เหตุผลที่ต้องปลดเอเมรี่
ต่อไปนี้คือเหตุผลที่อาร์เซน่อลต้องปลด อูไน เอเมรี่ และต้องทำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ผลการแข่งขันย่ำแย่
ในการแข่งขันฟุตบอลและกีฬาทุกชนิด "ผลการแข่งขัน" คือตัวชี้วัดพื้นฐานและเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ไม่ว่าคุณเล่นดีหรือเล่นแย่ แต่สุดท้ายก็ต้องดูผลลัพท์ที่เกิดขึ้น
เอเมรี่ ไม่สามารถพาทีมทำได้อย่างที่แฟนบอลอยากเห็นเพราะชนะเพียง 2 นัดจาก 9 นัดหลังสุดในลีก และตกรอบบอลถ้วยคาราบาว อีกต่างหาก
ย้อนไปในปลายฤดูกาลที่แล้ว ผลงานของอาร์เซน่อลเริ่มดิ่งเหวให้เห็นจนหลุดท็อปโฟร์ทั้งที่มีโอกาสอยู่ในมือ แถมแพ้แบบลุ้นไม่ขึ้นในรอบชิงชนะเลิศยูโรปา ลีก ทำให้พลาดตั๋วยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน
ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา อาร์เซน่อล มีการเสริมทัพน่าจับตามองซึ่งเมื่อเทียบกับขนาดของการลงทุนแล้วก็ต้องยอมรับว่าได้ผลการแข่งขันที่น่าผิดหวังอย่างมาก
ตอนนี้อาร์เซน่อลอยู่ห่างท็อปโฟร์ 6 คะแนน ยังไม่มากเกินไป หากได้โค้ชใหม่เข้ามาเร็วก็มีเวลามากพอในการแก้ไขสถานการณ์ อีกทั้งได้มีโอกาสปรับเปลี่ยนขุมกำลังเพิ่มเติมในตลาดหน้าหนาวเดือนมกราคมนี้
ขุมกำลังอาร์เซน่อลชุดนี้ไม่ได้แย่ แนวรุกมีผู้เล่นชั้นดีเป็นตัวเลือก รอแค่ใครสักคนมาช่วยผลักดันไปในทิศทางที่ถูกต้อง
ฟอร์มการเล่นน่าผิดหวัง
นอกจากผลการแข่งขันที่น่าละเหี่ยใจแล้ว ฟอร์มการเล่นของอาร์เซน่อลในตอนนี้ก็น่าผิดหวังเกินรับได้
ไม่มีนัดใดในลีกฤดูกาลนี้ที่อาร์เซน่อลเล่นได้ดีและเก็บชัยชนะได้สบายๆ พวกเขาเก็บชัยชนะได้ 4 นัดแต่เป็นการชนะด้วยความต่างประตูเดียวและหืดจับทุกนัดไม่ว่าจะเป็นชนะ นิวคาสเซิ่ล 1-0, ชนะ เบิร์นลี่ย์ 2-1, ชนะ แอสตัน วิลล่า 3-2 และชนะ บอร์นมัธ 1-0 ซึ่ง 3 นัดหลังเป็นเกมในบ้านอีกต่างหาก
ในเกมที่ปล่อยให้ วัตฟอร์ด, คริสตัล พาเลซ และ วูล์ฟแฮมป์ตัน ไล่ตีเสมอก็ไม่อยู่ในสภาพที่ดี หากเล่นต่ออีก 10 นาทีอาจถึงขึ้นแพ้ได้เลย
ผลเสมอนัดล่าสุดกับ วูล์ฟแฮมป์ตัน มีจุดที่น่ากังวลเหมือนคือปล่อยให้คู่แข่งหาโอกาสยิงได้ถึง 25 ครั้ง ขณะที่อาร์เซน่อลกับการเล่นในบ้านตัวเองแท้ๆ กลับหาโอกาสได้เพียง 10 ครั้งเท่านั้น
ทุกคนคงไม่ลืมวันที่โดน วัตฟอร์ด ทีมที่เพิ่งเปลี่ยนโค้ชและรั้งตำแหน่งบ๊วยของตารางบุกเข้าใส่จนหลังพิงฝาและได้โอกาสลุ้นยิงมากถึง 31 ครั้ง เป็นสถิติที่น่าตกใจอย่างยิ่ง
อาร์เซน่อล เคยได้รับการยกย่อง ได้รับคำชมถึงแนวทางการเล่นในสมัย อาร์แซน เวนเกอร์ แต่ตอนนี้พวกเขาทำตัวเองให้ห่างไกลจากจุดนั้นอย่างมาก ไม่ใกล้เคียงแม้แต่นิด
อูไน เอเมรี่ ต้องการเซตเกมให้พร้อมเล่นโต้กลับ แต่แท็กติกที่เลือกใช้มีปัญหาอย่างมาก การเล่นไร้ประสิทธิภาพ ไม่มีจินตนาการ ขาดความแน่นอน และผิดพลาดได้ง่าย ถ้าเป็นมวยก็เป็นมวยที่ "คางเปราะ" อย่างมาก โดนหมัดจังๆ สักครั้งเป็นต้องร่วง
เอเมรี่ มีปัญหาบริหารจัดการนักเตะในทีม
เกมรับห่วยแตก
อาร์เซน่อลเสียไป 51 ประตูในลีกฤดูกาลสุดท้ายของ อาร์แซน เวนเกอร์ สิ่งที่แฟนบอลอยากเห็นการแก้ไขในยุค อูไน เอเมรี่ ก็คือเรื่องเกมรับ
ทว่าฤดูกาลแรกของ เอเมรี่ ก็เสียไป 51 ประตูเช่นกัน แฟนบอลอาร์เซน่อลต้องรอจนถึงกลางเดือนเมษายนเลยทีเดียวที่ทีมสามารถเก็บคลีนชีตนัดแรกนอกบ้านได้
เอเมรี่ ล้มเหลวอย่างมากในการปรับปรุงเกมรับให้ดีขึ้น ฤดูกาลนี้ผ่านมา 11 นัดก็เสียไปแล้ว 15 ประตู มีเพียงเชลซีที่เสียประตูมากกว่าในกลุ่มครึ่งบนของตาราง ทว่าทีมของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด มีทิศทางการเล่นที่ก้าวหน้ากว่ามาก
จาก 11 นัดที่ผ่านมา อาร์เซน่อล เก็บคลีนชีตได้เพียง 2 นัดเท่านั้นคือนัดเปิดสนาม และเบียดชนะ บอร์นมัธ 1-0
การเสียประตูมากมายและเปิดโอกาสให้คู่แข่งหาโอกาสยิงเป็นว่าเล่นคือปัญหาใหญ่ของ เอเมรี่ ที่ไม่สามารถหาทางแก้ไขได้
อาร์เซน่อล มีผู้รักษาประตูที่ดีอย่าง แบรนด์ เลโน่ นาทวารดีกรีทีมชาติเยอรมัน ทว่าในแต่ละนัดกลับถูกทดสอบฝีมือหลายต่อหลายครั้ง
มีสถิติน่าตกใจระบุว่าในฤดูกาลนี้ มีเพียง แอสตัน วิลล่า และ นอริช ซิตี้ ที่ปล่อยให้คู่แข่งได้ลุ้นยิงมากกว่าอาร์เซน่อล
ฤดูกาลที่แล้ว อาร์เซน่อล เปิดช่องให้คู่แข่งได้ยิง 13.1 ครั้งต่อนัด มาฤดูกาลนี้แย่ยิ่งกว่าเดิมด้วยตัวเลข 16.3 ครั้งต่อนัด
แท็กติกและการจัดตัวสับสน
อูไน เอเมรี่ คุมทีมมา 18 เดือน แต่ไม่สามารถสร้างแนวทางการเล่นที่ชัดเจนให้เกิดขึ้นกับอาร์เซน่อลชุดนี้ได้เลย มิหนำซ้ำยังเปลี่ยนแท็กติก เปลี่ยนทีมในทุกสัปดาห์
ฤดูกาลที่แล้ว เอเมรี่ ปรับการเล่นแนวรับสลับไปมาระหว่าง "หลังสาม" และ "หลังสี่" มาถึงฤดูกาลนี้ยึดการเล่นแบ็กโฟร์ แต่ตรงกลางที่อยู่หน้าแผงหลังก็ปรับแล้วปรับอีกจนวุ่นวายไปหมด
บางครั้งเล่นระบบกองกลาง 3 คน มี กรานิต ชาคา อยู่ตรงกลางและยืนต่ำกว่าอีก 2 คนซึ่งเป็นระบบที่ถูกตีแตกได้ง่ายในหลายครั้งเพราะ ชาคา ไม่ใช่ตัวรับธรรมชาติ
แท็กติกตรงกลางที่น่าจะเหมาะกับอาร์เซน่อลคือ 4-2-3-1 เพราะจะมีอีกคนคอยช่วยซ้อน ชาคา และสามารถไล่บอลได้ ทว่า เอเมรี่ เลือกใช้แท็กติกนี้น้อยมาก
การเลือกใช้งาน ลูคัส ตอร์เรร่า เป็นสิ่งที่ทำความเข้าใจได้ยาก อาร์เซน่อล มองหาผู้เล่นในสไตล์แบบนี้มานานหลายปีนับตั้งแต่หมดยุคของ ปาทริค วิเอร่า หรือ จิลแบร์โต้ ซิลวา แต่พอได้มาร่วมทีมแล้วกลับใช้งานผิดวัตถุประสงค์
เอเมรี่ พยายามปรับให้ ตอร์เรร่า ขยับขึ้นสูงกว่าเดิมเพื่อให้มีบทบาทในเกมรุกมากขึ้นเหมือนเช่น อันโตนิโอ คอนเต้ ทดลองทำกับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้
เช่นเดียวกับการปฏิบัติต่อ เมซุต โอซิล ที่ถูกดองไปหลายสัปดาห์ทั้งที่เป็นผู้เล่นที่มีคุณภาพสูงในการสร้างสรรค์เกมรุก และเมื่อไม่เลือกใช้งาน โอซิล แล้ว เอเมรี่ ก็ไม่สามารถหาคนอื่นทำหน้าที่ตรงนี้ได้เลย
อาร์เซน่อล ปล่อยให้คู่แข่งได้ยิงมากถึง 16.3 ครั้งต่อนัด
การสื่อสารและความสัมพันธ์กับแฟนบอล
มีข่าวออกมาโดยตลอดในช่วงหลังว่า นักเตะอาร์เซน่อลไม่เข้าใจในแท็กติกของ อูไน เอเมรี่ ซึ่งนอกเหนือจากความสับสนในการทำทีมจริงๆ แล้ว "ภาษา" และการถ่ายทอดคือปัญหาสำคัญเลย
เอเมรี่ พยายามฝึกภาษาอังกฤษมาโดยตลอดนับตั้งแต่ย้ายมาคุมทีมในซัมเมอร์ 2018 แต่ก็ต้องยอมรับว่าการสื่อสารของกุนซือชาวสเปนยังไม่ดีขึ้นมากนัก นักข่าวอังกฤษก็ไม่สามารถ่ายทอดในสิ่งที่ เอเมรี่ ต้องการสื่อได้อย่างชัดเจน
บูคาโย่ ซาก้า ดาวรุ่งของอาร์เซน่อลเคยออกมายอมรับว่าต้องถาม เฟร็ดดี้ ลุงเบิร์ก อีกรอบเพราะไม่เข้าใจในคำสั่งของ เอเมรี่
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่อาร์เซน่อลจะดูสับสนเมื่อลงเล่นในสนามเพราะไม่ใช่ว่าทุกคนจะเข้าใจทุกอย่างตามที่ เอเมรี่ บอกกล่าว
นอกจากนี้ ความสัมพันธ์กับแฟนบอลของ อูไน เอเมรี่ ก็ไม่อยู่ในด้านบวก การตัดสินใจของเขาหลายครั้งทั้งกรณีของ กรานิต ชาคา และ เมซุต โอซิล ต่างล้วนขัดหูขัดตาแฟนบอล
การเลือก "ส่ง" หรือ "ไม่ส่ง" ผู้เล่นลงสนามเป็นอำนาจการตัดสินใจที่ เอเอเมรี่ มีสิทธิ์ทำได้ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานความสมเหตุสมผลซึ่งแฟนบอลส่วนใหญ่ต่างรู้สึกว่า เอเมรี่ อคติกับการไม่เลือกใช้งาน โอซิล และ เอเมรี่ เองก็ไม่เคยออกมาอธิบายชัดเจนเลยว่าทำไม
เมื่อผลการแข่งขันและฟอร์มการเล่นไม่เป็นตามที่แฟนบอลต้องการ พวกเขาจึงพุ่งเป้าโจมตี เอเมรี่ ได้ง่าย ไม่มีมุมแบบเห็นอกเห็นใจเพราะที่ผ่านมา เอเมรี่ ไม่ทำตัวให้ได้ใจแฟนบอล
และอีกอย่างที่แย่ก็คือ การมองโลกสวยเกินไป และไม่ดูตามความเป็นจริง
หลังจบนัดล่าสุดที่เสมอ วูล์ฟแฮมป์ตัน 1-1 เอเมรี่ กล่าวหลังเกมว่า "ผลการแข่งขันถือว่าแย่ แต่ในด้านแท็กติก ผมคิดว่าเราทำได้อย่างที่ต้องการ"
คงไม่ต้องย้ำอีกครั้งว่า ในนัดดังกล่าว อาร์เซน่อล หาโอกาสยิงได้เพียง 10 ครั้งไม่ถึงครึ่งกับที่ทีมเยือนวูล์ฟแฮมป์ตันทำได้ด้วยซ้ำ
"ลากา" กับ "โอบา" ลังเลเรื่อสัญญาใหม่
2 หัวหอกลังเลต่อสัญญา
อาร์เซน่อล พยายามต่อสัญญาฉบับใหม่กับ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง และ อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ แต่การเจรจาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ
สองหัวหอกตัวเก่งต้องการเล่นในยูฟ่า แชมปี้ยนส์ ลีก ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ทั้งคู่ชะลอการตัดสินใจออกไปเพราะไม่อยากผูกมัดตัวเองเอาไว้กับอาร์เซน่อลทีมเดียวซึ่งเท่ากับเป็นการปิดทางเลือกในอนาคตของตัวเอง
โอบาเมย็อง คือผู้เล่นคนสำคัญของอาร์เซน่อล ผลงานที่เพิ่งยิงได้ครบ 50 ประตูจากการลงสนามเพียง 78 นัด บ่งบอกถึงคุณภาพได้อย่างดี
หากอาร์เซน่อลพลาดตั๋วยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกในฤดูกาลนี้ พวกเขาก็จะสุ่มเสี่ยงกับสถานการณ์ที่อาจเสียกองหน้าที่ดีที่สุดคนหนึ่งของทีมในยุคพรีเมียร์ลีกเพราะเมื่อเข้าสู่ฤดูกาล 2020/21 สัญญากับ โอบาเมย็อง ก็จะเหลือกับทีมเพียงปีเดียวเท่านั้น
เช่นเดียวกับ อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ ที่เป็นอีกหนึ่งกองหน้าคุณภาพของทีม แม้ที่ผ่านมาจะมีอาการบาดเจ็บรบกวนบ่อยครั้ง แต่ทุกครั้งที่อยู่ในสนามก็เป็นความหวังให้กับทีมได้ตลอด
สัญญาของ ลากาแซ็ตต์ เหลืออีกเพียง 2 ปี แน่นอนว่าหลายทีมทั่วยุโรปกำลังจับจ้องสถานการณ์ของเจ้าตัวอย่างใกล้ชิด ไม่ต่างจาก โอบาเมย็อง
อาร์เซ่อล มีกองหน้าชั้นดีในทีมถึง 2 คน แต่สุ่มเสี่ยงที่จะเสียออกจากทีมหากไม่สามารถคว้าตั๋วแชมเปี้ยนส์ ลีก ได้อีก
ด้วยผลงานลุ่มๆ ดอนๆ และอนาคตที่ง่อนแง่นของ เอเมรี่ ทำให้ทั้ง โอบาเมย็อง และ ลากาแซ็ตต์ อยากรอดูสถานการณ์ต่อไปอีกสักระยะก่อนตัดสินใจเรื่องอนาคตอีกที
ถ้าเวลาผ่านไปเรื่อยๆ และสัญญาเหลือน้อยลงกว่าเดิม อาร์เซน่อลอาจพบบทสรุปเหมือนเดิมอีกครั้งคือ จำต้องปล่อยตัวหลักออกไปในราคาสุดถูกหรือไม่ก็เสียฟรี ไม่ได้อะไรกลับมาเลย
อาร์เซน่อล ต้องรีบตัดสินใจปลด อูไน เอเมรี่ ออกจากตำแหน่งก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT