5 ประเด็นหลังปืนเจ๊าเบิร์นลี่ย์
ทีมปืนใหญ่เล่นได้ดีเพียง 15 นาทีแรกที่มีโอกาสลุ้นทำประตูขึ้นนำก่อน แต่ช่วงเวลาที่เหลือ เบิร์นลี่ย์ สามารถเล่นในเกมที่ตัวเองถนัดได้มากกว่าและน่าจะได้ประตูอย่างยิ่งจาก เจย์ โรดริเกซ ที่ซัดจ่อๆ ชนคานก่อนตกบนเส้น
ผลเสมอล่าสุดทำให้ อาร์เซน่อล ของ มิเกล อาร์เตต้า ยังอยู่เพียงอันดับ 10 ของตาราง และห่างพื้นที่ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 10 คะแนน ขณะที่เหลือการแข่งขันอีก 13 นัด
และนี่คือ 5 ประเด็นที่เกิดขึ้นจากนัดล่าสุด
1. เกมรุกไร้ประสิทธิภาพ
ในช่วงออกสตาร์ต อาร์เซน่อล ได้โอกาสทั้งจาก อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ และ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง แต่ก็พลาดไปหมดโดยเฉพาะรายหลังที่ได้ลุ้นยิง 3 ครั้งแต่หลุดกรอบไป 2 และติดมือ นิค โป๊ป นายทวารเบิร์นลี่ย์ที่รู้ทันว่า โอบาเมย็อง จะกระดกข้ามหัว
หลังผ่าน 15 นาทีไป เกมรุกของ อาร์เซน่อล ขาดความต่อเนื่องและไม่สามารถต่อบอลกดดันแนวรับเบิร์นลี่ย์ได้มากพอ เมซุต โอซิล จ่ายบอลในพื้นที่สุดท้ายได้ดีแต่ก็ไม่ได้มีลูกคิลเลอร์พาสให้เห็น ส่วน กาเบรีบล มาร์ติเนลลี่ ก็ไม่โดดเด่นเหมือนเกมกับ เชลซี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขาดคนที่เข้าขารู้ใจเป็นตัวสนับสนุนอย่าง บูคาโย่ ซาก้า ที่ถูกเปลี่ยนออกในครึ่งหลังเพราะบาดเจ็บ
ภารกิจหลักของ มิเกล อาร์เตต้า หลังเข้ามารับตำแหน่งคือปรับปรุงเกมรับให้ดีขึ้นซึ่งทำได้ดีขึ้นตามลำดับ ตลอด 9 นัดที่คุมทีมมีเพียงนัดเจอ เชลซี 2 นัดที่เสียเกิน 1 ประตู
ทว่าปัญหาตอนนี้คือเกมรุกที่สร้างสรรค์โอกาสได้น้อยและพอได้โอกาสแล้วก็ไม่มีความเฉียบขาดทำให้ อาร์เซน่อล กลายเป็นทีมที่เสมอไปแล้ว 13 นัด มากกว่าทุกทีมในลีกและมากสุดในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีกหลังผ่านไป 25 นัด
เกมรุกยิงประตูได้เพียง 32 ประตู น้อยกว่า แมนฯ ซิตี้ ถึงเท่าตัว และมีประตูได้-เสียติดลบ 2 อีกต่างหาก
โอบาเมย็อง พลาดโอกาส 3 ครั้งจะแจ้ง
2. ลากาแซ็ตต์ไม่เหมือนเดิม
เจาะจงปัญหาในเกมรุกให้เห็นชัดคือฟอร์มการเล่นของหน้าเป้าอย่าง อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ ที่เริ่มออกทะเลไปไกลมากในช่วงหลัง
ลากาแซ็ตต์ กำลังถูกวิจารณ์อย่างหนักที่ยิงประตูไม่ได้มาหลายนัด หากนับเฉพาะเกมลีกนอกบ้านที่ยิงได้ล่าสุดก็ต้องย้อนไปในเกมบุกชนะ ฮัดเดอร์สฟิลด์ 2-1 เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ ปี 2019 หรือนานหนึ่งปีเต็มเข้าให้แล้ว
ส่วนประตูล่าสุดที่ยิงให้ทีมได้ต้องย้อนไปเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ปีที่แล้ว แต่วันนั้น อาร์เซน่อล แพ้คาบ้านต่อ ไบรท์ตัน 1-2
นอกจากไม่ยิงประตูซึ่งถือว่างานพื้นฐานของกองหน้าอาชีพแล้ว การกดดันแนวรับและสร้างปัญหาให้กับกองหลังคู่แข่งก็มีน้อยทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยเป็นหนึ่งในหน้าเป้าที่ดีที่สุดในลีก แถม 2 ฤดูกาลก่อนก็เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมของสโมสรอีกต่างหาก
กับการเล่นในทีมระดับท็อปซิกซ์ ลากาแซ็ตต์ เพิ่งยิงไปเพียง 6 ประตูในลีกเท่านั้น หากไม่ได้ โอบาเมย็อง ช่วยยิงต่อเนื่องไปแล้ว 14 ประตูในฤดูกาลนี้ สถิติเกมรุกของ อาร์เซน่อล จะยิ่งน่าเกลียดมากกว่าน้
ลากาแซ็ตต์ หลุดฟอร์มในช่วงหลัง
3. มีปัญหากับลูกโด่ง
การเจอ เบิร์นลี่ย์ เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าต้องหาทางรับมือลูกกลางอากาศให้ได้เพราะนี่คือจุดแข็งในการทำทีมของ ฌอน ไดช์
ไดช์ ไม่ได้ลูกเล่นพลิกแพลงอะไรมากในการโจมตีคู่แข่ง เขาเล่นในสิ่งที่ถนัดมากที่สุดคือให้ริมเส้นทั้งปีกและแบ็กหาทางครอสส์บอลเข้าเขตโทษให้ได้เพราะมี คริส วู้ด ที่สูงใหญ่คอยปักหลักทั้งลุ้นโหม่งทำประตูและโหม่งชงให้เพื่อน
อาร์เซน่อล แทบไม่สามารถป้องกันลูกบอมบ์กลางอากาศของ เบิร์นลี่ย์ ได้เลย เจ้าถิ่นได้โหม่งแทบทุกครั้งที่เปิดเข้าไป ขาดเพียงความเฉียบคมเท่านั้นที่จะยิ่งสร้างความแตกต่างให้เห็นชัดมากกว่านี้
มิเกล อาร์เตต้า บ่นหลังเกมว่าลูกทีมน่าจะป้องกันการเปิดลูกโด่งได้ดีกว่านี้ เช่นเดียวกับการไม่เสียฟาวล์ในลูกตั้งเตะตามจุดต่างๆ เพราะนั่นไม่ต่างจากการเชื้อเชิญให้คู่แข่งใช้อาวุธที่ถนัดที่สุดเข้าโจมตี
ลูกโด่งเบิร์นลี่ย์เล่นงานอาร์เซน่อลได้ตลอด
4. ชาคา & เก็นดูซี่ ไม่ใช่ส่วนผสมที่ลงตัว
มิเกล อาร์เตต้า เลือกปรับมิดฟิลด์คู่กลางด้วยการถอด ลูคัส ตอร์เรยร่า ออกแล้วส่ง มัตเตโอ เก็นดูซี่ ลงตัวจริงเล่นแทน กรานิต ชาคา ทั้งที่คู่ของ ตอร์เรยร่า-ชาคา กำลังทำผลงานร่วมกันได้ดีอยู่แล้ว
ดูในภาพรวม เก็นดูซี่ มีความขยัน วิ่งพล่านทั้งเกมรุกและเกมรับ แต่หากวิเคราะห์กันจริงๆ จะเห็นว่าการเล่นของกองกลางดาวรุ่งชาวฝรั่งเศสยังไม่เข้าใจเกมมากนัก หลายครั้งตีรถเปล่าแบบเปลืองแรง
เทียบความนิ่งในการคุมแดนกลางแล้ว ตอร์เรยร่า กินขาดกว่าเยอะเพราะทำให้เกมมีสมดุล ไม่เร็ว ไม่ช้าเกินไป ต่างจาก เก็นดูซี่ ที่ดูลุกลี้ลุกลนจนทำให้การเล่นร่วมกับ ชาคา ไม่มีความต่อเนื่อง และสะดุดบ่อย
เก็นดูซี่ เป็นดาวรุ่งที่มีพรสวรรค์ แต่ยังไม่เข้าการเล่นดีนัก และยิ่งมาจับคู่กับ ชาคา ก็ยิ่งขาดความลงตัว และทำให้แดนกลางของ อาร์เซน่อล ไม่สามารถคอนโทรลเกมได้
5. โอบาเมย็อง ต้องเล่นหน้าเป้า
ในเวลาที่ทั้ง อเล็กซองด์ ลากาแซ็ตต์ กับ ปิแอร์-เอเมอริค โอบาเมย็อง พร้อมเป็นตัวเลือกทั้งคู่ โอบาเมย็อง มักถูกถ่างออกไปเล่นด้านข้างเพื่อให้ ลากาแซ็ตต์ ได้ยืนหน้าเป้า
แต่ในช่วงเวลานี้ที่ ลากาแซ็ตต์ ฟอร์มตกและยิงประตูไม่ได้ ตำแหน่งหน้าเป้าของ อาร์เซน่อล จึงไม่มีประสิทธิภาพ ต่อให้สร้างโอกาสได้แต่หากจบไม่ได้ก็ไร้ประโยชน์
โอบาเมย็อง ต้องกลับมาเล่นหน้าเป้า
อาร์เตต้า ควรปรับให้ โอบาเมย็อง กลับไปเล่นหน้าเป้าอีกครั้งเพราะเป็นตำแหน่งที่สามารถรีดศักยภาพออกมาได้มากกว่าการเล่นริมเส้น สถิติการทำประตูที่ผ่านมาบ่งบอกคุณภาพชัดเจนดีอยู่แล้ว
โอบาเมย็อง อาจทำได้ดีกับจังหวะวิ่งสอดจากด้านข้างทะลุเข้าข้างในเหมือนที่ได้หลุดเดี่ยว 2 ครั้ง ทว่าโดยธรรมชาติแล้วเมื่อถูกปรับเปลี่ยนตำแหน่งบ่อยครั้ง วิธีคิดในหัวก็มักสับสนเพราะการเล่นในแต่ละตำแหน่งมีความต่างกัน และส่งผลถึงการตัดสินใจในจังหวะสุดท้ายที่ขาดความแม่นยำ
ถึงเวลาแล้วที่ต้องดร็อป ลากาแซ็ตต์ เป็นสำรองหรือให้ไปเล่นในทีมชุดเล็ก 2-3 นัดเพื่อเรียกความมั่นใจ ขณะที่หน้าเป้ากลับมาใช้ โอบาเมย็อง หรืออาจให้โอกาสดาวรุ่งอย่าง เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ที่ อาร์เตต้า เลือกเก็บไว้ใช้งานในครึ่งฤดูกาลหลัง
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT