Xhaka Redemption
กองกลางทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ โดนแฟนบอลอาร์เซน่อลโห่ใส่อย่างหนักขณะกำลังเดินออกจากสนามช่วงที่ถูกเปลี่ยนตัวในเกมเสมอ คริสตัล พาเลซ 2-2 ก่อนแสดงพฤติกรรมตอบโต้คืนด้วยการใช้มือป้องไปที่หู และพูดจาหยาบคาย จากนั้นก็ถอดเสื้อออก และเดินเข้าไปในอุโมงค์แทนที่จะมานั่งรวมกับเพื่อนร่วมทีมในซุ้มม้านั่งสำรอง
อูไน เอเมรี่ เฮดโค้ชอาร์เซน่อลได้พยายามกระตุ้นให้ ชาคา ออกมาขอโทษตั้งแต่หลังจบเกมเมื่อวันอาทิตย์ จนกระทั่งล่าสุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ชาคา ได้ออกแถลงการณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยอมรับว่าทำเรื่องไม่เหมาะสมต่อแฟนบอลที่ให้การสนับสนุนทีม
ใจความในแถลงการณ์ของ กรานิต ชาคา มีดังนี้
"หลังใช้เวลาไตร่ตรองถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อบ่ายวันอาทิตย์ ผมอยากอธิบายต่อพวกคุณแทนที่จะตอบโต้ในทันทีทันใด"
"เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างการเปลี่ยนตัวกระทบต่อผมอย่างมาก ผมรักสโมสรแห่งนี้และทุ่มเท 100 เปอร์เซ็นต์อยู่เสมอทั้งในและนอกสนาม"
"ความรู้สึกของผมซึ่งแฟนบอลไม่เข้าใจ และพูดจาดูถูกเหยียดหยามผมซ้ำแล้วซ้ำอีกในสนามและในสังคมออนไลน์ตลอดหลายสัปดาห์และหลายเดือนได้สร้างความเจ็บปวดให้ผมอย่างที่สุด"
"มีหลายคนพูดประมาว่า 'เราจะหักขานาย', 'ฆ่าภรรยาของนาย' และ 'ขอให้ลูกสาวนายเป็นมะเร็ง' สิ่งเหล่านี้มันทิ่มแทงผมจนทนไม่ไหว และผมก็ถึงจุดระเบิดตอนที่ผมรู้สึกเหมือนโดนปฏิเสธในสนามเมื่อวันอาทิตย์"
"ในสถานการณ์แบบนี้ ผมไม่ได้ควบคุมอารณ์ตัวเองได้และตอบโต้ไปในแนวทางที่ขาดความเคารพต่อแฟนบอลกลุ่มที่สนับสนุนสโมสรของเรา ทีมของเรา และตัวผมด้วยพลังในเชิงบวก การกระทำนั้นไม่ได้เป็นความตั้งใจของผม และผมอยากขอโทษหากนั่นคือสิ่งที่แฟนบอลคิด"
"ความปรารถนาของผมคือการกลับไปในจุดที่มีความเคารพซึ่งกันและกัน จดจำว่าทำไมเราถึงหลงรักเกมการแข่งขันนี้ในครั้งแรก จงเดินหน้าไปร่วมกันอย่างมองโลกในแง่บวก”
.....
การออกมาขอโทษในเชิงแถลงการณ์ของ กรานิต ชาคา มีหลายประเด็นให้ได้ขยายความกันต่อ
ประเด็นแรก การขอโทษต่อแฟนบอลเป็นสิ่งที่สมควรทำแล้วไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจจริงส่วนตัว หรือเป็นสิ่งที่ได้รับการบอกกล่าวย้ำเตือนให้ทำจากคนอื่นก็ตาม
การปล่อยให้สถานการณ์ร้อนระอุต่อไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่ออกมาชี้แจง ไม่ออกมาขอโทษ หรือทำให้อุณหภูมิลดลง มีแต่จะทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงไปอีก อีกทั้งถูกมองได้ว่าไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง
อาจผ่านไปนานถึง 4 วันถึงออกมาขอโทษพร้อมให้เหตุผลว่าอยากใช้เวลาทบทวน ไตร่ตรอง มากกว่าการตอบโต้ทันทีทันใด แต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าปิดปากเงียบต่อไป
ประเด็นต่อมาที่ถือว่าเป็นประเด็นสำคัญมากสำหรับแฟนบอลทุกคนคือ การแสดงความเห็นที่เกินเลยไปมาก
การวิจารณ์ผลงานและฟอร์มการเล่นของนักฟุตบอลเป็นสิ่งทำได้ แต่ควรมีเหตุมีผล วิจารณ์อย่างมีสติ ดียังไง ไม่ดียังไง อันไหนควรทำ อันไหนไม่ควรทำ
แต่การคุกคามไปถึงขั้นทำร้ายร่างกายและชีวิต และลุกลามไปถึงสมาชิกคนอื่นในครอบครัวเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจและไม่น่าให้อภัยแม้แต่นิด
คนอื่นของครอบครัวไม่มีส่วนรู้เห็นหรือต้องรับผิดชอบกับเหตุการณ์นี้ จึงไม่ควรถูกลากมาเกี่ยวข้องและทำให้ตกอยู่ในอันตรายจ่อก่อให้เกิดความรู้สึกหวาดกลัว ไม่ปลอดภัย
ความรู้สึกเคียดแค้นจนไร้สติแบบนี้ไม่ควรมีในสนามฟุตบอลและวงการกีฬา อันที่จริงต้องบอกว่าไม่ควรมีที่ยื่นในสังคมด้วยซ้ำเพราะเป็นจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่ความรุนแรงและอาจถึงขึ้นมีคนต้องเสียชีวิตจริงๆ
กรานิต ชาคา ยอมรับว่า ภัยคุกคามที่ลามถึงคนในครอบครัวและลูกสาวที่เพิ่งลืมตาดูโลกไม่นาน ผสมรวมเข้ากับปฏิกิริยาของแฟนบอลที่โห่ไล่ระหว่างถูกเปลี่ยนตัวออกล่าสุด ทำให้เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมออกไปแบบนั้น
ตรงนี้วิเคราะห์ได้ในแง่ของมนุษย์ทั่วไปที่ความอดทนมีขีดจำกัด เมื่อรู้สึกว่าเป็นฝ่ายถูกกระทำฝ่ายเดียวและไม่สมเหตุสมผล ทุกอย่างก็เลยระเบิดออกมาเป็นการตอบโต้ที่ดูรุนแรง เหมือนเอาน้ำมันราดบนกองไฟที่กำลังลุกโชน
อีกอย่างที่หลายคนวิเคราะห์คือ แถลงการณ์ของ กรานิต ชาคา ไม่ได้ทำให้รู้สึกคล้อยตามว่าเป็นการออกมาขอโทษแบบสำนักผิดจากใจจริงเท่าที่ควร เหมือนเป็นการเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากกว่า และมีคำว่าขอโทษเพียงแค่คำเดียว
นอกจากนี้ ในช่วง 2 วันหลังเหตุการณ์ ชาคา ก็เปลี่ยนโปรไฟล์รูปในอินสตาแกรมจากรูปในชุดอาร์เซน่อลเป็นรูปในชุดทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งถ้าดูจากประโยคแรกในแถลงการณ์ที่เจ้าตัวบอกว่าขอใช้เวลาในการไตร่ตรองถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนออกมาอธิบาย ก็เป็นสิ่งที่ย้อนแยงกับการกระทำในไอจีที่แสดงถึงพฤติกรรมไม่พอใจเพิ่มเติม และไม่ได้นิ่งเงียบเพื่อทบทวนเรื่องราวแบบจริงจัง
สิ่งที่ กรานิต ชาคา ต้องรู้และเข้าใจให้มากต่อจากนี้คือ แฟนบอลก็เหมือนคนบนโลกนี้ที่มาจากหลายพ่อพันธุ์แม่ การใช้ชีวิต การแสดงออกต่างๆ ย่อมไม่เหมือนกัน
แฟนบอลที่วิจารณ์อย่างมีเหตุมีผล และดูกีฬาเป็นกีฬาจริงๆ ก็มีเยอะ เช่นเดียวกับแฟนบอลที่เสียสติ มองอะไรมุมเดียวก็มีไม่น้อย ยิ่งกับยุคโซเชียลแบบนี้ การแสดงความเห็นยิ่งทำได้ง่ายและไม่ต้องรับผิดชอบอะไร เหมือนปัสสาวะใส่หน้าบ้านคนอื่นแล้วเดินปัดตูดหนีอย่างไม่สะทกสะท้าน
ชาคา ต้องแยกแยกให้ได้ว่าอันไหนเป็นความเห็นที่มีประโยชน์ เป็นข้อแนะนำที่ดีเพื่อนำไปปรับปรุงตัวเอง และอันไหนเป็นความเห็น "ขยะ" ที่ไร้ค่าและมีแต่จะบั่นทอนจิตใจ
เราไม่สามารถควบคุมความคิดความเห็นของทุกคนบนโลกได้ สิ่งที่เราทำได้คือ ต้องรู้จักแยกแยะให้เป็น เลือกสิ่งที่ดีเข้าตัว และเขี่ยทิ้งในสิ่งที่ไม่ดี ไม่มีประโยชน์ที่จะเก็บมาคิดให้รกสมอง
หากอดทนไม่ไหวจริงๆ ก็เพียง "บล็อก" คนๆ นั้นไป จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายอีก หรือไม่ก็แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพราะทุกวันนี้มีกฎหมายที่คอยควบคุมการกระทำที่ไม่เหมาะสมต่างๆ บนสังคมออนไลน์อยู่แล้ว
กรานิต ชาคา ต้องทำอะไรต่อไปหลังออกมาขอโทษในครั้งนี้
อูไน เอเมรี่ ยังไม่ได้ออกมายืนยันว่าจะให้ ชาคา กลับมาลงสนามหรือไม่ในเกมพรีเมียร์ลีกวันเสาร์นี้ที่จะพบกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน หลังจากตัดชื่อออกในเกมคาราบาว คัพ ที่ไปเยือนลิเวอร์พูล เมื่อวันพุธที่ผ่านมา
แต่ตราบใดที่มีสัญญาอยู่กับทีม สิ่งที่ ชาคา ต้องทำคือก้มหน้าก้มตาฝึกซ้อมต่อไปเพื่อรักษาสภาพความฟิตของตัวเองและรอโอกาสได้กลับมาลงเล่น ต่อให้กำลังเผชิญกับความเจ็บปวดทางจิตใจอย่างมากก็ตาม
ส่วนตำแหน่งกัปตันทีมนั้น ก็ต้องยอมรับว่า กรานิต ชาคา ไม่เหมาะที่จะเป็นผู้นำทีมอีกต่อไปเพราะขาดคุณสมบัติที่สำคัญหลายอย่างหลังเหตุการณ์ล่าสุดที่ยอมรับเองว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
คนที่เป็นกัปตันทีม เป็นผู้นำคนต้องควบคุมสติให้ดีกว่าคนทั่วไปเพราะหากไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แล้ว จะไปนำใครได้? ไม่ต่างจากแม่ทัพในสงครามที่หากสติหลุดก่อนพลทหาร ก็คงยากที่จะเป็นผู้ชนะในสมรภูมิรบ
ชาคา ต้องยอมรับให้ได้หากมีการตัดสินให้ริบปลอกแขนกัปตันทีม ต่อให้ตัวเขาเองมั่นใจว่าคู่ควรกับตำแหน่งนี้ก็ตาม แฟนบอลหลายคนไม่ได้มองว่าเขาเป็นผู้เล่นที่เก่งกาจ สามารถแบกทีมได้ และมีความเป็นผู้นำ และด้วยสถานการณ์ที่เป็นตอนนี้ การที่ยังให้อดีตแข้งโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค เป็นกัปตันทีมต่อไปก็ไม่ต่างจากการเดินฝ่ากองไฟ
เมื่อได้โอกาสลงสนามอีกครั้ง กรานิต ชาคา ต้องใช้โอกาสนี้สยบเสียงวิจารณ์และกอบกู้ชื่อเสียงคืนมาให้ได้
อยู่ที่ตัวเองแล้วว่าจะทำได้หรือไม่
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT