ผู้ป่วยเรื้อรัง
การลงสนามนัดล่าสุดไม่ใช่เพียงไม่ชนะ แต่แย่ถึงขั้นแพ้คาบ้านต่อ ไบรท์ตัน 1-2 ในเกมพรีเมียร์ลีกนัดกลางสัปดาห์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
นัดนี้เป็นการคุมทีมในบ้านนัดแรกของกุนซือขัดตาทัพ เฟร็ดดี้ ลุงเบิร์ก หลังประเดิมในเกมบุกเสมอ นอริช ซิตี้ 2-2
อดีตแข้งชุดไร้พ่ายวัย 42 ปี เปลี่ยนทีม 3 ตำแหน่งโดยเฉพาะ 2 จุดในเกมรับที่รั่วเหลือเกินในที่แคร์โรว โร้ด เมื่อสุดสัปดาห์
โซคราส ปาปาสตาโธปูลอส กับ เอคตอร์ เบเยริน ได้เล่นแทน ชโคดราน มุสตาฟี่ กับ คาลั่ม แชมเบอร์ส อีกจุด ลูคัส ตอร์เรร่า เสียบตรงในตำแหน่งของ มัตเตโอ เก็นดูซี่
ลุงเบิร์ก รู้ดีว่าต้องพาทีมเก็บ 3 คะแนนให้ได้รวมไปถึงเล่นให้ประทับใจแฟนบอลที่สถิติเข้ามาชมเกมในสนามมากสุดของฤดูกาลนี้ที่ 60,164 คน
แต่ ลุงเบิร์ก ก็ไม่สามารถทำได้อย่างตั้งใจ และอาร์เซน่อลก็ยังเป็นอาร์เซน่อลเหมือนเดิมแม้ว่าเปลี่ยนโค้ชไปแล้วก็ตาม
ตัวผู้เล่นของทีมมีชื่อเสียงมากกว่า ค่าเหนื่อยสูงลิบ ประวัติศาสตร์มากมาย และได้เล่นในบ้าน ทว่ากลับเป็น ไบรท์ตัน ที่เล่นในเกมของตัวเองได้อย่างต่อเนื่องและคู่ควรอย่างยิ่งกับการเก็บ 3 คะแนนกลับออกไปแม้บางคนอาจบอกว่าเป็นเรื่องพลิกล็อกก็ตาม
ลุงเบิร์ก จัดแนวรุกเซตเดิมคือ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง, โจ วิลล็อค และ เมซุต โอซิล ที่คอยสร้างสรรค์โอกาสอยู่ข้างหลัง อเล็กซองด์ ลากาแซตต์
ลุงเบิร์ก ถึงขั้นปวดหัวกับภารกิจนี้
ถ้าดูจากรายชื่อบนหน้ากระดาษก็แน่นอนว่า อาร์เซน่อล ดีกว่าเยอะ แต่เล่นจริงกลับไม่สามารถกดดันแนวรับไบรท์ตันได้เลย มีโอกาสยิงแบบประปรายไม่กี่ครั้ง ต่างจากทีมเยือนที่มีลุ้นในหลายจังหวะ
ไบรท์ตัน ฤดูกาลนี้ทำได้ดีขึ้นในเรื่องการครองบอล ไม่เสียบอลง่ายในเวลาที่ต่อบอลทำเกมรุก อีกทั้งแต่ละคนมีความมั่นใจในการเล่นมากโดยเฉพาะ อาร่อน มอย กับ อาร่อน คอนนอลลี่ ที่ป่วนเกมรับปืนใหญ่ได้ตลอด
เกมรับอาร์เซน่อลที่เปลี่ยน 2 จาก 4 ตำแหน่ง ไม่ได้แน่นหนาขึ้นแต่อย่างใด ยังมีช่อง มีพื่นที่ให้คู่แข่งโจมตีได้ตลอด
ไบรท์ตัน อาศัยการเล่นลูกเก่งในการตั้งแต่ทั้งหลายคอยโจมตีอาร์เซน่อลเพราะมีผู้เล่นรูปร่างใหญ่คอยเล่นลูกกลางอกาศในเขตโทษ ประตูแรกของทีมก็มาจากการเล่นลูกนิ่งและมีคนโหม่งชงก่อนบอลเด้งเข้าทาง แอนดี้ เว็บสเตอร์ ได้ซัดเน้นๆ เป็นประตูแรกของเกม
ทีมเยือนสมควรได้ประตูนำเพราะรูปเกมดีกว่า สร้างโอกาสได้มากกว่า และเล่นด้วยความมั่นใจ ต่างจากเกมรุกของปืนใหญ่ที่ขาดความต่อเนื่อง และการะประสานงานกันในแดนบนมีเพียงน้อย
มีสถิติน่าตกใจคือตลอด 45 นาทีแรก โอบาเมย็อง กับ ลากาแซ็ต์ ส่งบอลให้กันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
ขณะที่ โจ วิลล็อค เด็กปั้นของ ลุงเบิร์ก ที่ได้โอกาสตัวจริง 2 นิดติดก็ทำผลงานได้น่าผิดหวังเช่นเคย นอกจากลูกโหม่งท้ายครึ่งแรกแล้ว วิลล็อค ไม่มีประโยชน์เลยทั้งที่ได้เล่นตำแหน่งที่น่าจะมีส่วนร่วมในเกมอย่างมาก
วิลล็อค มีจังหวะได้บอลเปิดเกมรุก 5-6 ครั้งแต่ทำเสียตลอด โดนตอดโดนแซะก็ไปไม่เป็น จ่ายบอลง่ายๆ ก็ทำพลาด มีจังหวะหนึ่งตอนที่ โอบาเมย็อง โวยหนักเพราะจ่ายเสียก็คงเหลืออดแล้วจริงๆ
การเล่นในครึ่งแรกของอาร์เซน่อลจึงเหมือนต่อผู้เล่นให้ไบรท์ตัน 1 คน และเมื่อออกสตาร์ตครึ่งหลัง กองกลางดาวรุ่งก็ถูกถอดทันทีและมี นิโกล่าส์ เปเป้ ลงมาเล่นแทนซึ่งเป็นการเปลี่ยนที่ถูกต้องแล้วสำหรับ ลุงเบิร์ก
เกมในช่วง 15 นาทีแรกของครึ่งหลัง อาร์เซน่อล ทำได้ดีอย่างมาก ลุงเบิร์ก น่าจะกระตุ้นลูกทีมตอนพักครึ่งได้อย่างดี และก็สามารถตีเสมอได้จากลูกโหม่งของ ลากาแซ็ตต์
เกมรับเสียประตูเป็นว่าเล่น
แต่น่าเสียดายที่หลังจากตีเสมอได้ อาร์เซน่อล ไม่สามารถรักษาระดับการเล่นที่กำลังเริ่มมาให้มีความต่อเนื่อง
เมื่อการเล่นของอาร์เซน่อลลดระดับลง ไบรท์ตัน ก็ตั้งลำในเกมของตัวเองได้ สามารถสร้างโอกาสและด้วยการยิงได้อีกเพียบไม่ต่างจากอีกครึ่งแรกก่อนฉวยจังหวะนำอีกรอบจากการโหม่งของ นีล มัวเปย์ ที่ ดาวิด ลุยซ์ ควรจะประกบติดให้มากกว่านี้
โดนเข้าไปลูกนี้ อาร์เซน่อล เหมือนช็อกไปเลย และแม้จะเหลือเวลาอีก 10 นาทีรวมถึงทดเจ็บอีก 4 นาที แต่ก็ไม่สามารถตีเสมอได้
ไบรท์ตัน ไม่เคยบุกชนะทีม "บิ๊กซิกซ์" มาก่อนเลยตลอด 16 นัดก่อนหน้านี้โดยที่เป็นการแพ้ถึง 15 นัด ทว่าสามารถบุกชนะ อาร์เซน่อล ได้ที่เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม พร้อมกับสถิติที่เหนือกว่าในหลายอย่าง
ทีมเยือนภายใต้การนำของกุนซือ แกรม พ็อตเตอร์ หาโอกาสยิงตลอดทั้งเกมได้ถึง 20 ครั้ง เข้ากรอบ 9 ครั้ง ขณะที่ อาร์เซน่อล ได้ยิงเพียง 12 ครั้ง และเข้ากรอบเพียง 5 ครั้ง
เมื่อสถิติของ ไบรท์ตัน ทำได้ดีกว่า ฝ่ายที่แย่กว่าก็คือ อาร์เซน่อล
ทีมปืนใหญ่เล่นในบ้านฤดูกาลนี้ 8 นัด ชนะได้เพียง 3 นัดเท่านั้น แต่ที่น่าตกใจอีกอย่างคือปล่อยให้คู่แข่งยิงบอลตรงกรอบ 52 ครั้ง มากกว่าทุกทีมใน 5 ลีกใหญ่ยุโรป
ผ่านมาถึงตรงนี้ อาร์เซน่อล มีเพียง 19 คะแนนจาก 15 นัด อยู่ห่างจากโซนตกชั้นเพียง 5 คะแนน แต่ตามหลังจ่าฝูงลิเวอร์พูลมากถึง 24 คะแนน
การเปลี่ยนโค้ชจาก อูไน เอเมรี่ มาเป็นคนชั่วคราวอย่าง เฟร็ดดี้ ลุงเบิร์ก ยังไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้น เกมรุกไร้ประสิทธิภาพ ขณะที่เกมรับก็อ่อนหัดเสียประตูเป็นว่าเล่น
แนวทางการเล่นไม่มีทรง เจอทีมใหญ่ทีมเล็กก็แทบไม่ต่างกัน ต้องเป็นฝ่ายหลังพิงเชือกโดนบุกเข้าใส่เป็นพายุ วันไหนดีหน่อยก็มีแต้มติดมือ วันไหนแย่ก็อย่างที่เกิดขึ้นในนัดล่าสุด
สภาพตอนนี้ของอาร์เซน่อลจึงเหมือนผู้ป่วยที่มีหลายโรครุมเร้า หมอคนเก่าอย่าง เอเมรี่ ฝีมือไม่ถึง ไม่ได้รับหน้าที่ดูแลป่วยคนนี้อีก แต่หมอจำเป็นอย่าง ลุงเบิร์ก ก็ไม่รู้จะเริ่มรักษาตรงไหนดี ตรงนี้ก็เจ็บ ตรงนั้นก็ปวด ดูแล้วอาจจะเป็นเคสที่ต้องพึ่งยอดคุณหมอเท่านั้น
อาร์เซน่อล ต้องรีบหากุนซือคนใหม่มาคุมทีมให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่สารภาพตามตรง สภาพทีมตอนนี้ใครเห็นก็ต้องขยาด คิดแล้วคิดอีกว่าจะกล้ารับงานหรือไม่
ต่อให้หมอมือดีอย่าง เจอร์เก้น คล็อปป์ กับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็อาจปาดเหงื่อหากมาเจอผู้ช่วยที่ชื่อ "อาร์เซน่อล" นอนแผ่หราอยู่บนเตียง
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT