ภารกิจในเล้าไก่ของ "มู"
สเปอร์ส เปลี่ยนแปลงแบบสายฟ้าฟาดปลด เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ออกจากตำแหน่งและคล้อยหลังไม่กี่ชั่วโมงก็ประกาศตั้ง โชเซ่ มูรินโญ่ เข้ามารับตำแหน่งแทน
การตอบรับคุม "ไก่เดือยทอง" ชั่วโมงนี้ มีภารกิจหรือโจทย์อะไรรอ โชเซ่ มูรินโญ่ กันบ้าง เราจะมาไล่เรียงกัน
1. พาทีมพลิกฟอร์มให้ได้
สเปอร์ส ออกสตาร์ทฤดูกาลนี้ได้ย่ำแย่ชนะในลีกเพียง 3 นัดจาก 12 นัดแรก และชัยชนะนัดล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 28 กันยายน หรือเกือบ 2 เดือนเต็ม
หลังพ่ายคาบ้านต่อ นิวคาสเซิ่ล ในเดือนสิงหาคม ฟอร์มการเล่นของสเปอร์สก็ทรงๆ ทรุดๆ และไม่ชนะเกมลีกนอกบ้านนับตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา
นัดแรกของ โชเซ่ มูรินโญ่ คือพาทีมบุกเยือน เวสต์แฮม ในศึกลอนดอน ดาร์บี้แมตช์ หากชนะได้จะเป็นชัยชนะนอกบ้านนัดแรกในรอบ 10 เดือนของทีมเลยทีเดียว
โชเซ่ มูรินโญ่ ได้ร่วมงานกับ แฮร์รี่ เคน
2. สไตล์การเล่น
ในหลายปีหลัง สเปอร์ส ยกระดับการเล่นในสไตล์เพรสซิ่งวิ่งสู้ฟัดขึ้นมาได้อย่างมาก และดูจะเป็นแนวทางการเล่นที่เหมาะกับพวกเขา หากไม่นับช่วง 12 เดือนหลังสุดที่คุณภาพตรงนี้ดร็อปลงไป
การเล่นสไตล์นี้ไม่ใช่สไตล์ที่ โชเซ่ มูรินโญ่ สร้างชื่อ แต่สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้และเป็นเป้าหมายระยะสั้นคือ การคว้าผลการแข่งขันที่ต้องการให้ได้ก่อน
ในระยะยาว มูรินโญ่ ต้องสร้างสเปอร์สให้เป็นทีมเกมรุกอย่างที่แฟนบอลคุ้นเคยซึ่งหากทำไม่ได้ มูรินโญ่ อาจไม่ได้อยู่ในตำแหน่งครบสัญญา
3. เอาชนะเสียงวิจารณ์
การตกลงคุมทีม สเปอร์ส ของ โชเซ่ มูรินโญ่ ก่อให้เกิดกระแสต่างๆ มากมายในหมู่แฟนบอลไก่เดือยทองเอง และแฟนบอลทั่วไปทั้งเรื่องของสไตล์การเล่น การบริหารจัดการทีมที่มีอารมณ์เกรี้ยวกราดบ่อยครั้งเหมือนช่วงท้ายที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด
กิริยาท่าทางท่าทางและการรับมือกับสื่อของ มูรินโญ่ ต่างกันลิบลับกับ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ซึ่งแทบจะไม่วิจารณ์ลูกทีมออกสื่อเหมือนเช่นกุนซือโปรตุกีส
มูรินโญ่ จำเป็นต้องปรับท่าทีของตัวเองให้นิ่มนวลลงเพื่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีในแรกเริ่มกับแฟนบอลสเปอร์สซึ่งแน่นอนว่าหลายคนก็ไม่เห็นด้วยกับการมาของอดีตกุนซือแมนฯ ยูไนเต็ด
สิ่งที่น่าติดตามก็คือ โชเซ่ มูรินโญ่ กับตำแหน่งผู้จัดการทีมสเปอร์ส จะเป็นคนที่เคยได้แชมป์พรีเมียร์ลีกได้ถึง 3 สมัย หรือเป็นอีกคนที่ตรงข้าม
4. เค้นฟอร์มของ อัลลี่ และ เอริคเซ่น ออกมาอีกครั้ง
ช่วงที่สเปอร์สทำผลงานได้ดีในยุค โปเช็ตติโน่ ฟอร์มการเล่นของ เดเล่ อัลลี่ กับ คริสเตียน เอริคเซ่น คือเบื้องหลังสำคัญไม่แพ้การถล่มประตูของ แฮร์รี่ เคน และ ซน ฮึง-มิน
อย่างไรก็ตาม ฤดูกาลนี้ อัลลี่ และ เอริคเซ่น ไม่ได้มีผลงานเปรี้ยงปร้างอย่างที่เคยเป็น และต่างต้องการจุดเปลี่ยนสำคัญเพื่อเค้นเอาศักยภาพที่มีออกมาให้ได้
มูรินโญ่ จะเป็นคนที่เข้ามาจุดไฟในการเล่นของ อัลลี่ และ เอริคเซ่น ให้กลับมาลุกโชนอีกครั้งได้หรือไม่โดยเฉพาะในรายของจอมทัพทีมชาติเดนมาร์กที่เหลือสัญญาถึงเพียงจบฤดูกาล และกำลังถูกตั้งคำถามถึงความมุ่งมั่นในการลงสนาม
อัลลี่ ฟอร์มวูบน่าใจหายในฤดูกาลนี้
5. ขันเกมรับให้แน่น
ใน 3 ฤดูกาลหลังสุด สเปอร์ส มีเกมรับดีสุดอันดับ 3, 3 และ 1 ซึ่งเป็นสิ่งที่ต่างเหลือเกินเมื่อมองดูในฤดูกาลนี้กับตัวเลข 17 ประตูที่เสียไปใน 12 นัดแรก
สเปอร์ส ปล่อยให้คู่แข่งได้โอกาสยิงมากกว่าช่วงเดียวกันของฤดูกาลที่แล้วถึง 2 เท่า และเก็บคลีนชีตได้เพียงนัดเดียวเท่านั้น
แยน แฟร์ต็องเก้น มีฤดูกาลที่ยากลำบากและเริ่มโรยรา ขณะที่ตำแหน่งแบ็กขวาก็ไม่มีใครที่อยู่ในคุณภาพใกล้เคียงกับ คีแรน ทริปเปียร์ ที่ถูกขายไปให้ แอต.มาดริด ในช่วงซัมเมอร์
โชเซ่ มูรินโญ่ เป็นคนที่ได้ขึ้นชื่อในเรื่องเกมรับอยู่แล้ว ฤดูกาล 2017/18 แมนฯ ยูไนเต็ด ของ มูรินโญ่ เสียไปเพียง 28 ประตูเท่านั้น ดังนั้นการขันเกมรับให้แน่นขึ้นจึงเป็นสิ่งที่แฟนบอลสเปอร์สตั้งความหวังกับกุนซือชาวโปรตุกีสคนนี้ไม่น้อย
6. จัดการกับปัญหาสัญญาของตัวหลัก
หนึ่งในเรื่องน่าปวดหัวสำหรับ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ คือการที่สัญญาของ 3 แกนหลักอย่าง คริสเตียน เอริคเซ่น, แยน แฟร์ต็องเก้น และ โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์ ล่วงเลยเข้าสู่ฤดูกาลสุดท้ายและเหลืออีกไม่กี่เดือนนับจากนี้
มูรินโญ่ ต้องตัดสินให้เด็ดขาดว่าทั้งสามจะอยู่ในแผนการทำทีมของตัวเองหรือไม่ หากคิดว่าทั้งหมดคือแกนหลักก็ต้องหาทางโน้มน้าวใจให้ต่อสัญญาให้ได้ และเพื่อเป็นการยุติข่าวลือเกี่ยวกับอนาคต
มูรินโญ่ เคยชื่นชอบ อัลเดอร์ไวเรลด์ อย่างมากสมัยคุม แมนฯ ยูไนเต็ด แต่ตอนนี้ความรู้สึกนั้นยังเหมือนเดิมหรือไม่?
7. คว้าแชมป์ให้ได้
ในการแถลงข่าวก่อนเกมนัดแรกที่จะไปเยือน เวสต์แฮม ในสุดสัปดาห์นี้ โชเซ่ มูรินโญ่ ยอมรับว่า สเปอร์ส คงไม่สามารถลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ได้ แต่ฤดูกาลนี้มีโอกาสหน้า
การเป็นแชมป์คืออีกจุดที่หลายคนวิเคราะห์ว่าเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ โปเช็ตติโน่ หลุดตำแหน่งเพราะแม้ผลงานในภาพรวมจะมีทิศทางที่โอเค แต่ตลอด 5 ปีครึ่งในตำแหน่ง กุนซือชาวอาร์เจนไตน์ไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์รายการใดๆ ได้เลย
ตลอด 20 ปีหลังสุด สเปอร์ส มีเพียงแชมป์ลีก คัพ ในปี 2008 เชยชม ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับทีมใหญ่ด้วยกัน ส่วนแชมป์ลีกสูงสุดที่ได้ครั้งล่าสุดต้องย้อนไปในปี 1961 หรือเกือบหกสิบปีเข้าให้แล้ว
ในแง่ถ้วยรางวัล มูรินโญ่ ประสบความสำเร็จได้แชมป์ไม่ต่ำกว่า 25 รายการตลอดอาชีพโค้ชที่เริ่มประสบความสำเร็จตั้งแต่สมัยคุม ปอร์โต้ ต่อด้วย เชลซี, อินเตอร์ มิลาน, เรอัล มาดริด และกลับมาเชลซี อีกรอบ หรือกระทั่งล่าสุดกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังมีแชมป์ยูโรปา ลีก
ความเป็นไปได้ของ สเปอร์ส กับการมีแชมป์ติดมือในฤดูกาลนี้อยู่ที่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และเอฟเอ คัพ ขณะที่ คาราบาว คัพ ตกรอบไปแล้ว
สเปอร์ส ได้แชมป์ล่าสุดคือ ลีก คัพ ปี 2008
8. สร้างทีมด้วยงบประมาณจำกัด
โชเซ่ มูรินโญ่ อาจได้รับคำมั่นสัญญามีเงินให้เสริมทัพในตลาดหน้าหนาวและซัมเมอร์ แต่ด้วยการที่ สเปอร์ส มีหนี้จากการสร้างสนามใหม่ให้ต้องชำระ งบประมาณในการซื้อผู้เล่นใหม่จึงไม่มีทางมากเท่าหลายทีมที่ มูรินโญ่ เคยคุมก่อนหน้านี้
มูรินโญ่ ใช้เงินผู้นักเตะ 317 ล้านปอนด์ตอนคุม แมนฯ ยูไนเต็ดซึ่งมากกว่าเกือบ 3 เท่าที่ โปเช็ตติโน่ ใช้ตลอด 5 ปีครึ่งที่คุมทีม
กุนซือป้ายแดงสเปอร์ส ยกย่องทีมว่าทีมชุดนี้ความแข็งแกร่ง อีกทั้งมีดาวรุ่งหลายคนฝีเท้าดี แต่ลึกๆ แล้วเขารู้ดีว่าทีมจำเป็นต้องเสริมทัพในเกมรับ เช่นเดียวกับเกมรุกที่ต้องหาคนช่วยแบ่งเบาภาระของ แฮร์รี่ เคน
ทว่าโจทย์ในครั้งนี้ของ มูรินโญ่ ต่างออกไปเพราะเขาจะมีเงินในปริมาณที่ถูกกำหนดเอาไว้สำหรับใช้จ่าย ทำให้ไม่สามารถทุ่มซื้ออย่างที่เคยทำได้
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT