เวทีของเด็ก
ทีมของ อูไน เอเมรี่ โดนวิจารณ์อย่างหนักในเกมลีกที่เสมอ วัตฟอร์ด 2-2 แบบที่ปล่อยให้คู่แข่งซึ่งรั้งตำหน่งบ๊วยของตารางและเพิ่งเปลี่ยนโค้ช ดาหน้าหาโอกาสยิงประตูได้ถึง 31 ครั้ง
การประเดิมในเวทียูโรปา ลีก เอเมรี่ จึงปรับทัพหลายตำแหน่งทั้งเพื่อให้ดาวรุ่งรวมถึงกลุ่มผู้เล่นสำรองได้ลงสนาม และ "รีเฟรซ" ความหม่นหมองคับข้องใจจากผลงานในลีกให้กลับมาสดชื่นอีกครั้ง
ดาวิด ลุยซ์, เซอัด โคลาซินัช, กรานิต ชาคา และ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง เป็นเพียง 4 ผู้เล่นที่ได้ลงตัวจริงต่อเนื่องมาจากเกมลีก ที่เหลือเปิดโอกาสให้กลุ่มสำรองและเด็กๆ ได้โชว์ผลงาน
เอมิเลียโน่ ดาเมี่ยน มาร์ติเนซ ที่ขยับขึ้นมาเป็นมือสองเต็มตัวในฤดูกาลนี้ได้ลงเฝ้าเสา คู่ขาของ ลุยซ์ ในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟคือ ชโคดราน มุสตาฟี่ ที่ขายไม่ออกในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แบ็กขวาใช้ คาลั่ม แชมเบอร์ส ทำหน้าที่
ในแดนกลางนอกจาก ชาคา แล้วก็มี ลูคัส ตอร์เรร่า กับ โจ วิลล็อค ประสานงานร่วมกัน ส่วนแนวรุกส่ง บูกาโย่ ซาก้า กับ เอมิล สมิธ โรว์ 2 ดาวรุ่งวันทีนเอจลงพร้อมกับ โอบาเมย็อง
ปืนใหญ่เปลี่ยนทีม 7 ตำแหน่งจากเกมลีก
ตรงกันข้ามกับ แฟร้งค์เฟิร์ต ที่ส่งตัวหลักลงเต็มสูบโดยวาง บาส โดสต์ จับคู่กับ อังเดร ซิลวา ในแดนหน้า พร้อมกับมี ไดจิ คามาดะ ตัวรุกชาวญี่ปุ่นคอยปั้นเกม
"อินทรีแดง-ดำ" ที่เข้าถึงรอบตัดเชือกยูโรปา ลีก ฤดูกาลก่อน เปลี่ยนทีมไปพอสมควรในฤดูกาลนี้โดยเฉพาะที่เสียทั้ง ลูก้า โยวิช, เซบาสเตียง อัลแลร์ และ อันเต้ เรบิช ออกไป
แม้แนวรุกจะเปลี่ยนไปพอสมควร แต่แนวทางการเล่นของ แฟร้งค์เฟิร์ต ยังเน้นเกมรุกเหมือนเดิมและเปิดฉากชวนอาร์เซน่อลทะเลาะตั้งแต่เริ่มเกม ใช้การขึ้นเกมริมเส้นโดยวิงแบ็กอย่าง ฟิลิป คอสติช และ ดานนี่ ดา กอสต้า
โอกาสลุ้นทำประตูของ แฟร้งค์เฟิร์ต ในนัดนี้มีเยอะมาก ตลอด 90 นาที ได้ส่องลุ้นประตูมากถึง 24 ครั้ง อาร์เซน่อล ยังมีปัญหาเดิมคือปล่อยให้คู่แข่งได้โอกาสมากเกินไป
ทว่าสิ่งที่ แฟร้งค์เฟิร์ต ทำได้ไม่ดีคือ ความเฉียบคมในการยิงประตูเพราะมีเพียง 7 ครั้งเท่านั้นที่ยิงเข้ากรอบ และถูกปฏิเสธโดย มาร์ติเนซ นายทวารปืนโตที่ทำหน้าไม่ขาดตกบกพร่องและทำให้ติดทีมยอดเยี่ยมของสัปดาห์แรก
ส่วนจังหวะลุ้นประตูของอาร์เซน่อลส่วนใหญ่มาจากจังหวะโต้กลับที่ตัดบอลได้แล้วทำกันเร็ว แม้จะมีผู้เล่นดาวรุ่งลงสนามหลายคน แต่การต่อบอลก็ทำได้แม่นยำกว่าเมื่อเทียบกับเกมลีกนัดล่าสุดที่เสียบอลง่ายหลังโดนวัตฟอร์ดเพรสซิ่งอย่างหนัก
อาร์เซน่อลมีจังหวะจบเยอะไม่แพ้เจ้าถิ่น ลูคัส ตอร์เรร่า วิ่งเข้ายิงโล่งๆ, โอบาเมย็อง ซัดด้วยขวาหน้าเขตโทษ และ วิลล็อค กระโดดแประยะไม่กี่หลา ต่างหลุดกรอบไปทั้งหมด เช่นเดียวกับ เอมิล สมิธ โรว์ ที่หายเจ็บลงเล่นเป็นนัดแรกของฤดูกาลก็ได้จังหวะหลุดเดี่ยวแต่ยิงตรงตัว เควิน ทรัปป์
บูคาโย่ ซาก้า ทำผลงานโดดเด่นอย่างมาก
แต่ท้ายครึ่งแรก วิลล็อค ก็มาแก้ตัวได้สำเร็จเมื่อประสานงานกับเจ้าหนูซาก้า ก่อนได้บอลจี้เข้าเขตโทษฝั่งซ้ายแล้วโยกยิงด้วยขวา บอลแฉลบผู้เล่นแฟร้งค์เฟิร์ตก่อนลอยข้ามหัว ทรัปป์ ตุงตาข่ายในที่สุด
ในครึ่งหลัง รูปเกมไม่ต่างจากเดิมเมื่อผลัดกันรับผลัดกันรุก แต่จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นก่อนเข้าสู่ช่วงสิบนาทีสุดท้ายที่เจ้าถิ่นต้องเหลือผู้เล่น 10 คนหลัง โดมินิค โคห์ร ไปเบรกฟาวล์ บูคาโย่ ซาก้า ทำให้ได้เหลือง 2 กลายเป็นใบแดงไล่ออกไป
สถานการณ์จึงเข้าทางอาร์เซน่อลที่คอยรับแน่นในแดนตัวเองและหาจังหวะสวนกลับเร็วซึ่งในช่วง 30 นาทีสุดท้ายก็ส่ง นิโกล่าส์ เปเป้ ลงมาแล้วยิ่งทำให้เล่นตามแท็กติกนี้ได้ง่ายขึ้น และเป็น เปเป้ ที่จ่ายจากขวามาหน้าเขตโทษให้ ซาก้า ตัดสินใจยิงไกลเข้าประตูไปสุดสวย
นี่คือประตูแรกในสีเสื้ออาร์เซน่อลของ บูคาโย่ ซาก้า และทำให้กลายเป็นนักเตะอายุน้อยสุดที่ยิงได้ในเกมยุโรปด้วยวัย 18 ปี 14 วันถัดจาก อารอน แรมซี่ย์ ที่เคยยิง เฟเนร์บาห์เช่ ขณะอายุ 17 ปี 300 วัน
ประตูแรกกับสโมสรมีความหมายต่อ ซาก้า อย่างมาก เจ้าตัวเปิดใจหลังเกมว่า "มันในช่วงเวลาที่น่าภาคภูมิใจอย่างมาก ผมมีความสุขที่สุด นี่คือฝันที่เป็นจริง ผมฝันเอาไว้ตั้งแต่เด็กๆ แล้วว่าอยากยิงประตูให้กับทีมชุดใหญ่อาร์เซน่อล ตอนนี้ผมทำได้แล้ว และก็อยากยิงให้ได้อีกเยอะๆ"
เกมนี้คือเกมของ บูคาโย่ ซาก้า อย่างแท้จริงเพราะไม่กี่อึดใจถัดมา เจ้าตัวก็จิ้มบอลแย่งจากผู้เล่นแฟร้งค์เฟิร์ตก่อนตวัดขึ้นหน้าให้ โอบาเมย็อง พรวดเข้าไปล่อเป้านิ่มๆ เป็นประตูปิดท้ายชัยชนะสวยงาม 3-0
อาร์เซน่อลเริ่มต้นยูโรปา ลีก ปีนี้ได้สวยงาม
ในเกมที่น่าจะยากที่สุดในรอบแบ่งกลุ่มยูโรปา ลีก ฤดูกาลนี้ อาร์เซน่อล เก็บ 3 คะแนนในสกอร์ที่ขาดลอย พร้อมนำจ่าฝูงของกลุ่ม ขณะที่อีกคู่ สตองดาร์ ลีแอช ทีมจากเบลเยียม เอาชนะ วิตอเรีย กิมาไรส์ จากโปรตุเกสไปได้ 2-0
จุดที่อาร์เซน่อลทำได้ดีในเกมนี้คือ ความกระตือรือร้นในการเล่นที่มีมากขึ้น ดาวรุ่งหลายคนที่ได้โอกาสลงสนามก็ไม่ทำให้ เอเมรี่ และแฟนบอลต้องผิดหวัง
บูคาโย่ ซาก้า โดดเด่นสมกับผลงาน 1 ประตู 2 แอสซิสต์ แถมเป็นคนเรียกใบแดงจากคู่แข่งได้อีก นอกจากนี้ยังสร้างสรรค์โอกาสได้ 5 ครั้งมากกว่าผู้เล่นทุกคนในสนาม
โจ วิลล็อค โดนวิจารณ์แข้งขาอ่อนในเกมกับวัตฟอร์ด ในเกมนี้ก็ยกระดับการเล่นขึ้นมาได้เหมือน 2-3 นัดแรกในลีกที่ลงตัวจริง มีส่วนร่วมในเกมรุกไม่แพ้ ซาก้า
ส่วน เอมิล สมิธ โรว์ อาจจะไม่เด่นมากนักในแนวรุกของทีม แต่ก็พอกล้อมแกล้มไปได้โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่าเป็นการลงเล่นนัดแรกหลังเจ็บไปนานหลายเดือนและไม่ได้มีส่วนร่วมในปรีซีซั่นกับทีมเลย
ส่วนเกินอย่าง มุสตาฟี่ ก็ได้โอกาสลงเล่น
จุดน่าหวงก็เหมือนเดิมคือ เกมรับที่เปิดโอกาสให้คู่แข่งได้ลุ้นยิงเยอะเกินไป ยังดีที่ มาร์ติเนซ ทำหน้าที่หน้าปากประตูได้ดีทำให้ช่วยทีมเก็บคลีนชีตเอาไว้ได้
ชัยชนะนัดนี้ถือว่าสำคัญต่ออาร์เซน่อบในหลายมิติทั้งเป็นการแก้ตัวจากเกมลีกล่าสุด ได้เรียกความมั่นใจกลับคืนมา ดาวรุ่งก็แสดงให้เห็นว่าสามารถทำอะไรในสนามได้บ้าง และในแง่การแข่งขัน การเริ่มต้นนัดแรกด้วยชัยชนะเป็นเรื่องดีเสมอ
ในยูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่มแบบนี้ คือโอกาสที่ดีของกลุ่มสำรองและดาวรุ่งเพราะโปรแกรมไม่ได้โหดหินมาก จึงไม่มีความจำเป็นต้องส่งชุดใหญ่ลงเล่นให้เปลืองพลังงานและเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บ
กลุ่มสำรองและดาวรุ่งที่ได้ลงเล่นก็ได้มีเวทีให้ขยับแข้งขากันบ้าง ดีกว่านั่งกินค่าเหนื่อยไปทุกสัปดาห์แบบเปล่าประโยชน์
อูไน เอเมรี่ ควรยึดแนวทางการหมุนเวียนผู้เล่นแบบนี้ในยูโรปา ลีก ต่อเนื่องไปจนจบรอบแบ่งกลุ่ม ถ้าเข้ารอบน็อกเอาต์ไปได้ก็คอยเพิ่มระดับความเอาจริงเอาจัง
พวกดาวรุ่งได้ลงเล่นในอีก 5 นัดของรอบแบ่งกลุ่มแน่ๆ เช่นเดียวกับรายการอย่าง คาราบาว คัพ ในกลางสัปดาห์หน้า
ถ้าอยากได้โอกาสอย่างต่อเนื่องทั้งรอบน็อกเอาต์ในยูโรปา ลีก รวมถึงเกมพรีเมียร์ลีก ทุกคนรู้ดีอยู่แล้วว่าต้องฉวยโอกาสแสดงศักยภาพออกมาให้ได้มากที่สุดในทุกครั้งที่ลงสนาม
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT