ดีและแย่จากปรีซีซั่น
ไล่เรียงผลงานในช่วงปรีซีซั่นกันอีกรอบเป็นดังนี้
ชนะ โคโลราโด้ ราปิดส์ 3-0 (สนามกลาง, อุ่นเครื่อง)
ชนะ บาเยิร์น มิวนิค 2-1 (สนามกลาง, ไอซีซี)
ชนะ ฟิออเรนติน่า 3-0 (สนามกลาง, ไอซีซี)
เสมอ เรอัล มาดริด 2-2 (สนามกลาง, ไอซีซี) แพ้จุดโทษ 2-3
แพ้ ลียง 1-2 (เหย้า, เอมิเรตส์ คัพ)
เสมอ อ็องเช่ร์ 1-1 (เยือน, อุ่นเครื่อง) ชนะจุดโทษ 5-4
แพ้ บาร์เซโลน่า 1-2 (เยือน, โจน กัมเปร์)
สรุปผลงานคือ ชนะ 3 นัด เสมอ 2 นัด และแพ้ 2 นัด ซึ่งใน 2 นัดที่เสมอ มีการดวลจุดโทษก่อนชนะและแพ้อย่างละนัด
เกมรุกยิงได้ 13 ประตู ขณะที่เกมรับเสียไป 8 ประตู
หากเขียนเป็นกราฟผลงานจะเริ่มต้นด้วยฟอร์มร้อนแรงชนะ 3 นัดรวดยิงได้ 8 ประตู ก่อนไม่ชนะ (ใน 90 นาที) ใน 4 นัดหลังสุด และเสียไป 7 ประตูจาก 8 ประตูที่โดนเจาะตาข่าย
เป็นกราฟผลงานที่ไม่ดีนักโดยเฉพาะเมื่อกำลังถอยหลังเข้าสู่ฤดูกาลใหม่
ดาวรุ่งหลายคนทำผลงานได้ดีในปรีซีซั่น
แต่ถ้าตัดเรื่องผลการแข่งขันออกไป ปรีซีซั่นก่อนเริ่มฤดูกาล 2019-20 ก็มีหลากหลายแง่มุมให้ต้องมาสรุปกันอีกครั้ง
เริ่มจากเรื่องดีกันก่อน
การเลือกคู่แข่งในปรีซีซั่นของอาร์เซน่อลทำได้ค่อนข้างดี มีระดับความหนักเบาแตกต่างกันให้ได้ทดสอบคุณภาพทีม
งานหนักก็จัดทีมหัวแถวของยุโรปทั้ง บาเยิร์น มิวนิค, เรอัล มาดริด และปิดท้ายด้วยบาร์เซโลน่า
ขณะที่งานตึงมือลงมาหน่อยคือการเจอ ฟิออเรนติน่า และ โอลิมปิก ลียง รวมถึงลองทีมที่เกรดบอลเป็นรองพอสมควรอย่าง โคโลราโด้ ราปิดส์ และ อองเช่ร์
ไม่ได้เรียกแต่หมูมาเชือดเพื่อเอาสะใจโดยไม่คำนึงถึงประโยชน์แท้จริง หรือไม่ห้าวเกินเหตุขึ้นเวทีบวกกับสิบล้อในทุกครั้งจนส่งผลเสียมากกว่าผลดี
ระดับความฟิตของนักเตะอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก แม้จะมีปัญหาเดียวกับทีมใหญ่หลายทีมที่เสียนักเตะไปเล่นทีมชาติจนเข้าแคมป์ล่าช้า แต่ก็มีแกนหลักหลายคนได้ปรีซีซั่นตั้งแต่วันแรก
เมซุต โอซิล, ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง และ อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ เป็น 3 สตาร์ของทีมที่มารายงานตัวตั้งแต่วันแรกและเป็นแกนหลักของทีมในการเตรียมพร้อมรับฤดูกาลใหม่
ลากาแซ็ตต์ (ขวา) ต้องลุ้นฟิตในนัดเปิดสนาม
เราจะเห็นกันได้ว่า 3 แข้งดังมีฟอร์มการเล่นในปรีซีซั่นที่ค่อนข้างยอดเยี่ยมและดีกว่าแนวรุกของทีมกลุ่มนำด้วยกันที่ติดภารกิจทีมชาติเป็นส่วนใหญ่และไม่ได้มีปรีซีซั่นที่เหมาะสมนัก
ข้อดีต่อมาคือ ดาวรุ่งหลายคนที่ได้โอกาสลงสนามต่างทำผลงานได้ดี
ถ้าเอาตัวเลขการยิงประตูมาอ้างอิงง่ายๆ ก็เห็นภาพได้ชัดเพราะ 13 ประตูที่ทีมทำได้มาจากผู้เล่นดาวรุ่ง 8 ประตู ประกอบด้วย เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ยิงได้มากสุด 3 ประตู ที่เหลือแบ่งโควตาไปคนละประตูทั้ง บูคาโย่ ซาก้า, เจมส์ โอลายินก้า, กาเบรียล มาร์ติเนลลี่, รีสส์ เนลสัน และ โจ วิลล็อค
มีเพียง 1 ประตูของ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ กองหน้าดาวรุ่งจากบราซิลเท่านั้นที่ไม่ใช่ผลงานของเด็กจากอะคาเดมี่สโมสร
ถ้าวัดกันที่ฟอร์มการเล่น โจ วิลล็อค โดดเด่นที่สุดและได้รับคำชมอย่างมาก เป็นเด็กจากเด็กปั้นที่ผลงานยอดเยี่ยมตั้งแต่นัดแรกของปรีซีซั่นจนกระทั่งนัดสุดท้ายกับบาร์ซ่าในสนามที่มีแฟนบอลเรือนแสน (98,812 คน)
ส่วน เอ็นเคเทียห์ ที่ครองตำแหน่งดาวซัลโว 3 ประตูร่วมกับ โอบาเมย็อง ก็ทำได้ดีในช่วงแรก แต่ช่วงท้ายดร็อปลงไป ส่วนคนอื่นก็สลับสับเปลี่ยนโชว์ผลงานซึ่งถ้ามองในภาพรวมถือว่าน่าพอใจอย่างยิ่ง
เกมรับปืนใหญ่ยังไม่ลงตัว
อูไน เอเมรี่ มีการหมุนเวียนผู้เล่นได้ดีทีเดียว ตัวหลักได้ลงเรียกความฟิตอย่างเต็มที่ ขณะที่ดาวรุ่งก็ได้โอกาสไม่แพ้กัน มีสัดส่วนความพอดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป ยกเว้นบางสถานกาาณ์ที่ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเนื่องด้วยผู้เล่นบาดเจ็บ
โปรแกรมของอาร์เซน่อลจะสลับเกมหนัก-เบาไม่ได้เจอบาเยิร์น, มาดริด และบาร์ซ่า ติดต่อกันเพราะมีเกมอื่นคั่นตลอด ตรงนี้ช่วยให้การเลือกนักเตะทำได้ง่าย
แนวรุกชุดใหญ่อย่าง โอซิล, โอบาเมย็อง, ลากาแซ็ตต์ รวมถึง เฮนริค มคิทาร์ยาน ได้ประสานงานกันตั้งแต่นาทีแรกในเกมฟัดกับเสือใต้, ราชันชุดขาว และบาร์ซ่าตั้งแต่ออกสตาร์ตนาทีแรกซึ่งมีเพียงนัดสุดท้ายที่ ลากาแซ็ตต์ พลาดช่วยทีมเพราะบาดเจ็บมาจากเกมกับลียง จากนั้นครึ่งหลังก็ทะยอยส่งสำรองและดาวรุ่งลงไปเก็บประสบการณ์
ขณะที่เรื่องน่าห่วงที่เห็นในปรีซีซั่นครั้งนี้ก็มีเยอะเช่นกัน
อันดับแรกคือ เกมรับที่ยังคงเป็นปัญหาเรื้อรังและทำให้ผลการแข่งขันในช่วงท้ายออกมาแย่จนอาจส่งผลต่อความมั่นใจในฤดูกาลใหม่
ดานี่ เซบายอส ตัวใหม่จากมาดริด เจ็บจากเกมกับบาร์ซ่า
แบรนด์ เลโน่ และ เอมิเลียโน่ มาร์ตีเนซ ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นมือ 2 คนใหม่หลังจากไปของ ปีเตอร์ เช็ก ที่แขวนถุงมือ และ ดาวิด ออสปิน่า ที่ย้ายขาดไปนาโปลี ต่างทำผลงานได้ดี ไม่มีอะไรให้ต้องตำหนิ
แต่จุดที่ต้องปรับปรุงคือแผงแนวรับโดยเฉพาะตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟเพราะหลายต่อหลายประตูที่เสียไปไม่ได้เกิดจากประสิทธิภาพในเกมรุกคู่แข่ง หากแต่เป็นความผิดพลาดของตัวเอง
นัดล่าสุดกับบาร์เซโลน่าคือตัวอย่างซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความผิดพลาดทั้งแบบส่วนตัว และความผิดพลาดในการจัดการเกมรับโดยรวม
อูไน เอเมรี่ ได้ผู้เล่นใหม่มาร่วมทีมหลายรายแต่กลับไม่มีกองหลังแม้แต่คนเดียวทั้งที่เป็นตำแหน่งจำเป็นมากสุดในซัมเมอร์นี้
ทีมปืนใหญ่จำเป็นอย่างมากที่ต้องมีเซนเตอร์ฮาล์ฟคนใหม่เข้ามาเพราะเท่าที่มีอยู่ในตอนนี้หนักไปทาง "ปริมาณ" ไม่ใช่มากด้วย "คุณภาพ"
2 ตัวประสบการณ์อย่าง โลร็องต์ กอสซิแอลนี่ ดันมีปัญหากับสโมสรและต้องการย้าย ขณะที่ ชโคดราน มุสตาฟี่ ก็ไม่สามารถไว้วางใจได้
2 แข้งอังกฤษที่ถูกมองว่าน่าจะเป็นอนาคตให้กับทีมได้ก็มีจุดน่าห่วงต่างกันไป คาลั่ม แชมเบอร์ส ยังต้องพิสูจน์ตัวเองอีกพอสมควร ส่วน ร็อบ โฮลดิ้ง ก็กำลังอยู่ในช่วงเรียกฟิตหลังพักไปนาน 8 เดือน ดังนั้นจึงคาดเดาได้ยากว่ากลับมารอบนี้จะเหมือนเดิมกับช่วงล้มหมอนนอนเสื่อ
ส่วน 2 แข้งกรีซ ก็มีเพียง โซคราตีส ปาปาสตาโธปูลอส เท่านั้นที่ดีพอสำหรับการเป็นตัวจริง ขณะที่ ดีนอส มาฟโรปานอส ถูกมองว่ากระดูกยังไม่ถึงขั้น อาจถูกปล่อยไปให้ทีมอื่นยืมใช้งาน
นิโกล่าส์ เปเป้ จะประเดิมสนามในนัดแรกของพรีเมียร์ลีก
นั่นเท่ากับว่า ณ เวลานี้ อาร์เซน่อลยังไม่สามารถเซตเกมรับที่ดีที่สุดของตัวเองได้ ขณะที่ฤดูกาลใหม่กำลังจะเปิดอยู่รอมร่อ
สิ่งที่แฟนบอลปืนใหญ่ต้องลุ้นคือ เซนเตอร์ฮาล์ฟคนใหม่ที่มีความจำเป็นมากกว่าแบ็กซ้ายอย่าง คีแรน เทียร์นี่ย์ ซึ่งมีข่าวมาตลอดซัมเมอร์
เอเมรี่ ไม่ควรนิ่งนอนใจกับกองหลังที่มีอยู่ในตอนนี้และต้องทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อคว้าตัวเลือกที่เหมาะสมมาร่วมทีมให้ได้ก่อนตลาดวายในวันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคมนี้
นอกเหนือจากนี้ก็คือการลุ้นความฟิตของ อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ ที่พลาดช่วยทีม 2 นัดหลังสุด และ ดานี่ เซบายอส ที่เจ็บจากเกมกับบาร์ซ่า รวมถึงตัวใหม่ค่าตัวสถิติสโมสรอย่าง นิโกล่าส์ เปเป้ ที่เพิ่งย้ายมาและไม่ได้มีส่วนร่วมในเกมเมื่อวันอาทิตย์
นัดเปิดสนามกับนิวคาสเซิ่ลจะมาถึงในวันอาทิตย์ที่ 10 ส.ค. นี้ หากอาร์เซน่อลไม่ทำให้ตัวเองพร้อมมากกว่าเป็นที่เป็นอยู่ทั้งที่สามารถทำได้ โอกาสล้มเหลวอีกครั้งก็มีสูง
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT