:::     :::

แบกปืนบุกแอนฟิลด์

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
บิ๊กแมตช์พรีเมียร์ลีก สัปดาห์ที่ 3 เป็นการเจอกันของ 2 ทีมที่ชนะมารวดและนำจ่าฝูงร่วมกันคือ ลิเวอร์พูล กับ อาร์เซน่อล

ทั้งสองทีมเก็บไป 6 คะแนนเท่ากัน แต่ด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน ลิเวอร์พูลยิงได้มากกว่าอาร์เซน่อล 2 เท่าแต่ก็เสียมากกว่า 2 เท่า

หงส์แดง มีปัญหาเกมรับมาตั้งแต่ช่วงปรีซีซั่นที่เสียประตูไปหลายลูก และมาเสียผู้รักษาประตูมือหนึ่งอย่าง อาลีสซง เบ็คเกอร์ ที่เจ็บจากนัดเปิดสนาม อาเดรียน เลยต้องทำหน้าที่แทนอย่างจริงจังทั้งในซูเปอร์คัพและนัดล่าสุด

ผ่านไป 2 นัดในลีก ลิเวอร์พูล เสียประตูทั้งสองนัด หรือถ้ารวม คอมมิวนิตี้ ชิลด์ กับ ซูเปอร์คัพ ก็เป็น 4 นัดติดต่อกัน ถือว่าออกสตาร์ตต่างจากภาพรวมฤดูกาลก่อนซึ่งมีเกมรับเหนียวแน่น เป็นทีมที่เก็บคลีนได้มากนัดที่สุด และเสียประตูน้อยที่สุดในลีก

ขณะที่ปืนใหญ่ เฉือนชนะคู่แข่งด้วยความห่าง 1 ประตูทั้งนัดเปิดสนามที่บุกชนะนิวคาสเซิ่ล 1-0 และนัดล่าสุดที่เฉือนชนะ เบิร์นลี่ย์ 2-1 

ทั้งสองทีมยังมีจุดต้องปรับกันพอสมควรซึ่งก็เข้าใจไม่ยากว่าในช่วงต้นฤดูกาลแบบนี้ยังมีหลายอย่างไม่ลงตัว 

ดังนั้นการมาเจอกันในวันเสาร์นี้จึงเป็นบททดสอบที่ทำให้ต่างฝ่ายต่างได้เห็นจุดบกพร่องของตัวเองมากยิ่งขึ้น พร้อมกับมี 3 คะแนนสำคัญเป็นเดิมพัน 

คู่นี้เจอกันมาช่วงหลังโดยเฉพาะที่แอนฟิลด์ ลิเวอร์พูล ทำได้ดีกว่ามากเมื่อเอาชนะได้ขาดลอย 5-1, 4-0 และ 3-1 ตลอด 3 ฤดูกาลหลังสุด หรือย้อนไปอีก 3 ฤดูกาลก็เสมอ 3-3, เสมอ 2-2 และถล่ม 5-1 

สรุปให้เห็นภาพคือ อาร์เซน่อลเสียไปถึง 22 ประตูจากการมาเยือนรังหงส์แดง 6 นัดหลังสุด เฉลี่ย 3.67 ประตูต่อนัด เป็นตัวเลขที่น่าตกใจไม่น้อย 

ครั้งสุดท้ายที่อาร์เซน่อลบุกมาเก็บ 3 คะแนนกลับออกไปได้ต้องย้อนไปในปี 2012 ซึ่งเป็นปีที่เพิ่งเสีย โรบิน เพอร์ซี่ ไปให้ แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ก็เติมเกมรุกด้วย 3 ผู้เล่นใหม่ทั้ง โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์, ซานติ กาซอร์ล่า และ ลูคัส โพดอลสกี้ วันนั้นปืนใหญ่บุกชนะได้ 2-0 

เมื่อดูจากสถิติในหลายปีหลังต้องยอมรับว่า โจทย์ของอาร์เซน่อลในวันเสาร์นี้ค่อนข้างยากถึงยากที่สุด และน่าสนใจอย่างมากว่า อูไน เอเมรี่ จะทำอย่างไรเพื่อให้ทีมบอบช้ำน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ 

1. สมาธิในช่วงต้นเกม

ลิเวอร์พูล ลงเล่นไป 4 นัดระหว่างคอมมิวนิตี้ ชิลด์ จนถึงนัดล่าสุดกับเซาธ์แฮมป์ตัน เรี่ยวแรงหมดไปพอสมควร อย่างไรก็ตาม ลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ได้พักมาเต็มๆ ตลอดสัปดาห์ก่อนลงสนามในวันเสาร์นี้ ดังนั้นความฟิตจึงกลับมาเต็มถังอีกครั้ง

อาร์เซน่อล ต้องมีสมาธิและตื่นตัวให้มากในช่วงต้นเกมที่ลิเวอร์พูลสามารถไล่บดไล่บี้เพื่อบีบให้แนวรับปืนใหญ่เกิดความผิดพลาดและลงโทษทันที 

ใน 6 นัดหลังสุดที่มาเยือนแอนฟิลด์ อาร์เซน่อลเสียประตูในช่วง 20 นาทีแรกมากถึง 10 ประตู นี่คือช่วงนาทีทองของหงส์แดงอย่างแท้จริง 

หากลิเวอร์พูลทำได้อีกครั้งจะไม่เพียงแค่ได้ประตูนำเร็ว แต่ยังรวมถึงทำให้แท็กติกที่อาร์เซน่อลเตรียมมาพังลงไปด้วย เช่นเดียวกับความมั่นใจของผู้เล่นที่ถูกกระตุกพรวดซึ่งในหลายครั้งที่ผ่านมาก็ออกอาการถอดใจให้เห็นชัดเจน

 อาร์เซน่อล มีสถิติไม่ดีในแอนฟิลด์หลายปีหลัง

2. การจัดทัพในแดนกลาง

อูไน เอเมรี่ เปิดเผยว่า เมซุต โอซิล กับ กรานิต ชาคา กลับมาซ้อมได้อย่างเต็มที่แล้ว ทำให้ตัวเลือกในแดนกลางอาร์เซน่อลมีเพิ่มมากขึ้นเมื่อรวมกับ ลูคัส ตอร์เรร่า, มัตเตโอ เก็นดูซี่, โจ วิลล็อค และ ดานี่ เซบายอส 

โอซิล ไม่ได้เล่นให้อาร์เซน่อลใน 2 นัดแรกเพราะมีอาการป่วยและมีปัญหานอกสนามที่น่าจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปล้นรถเมื่อเดือนก่อน ทำให้ช่วงที่่ผ่านไม่สามารถซ้อมได้เต็มที่นัก ส่วน ชาคา ก็มีอาการเจ็บจากนัดแรกและทำให้พลาดในนัดสอง 

หากดูจาก 2 นัดแรกที่ส่งแนวรุกลง 3 คน โควตาตรงกลางก็จะเหลือ 3 ตำแหน่งซึ่ง เอเมรี่ ต้องเลือกผู้เล่นให้สมดุลทั้งรุกและรับ มีส่วนผสมที่พอดีของเรื่องประสบการณ์และความสดของดาวรุ่งและตัวใหม่อย่าง เซบายอส

ดานี่ เซบายอส ควรลงตัวจริงต่อเนื่องหลังทำผลงานน่าประทับใจนัดล่าสุดที่แอสซิสต์ 2 ประตูพร้อมคว้าตำแหน่งแมน ออฟ เดอะ แมตช์ 

ถ้า เอเมรี่ อยากส่ง โอซิล ลงด้วย เซบายอส ที่เล่นเป็นจอมทัพปั้นเกมในนัดล่าสุดก็จะต้องเล่นในบทบาทหมายเลข 8 แล้วจับคู่กับกองกลางที่สามารถทำหน้าที่เกมรับได้ซึ่งมีทั้ง ชาคา, ตอร์เรร่า และ เก็นดูซี่

ชาคา รับหน้าที่กัปตันทีมในช่วงนี้และเป็นผู้เล่นที่ เอเมรี่ ค่อนข้างให้ความเชื่อมั่น แต่กระนั้นกองกลางชาวสวิสก็มีปัญหากับการรับมือคู่แข่งที่ต่อบอลกันรวดเร็วและแม่นยำ สถิติโดนใบเหลืองตลอด 3 นัดที่มาเยือนแอนฟิลด์ชี้ชัดว่า ชาคา ไม่สามารถรับมือแท็กติกเกเก้น เพรสซิ่งของคล็อปป์ได้

ตอร์เรร่า เล่นเกมรับได้ดีและตื่นตัวกว่า ชาคา แต่ดูเหมือนไม่ฟิตเท่าที่ควรทำให้ 2 นัดแรกเป็นเพียงสำรอง ขณะที่ เก็นดูซี่ ก็เป็นอีกคนที่มีโอกาสลงตัวจริงเพราะเล่นได้ดีใน 2 นัดแรกเช่นเดียวกับ โจ วิลล็อค ดาวรุ่งวัย 20 ปี ทว่าในรายของเจ้าหนูโจอาจน่าห่วงในเรื่องประสบการณ์โดยเฉพาะในเกมใหญ่และกดดันแบบนี้


ูไน เอเมรี่ มีตัวเลือกมากขึ้นในแดนกลาง

3. นิโกล่าส์ เปเป้ จะช่วยทีมได้มากแค่ไหน

มีโอกาสสูงที่ นิโกล่าส์ เปเป้ จะได้ออกสตาร์ตตัวจริงเป็นครั้งแรกกับอาร์เซน่อลในเกมที่ยากที่สุดของฤดูกาลก็ว่าได้

เปเป้ ลงสำรองใน 2 นัดแรกโดยที่ได้ลงสนามมากขึ้นตามลำดับเริ่มจาก 20 นาที ก่อนขยับเป็น 45 นาที และตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็แสดงให้เห็นถึงความฟิตและความพร้อมที่ดี เช่นเดียวกับความเข้าใจในแท็กติกการเล่นและเพื่อนร่วมทีมใหม่ที่มีมากขึ้น

การลงเล่นร่วมกันตั้งแต่นาทีแรกของ 3 ประสาน ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง, อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ และ นิโกล่าส์ เปเป้ เป็นสิ่งที่แฟนบอลอยากเห็นมากที่สุดในฤดูกาลนี้ 

แต่กระนั้นก็ยังมีคำถามต่อว่า  นิโกล่าส์ เปเป้ จะทำได้ดีเพียงใดกับเกมใหญ่ เกมสำคัญที่อยู่ตรงหน้าในช่วงเวลาที่ตัวเองกำลังเริ่มต้นทำความรู้จักกับพรีเมียร์ลีก

ทุกอย่างต้องใช้เวลาในการปรับตัว เปเป้ เองก็ต้องพิสูจน์ตัวเองเมื่อต้องขยับเลเวลจาก ลีก เอิง มาเป็นพรีเมียร์ลีกซึ่งหินโหดกว่ามาก 


นิโกล่าส์ เปเป้ ความหวังใหม่ในแนวรุกปืนโต

4. ดาวิด ลุยซ์ ต้องยกระดับเกมรับอาร์เซน่อลให้ได้ 

ดาวิด ลุยซ์ อาจจะไม่ใช่เซนเตอร์ฮาล์ฟระดับโลกและอยู่ในช่วงปลายอาชีพ แต่กระนั้นก็ถือว่าเป็นกองหลังที่มีประสบการณ์ในเกมใหญ่ทั้งระดับสโมสรและทีมชาติมากมาย 

อาร์เซน่อลมีปัญหาเกมรับมาตลอดหลายฤดูกาลหลังโดยเฉพาะการมาเยือนแอนฟิลด์ที่ถูกตีแตกได้ง่าย และการเสียถึง 22 ประตูจาก 6 นัดก็เป็นสถิติเลวร้ายอย่างมาก 

ลุยซ์ ประเดิมสนามได้น่าพอใจในนัดล่าสุดกับ เบิร์นลี่ย์ แต่การรับมือลิเวอร์พูลเป็นอีกโจทย์ที่ยากกว่าและแตกต่างอย่างมากเพราะแนวรุกอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และ ซาดิโอ มาเน่ ล้วนมีความเร็ว 

การยืนตำแหน่ง การสั่งการเพื่อนร่วมทีม การอ่านเกมคู่แข่ง และสมาธิตั้งแต่วินาทีแรกจนวินาทีสุดท้ายต้องสมบูรณ์แบบที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หากเผลอหรือพลาดเพียงเสี้ยววินาทีก็อาจถึงขั้นเสียประตูได้เลย 

f
ดาวิด ลุยซ์ เจองานหนักแน่นอนที่แอนฟิลด์

5. กึ๋นของ อูไน เอเมรี่ 

อาร์เซน่อล เสียไปถึง 5 ประตูในนัดแรกที่ อูไน เอเมรี่ คุมทีมเยือนแอนฟิลด์ ตรงนี้เป็นสิ่งที่กุนซือปืนโตต้องปรับและแก้ไขให้ได้ 

นี่คือฤดูกาลที่สองของ เอเมรี่ กับอาร์เซน่อล ผ่านมาหนึ่งฤดูกาล เอเมรี่ ได้รู้จักทีมมากขึ้น ได้รู้จักพรีเมียร์ลีกมากขึ้น เช่นเดียวกับคู่แข่งที่รับมือได้อย่างที่สุดอย่างลิเวอร์พูล ดังนั้นจึงไม่ควรมีข้ออ้างว่าทุกอย่างเป็นของใหม่ 

อดีตกุนซือเซบีย่าและปารีส แซงต์-แชร์กแมง กล่าวติดตลกว่า ไม่อยากคุมทีมเจอลิเวอร์พูล ซึ่งเป็นสิ่งสะท้อนระดับหนึ่งว่าหวั่นเกรงพลังเกมรุกของหงส์แดงพอสมควร 

ฟีร์มีโน่, มาเน่ และ ซาลาห์ มีสถิติลงเล่นในแอนฟิลด์เจออาร์เซน่อลที่ดีมากเมื่อยิงประตูได้ตลอดนับตั้งแต่ย้ายมา ผลงานคือ ฟีร์มีโน่ 4 ฤดูกาลติดรวม 7 ประตู, มาเน่ 3 ฤดูกาลติดรวม 3 ประตู และ ซาลาห์ 2 ฤดูกาลติดรวม 2 ประตู

เฉพาะ 3 ตัวรุกหงส์แดงก็เป็นงานที่ยากสุดๆ สำหรับ อูไน เอเมรี่ ในการรับมือ ซึ่งในความเป็นจริง อาวุธในการโจมตีคู่แข่งของลิเวอร์พูลก็มีมากกว่านี้ทั้งการสอดจากแถวสองของ จอร์จินโญ่ ไวนัลดุม หรือการเติมเกมรุกของแบ็ก 2 ข้างทั้ง แอนดี้ โรเบิร์ตสัน และ เทรนท์-อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เช่นเดียวกับ เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ที่อันตรายในลูกเซตพีซ

อาร์เซน่อลดีพอสำหรับการติดท็อปโฟร์เพื่อกลับไปเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้าหรือไม่ บทสรุป 90 นาทีที่แอนฟิลด์จะทำให้เห็นภาพชัดเจนมากขึ้น 


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด