห็นช่อง ไม่จำเป็นต้องต่อบอลเข้าถึงเขตโทษในระยะถนัดถนี่
แฟร์นานโด ซานโต๊ส รู้อยู่แล้วว่าคงไม่ง่ายกับการเคาะตามช่องเพื่อฝ่าแนวรับฮอลแลนด์ที่มีทั้ง เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ และ มัทไธส์ เดอ ลิกท์ ขณะที่ เฟร้งกี้ เดอ ย็อง ก็ถอยลงต่ำลงมาช่วยอีกแรง
18 ครั้งที่โปรตุเกสได้ยิงมาจากการนอกเขตโทษถึง 12 ครั้ง ตรงนี้สะท้อนรูปเกมได้อย่างดีว่าต่อให้ฮอลแลนด์คุมโซนรับหน้าพื้นที่อันตรายของตัวเองได้ แต่โปรตุเกสก็เปลี่ยนมาจบสกอร์ตั้งแต่หน้าเขตโทษมากขึ้น
การเล่นของโปรตุเกสวูบวาบอันตรายในทุกจังหวะ การต่อบอลขึ้นหน้าทำได้รวดเร็ว ไม่เสียเวลามาก การรับส่งบอลแม่นยำ และสามารถจบด้วยการยิงเกือบทุกครั้ง
ผู้เล่นโปรตุเกสหลายต่อหลายคนต่างเล่นกันในฟอร์มที่ดี ช่วยกันขับเคลื่อนพาทีมไปสู่ตำแหน่งแชมป์ได้สำเร็จ
บรูโน่ แฟร์นานเดส แสดงเห็นว่าทำไมถึงตกเป้าหมายของของหลายทีมในอังกฤษโดยเฉพาะแมนฯ ยูไนเต็ดที่อยากได้อย่างมาก
กองกลางจาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน ตื่นตัวในการเล่นและอันตรายอย่างมากเวลาได้บอล เจอช่องหน้าเขตโทษเมื่อไหร่เป็นต้องง้างเท้าลองวัดความแม่น เขาได้ลุ้นยิงถึง 6 ครั้งในนัดนี้ มากกว่าฮอลแลนด์ทั้งทีมรวมกัน
ฤดูกาลล่าสุด แข้งวัย 24 ปีซัดให้สปอร์ติ้งได้ถึง 31 ประตูจากตำแหน่งกองกลาง ซึ่งเป็นตัวเลขที่เหลือเชื่อไม่น้อย ตำแหน่งผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำลีกโปรตุเกสพ่วงด้วยการที่สปอร์ติ้ง ลิสบอน จับต่อสัญญาพร้อมใส่ค่าฉีกเอาไว้ที่ 100 ล้านยูโร เป็นตัวบ่งชี้ถึงคุณภาพได้อย่างดี
โรนัลโด้ หอบถ้วยแชมป์เข้ากรุอีกใบ
เมื่อบวกกับการวิ่งที่ไม่มีหมดของ แบร์นาร์โด้ ซิลวา เข้าไป เกมรุกของโปรตุเกสจึงต่อเนื่อง ไม่ขาดตอนเพราะมีตัวขยับหาบอล คอยทำทางให้เพื่อนอยู่ตลอด
แบร์นาร์โด้ ซิลวา มีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมต่อเนื่องทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ เป็นฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดในชีวิตค้าแข้งเลยก็ว่าได้
แข้งวัย 24 ปีมีทั้งความสามารถเฉพาะตัวในการเลี้ยงบอล แต่ก็เข้าใจการเล่นเป็นทีมซึ่งหาได้ไม่มากนักกับนักฟุตบอลยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ยังวิ่งได้ตลอดทั้งเกม
ทักษะมี เข้าใจแท็กติก และขยัน เหมือนเป็นคุณสมบัติง่ายๆ ไม่ได้มากมายแต่ก็มากพอสำหรับโค้ชทุกคน เป็นใครก็ต้องส่งลงสนามเพราะสามารถช่วยทีมได้จริง
มีที่น่าเสียดายเล็กน้อยตรงการดวลกัน 2 นักเตะที่หลาคนตั้งตาคอยนั่นคือ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ vs เฟอร์กิล ฟาน ไดค์
โรนัลโด้ ไม่ได้ปล่อยพิษสงออกมากนักโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับวันที่กดแฮตทริกใส่สวิตเซอร์แลนด์ ส่วนหนึ่งก็เพราะต้องเจอบททดสอบสมน้ำสมเนื้ออย่าง ฟาน ไดค์ แถมยังมี เดอ ลิกท์ คอยซ้อนอีกที
จังหวะดวลตัวต่อตัวอยู่ในเฟรมเดียวกันมีเพียงครั้งเดียวตลอดทั้งเกมที่ โรนัลโด้ ได้ส่องตรงเขตโทษแต่ก็ติดบล็อก ฟาน ไดค์
ดาวเตะจากยูเวนตุสไม่สามารถบวกประตูที่ 89 ในนามทีมชาติได้ แต่การที่ยังมีเขาอยู่ในสนามก็เป็นแรงบวกให้กับทีมได้เสมอ
ประตูเดียวของ กอนซาโล่ เกเดส เป็นความต่างที่มากพอในวันที่เกมรุกของฮอลแลนด์ขาดประสิทธิภาพ
โปรตุเกสประกาศศักดาตัวเองอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน ไม่ใช่ท่าดีทีเหลวเหมือนหลายครั้งในอดีต และยังกลายเป็นชาติแรกต่อจากฝรั่งเศสในปี 1998 ที่คว้าแชมป์ในทัวร์นาเมนต์ที่ตัวเองเป็นเจ้าภาพ
ขุนพลดัตช์ยังมีอนาคตสดใสรออยู่
หากไม่นับฟุตบอลโลก 2018 ที่จอดป้ายเพียงรอบ 16 ทีมสุดท้าย ช่วงเวลา 4-5 ปีที่ผ่านมา โปรตุเกส ทำผลงานในระดับนานาชาติได้น่าประทับใจอย่างมาก
มันคือช่วงเวลาคือ แฟร์นานโด ซานโตส เข้ามารับตำแหน่งและทำให้โปรตุเกสกลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งอย่างที่ควรจะเป็น พวกเขาทำได้ในเวลาที่แฟนบอลคาดหวัง
เป้าหมายป้องกันแชมป์ยูโรในปีหน้า และไล่ล่าตำแหน่งแชมป์โลก 2022 จึงเป็นสิ่งที่โปรตุเกสปักหมุดเอาไว้อย่างใจจดใจจ่อ
ขณะที่ผู้แพ้ฮอลแลนด์ย่อมมีเรื่องน่าผิดหวังเมื่อมองไปที่เกมรุกที่หลุดไปเอง ทว่าการมาถึงรอบชิงชนะเลิศได้ก็เป็นก้าวเดินที่แข็งแกร่งจับต้องได้และเป็นสิ่งชี้วัดถึงพัฒนาการที่น่าปรบมือให้
ย้อนไปไม่นาน ทัพอัศวินสีส้มเพิ่งตกรอบคัดเลือกทั้งยูโร 2016 และฟุตบอลโลก 2018 ซึ่งเป็นความล้มเหลวที่แฟนบอลในประเทศแทบเบือนหน้าหนี
ฮอลแลนด์มีด้านบวกมากมายปรากฎให้เห็นตลอด 12 เดือนหลังสุดที่พวกเขาค่อยๆ ลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง
ซัมเมอร์ 2019 อาจยังไม่ถึงเวลาในการคัมแบ็กกลับมาเป็นแชมป์แรกนับจากยูโร 1988 แต่หากรักษาโมเมนตัมที่ทำให้เห็นมาตลอด 12 เดือนหลังสุดเอาไว้ได้
ทัพอัศวินสีส้มจะกลับมาเป็นมหาอำนาจที่พร้อมท้าทายตำแหน่งแชมป์กับทุกชาติอย่างแน่นอน
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT