ล้มแล้วต้องลุกให้ไว

อาร์เซน่อล เพิ่งอกหักในยูโรปา ลีก ที่ตกรอบคาบ้านจากการพ่ายต่อ โอลิมเปียกอส 1-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ เป็นความพ่ายแพ้ที่ทำให้หมดโอกาสลุ้นคว้าตั๋วกลับไปลุยในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหากเป็นแชมป์ได้ 

นั่นทำให้ความหวังที่เหลืออยู่ของทีมต้องกลับมาโฟกัสกับรายการในประเทศที่เหลือ 2 เป้าหมายสำคัญคือ ลุ้นติด 4 อันดับแรก (หรือ 5 อันดับแรกหาก แมนฯ ซิตี้ อุทธรณ์โทษแบนไม่ผ่าน) กับเข้ารอบเอฟเอ คัพ ให้ลึกที่สุด...ยิ่งไปถึงตำแหน่งแชมป์ได้ยิ่งดี

ทีมปืนใหญ่ ไม่ได้เล่นเกมลีกเมื่อสุดสัปดาห์เพราะโปรแกรมกับ แมนฯ ซิตี้ ถูกเลื่อนออกไปเนื่องด้วยทัพเรือใบสีฟ้าต้องลงเล่นในรอบชิงชนะเลิศคาราบาว คัพ กับ แอสตัน วิลล่า ก่อนคว้าแชมป์ได้ตามคาดด้วยชัยชนะ 2-1

นัดต่อมาหลังความผิดหวังในยูโรปา ลีก จึงเป็นเอฟเอ คัพ รอบ 5 หรือรอบ 16 ทีมสุดท้ายที่โปรแกรมวางเอาไว้ในช่วงกลางสัปดาห์ ทว่า อาร์เซน่อล ที่มีโปรแกรมเยือน พอร์ทสมัธ ถูกเลือกให้ถ่ายทอดสดจึงขยับวันเตะเร็วกว่าทุกคู่ด้วยการลงสนามในคืนวันจันทร์

มิเกล อาร์เตต้า เปลี่ยนทีมถึง 9 ตำแหน่งจากเกมเกมยุโรปซึ่งเป็นสิ่งที่เข้าใจได้ เขาต้องการ "รีเฟรซ" ทีมเพื่อให้ตัวหลักที่สภาพกรำศึกมาหนัก เช่นเดียวกับสภาพจิตใจที่บอบช้ำ ได้โอกาสได้พักฟื้น 

ปาโบล มารี เซนเตอร์หนุ่มชาวสเปนที่ได้มาจาก ฟลาเมงโก้ ในตลาดหน้าหนาวที่ผ่านมา ประเดิมสนามในตำแหน่งเซนเตอร์แบ็กร่วมกับ ดาวิด ลุยซ์ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 2 คนที่เป็นตัวจริงเกมยุโรปและได้ลุยต่อนัดนี้ร่วมกับ บูคาโย่ ซาก้า ที่ขัดตาทัพเกมรับฝั่งซ้ายต่อเนื่องในช่วงหลัง ส่วนฝั่งขวาส่ง โซคราตีส ปาปาสตาโธปูลอส ขยับออกไปเล่น

โซคราตีส ได้เฮกับประตูแรกของทีม

อีก 7 ตำแหน่งที่สลับลงตัวจริงคือ เอมิเลียโน่ มาร์ตีเนซ เฝ้าเสา คู่กองกลางใช้ มัตเตโอ เก็นดูซี่ กับ ลูคัส ตอร์เรร่า ส่วน 3 ตัวรุกประกอบด้วย รีสส์ เนลสัน, โจ วิลล็อค และ กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ โดยมี เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ยืนหน้าเป้า

อาร์เซน่อล ใช้เวลาในการจับจังหวะการเล่นนานพอสมควร แต่พอเริ่มที่จะเล่นได้ก็มีเรื่องให้ต้องแก้ปัญหากันอีกเมื่อ ลูคัส ตอร์เรร่า โชคร้ายเจ็บหนัก

นาทีที่ 12 เกมต้องหยุดลงพักใหญ่เมื่อ เจมส์ โบลตัน กองหลังเจ้าถิ่นเสียบหนักใส่ข้อเท้า ลูคัส ตอร์เรร่า จนเล่นต่อไม่ไหวและถูกหามออกสนาม มิเกล อาร์เตต้า ต้องเปลี่ยนเอา ดานี่ เซบายอส ลงเล่นแทน 

อาร์เซน่อล เสียโควตาเปลี่ยนตัวคนแรกตั้งแต่ต้นเกม แต่นั่นก็ไม่น่าหนักใจเท่ากับอาการบาดเจ็บที่ดูค่อนข้างร้ายแรงทีเดียวของ ตอร์เรร่า ซ้ำร้าย ไมค์ ดีน ผู้ตัดสินในเกมนี้ไม่ลงโทษใดๆ กับผู้เล่นเจ้าถิ่นตัวต้นเหตุเลย 

เท่านั้นไม่พอ จังหวะต่อมา ดีน กลับแจกใบเหลืองให้ มัตเตโอ เก็นดูซี่ ในข้อหา "ออกท่าทางมากไป" ในจังหวะเอาบอลวางกับพื้นเพื่อเล่นฟรีคิก 

ไม่แปลกใจว่าทำไม ไมค์ ดีน ถึงเป็นผู้ตัดสินที่แฟนบอลปืนใหญ่ "ยี้" มากที่สุด  

ในช่วงแรก พอร์ทสมัธ ใช้การเปิดบอลจากด้านข้างโจมตี อาร์เซน่อล ซึ่งก็สร้างความหวาดเสียวได้พอสมควรเพราะเปิดค่อนข้างแม่นโดยเฉพาะแบ็กซ้ายอย่าง สตีฟ เซดดอน ทว่าเพื่อนร่วมทีมขึ้นโหม่งไม่ค่อยเข้าเป้าเท่าที่ควร

ส่วน อาร์เซน่อล ยังทำอะไรได้ไม่ถนัดมากนัก ตัวรุกที่เต็มไปด้วยดาวรุ่งทั้งแผงไม่สามารถกดดันแนวรับเจ้าถิ่นได้มากเท่าที่ควร การเล่นเป็นทีมมีน้อย 

ทว่าทีมปืนใหญ่ก็มาได้ประตูในช่วงเวลาเหมาะสมคือทดเจ็บของครึ่งแรกจากจังหวะเตะมุมที่เจ้าถิ่นเคลียร์ไม่ขาด รีสส์ เนลสัน ได้เปิดยัดจากขวาเข้าไปในเขตโทษอีกครั้ง โซคราตีส ปาปาสตาโธปูลอส วิ่งมาตวัดด้วยขวาเข้าไปเด็ดขาด 

ปาโบล มารี ประเดิมสนามให้ อาร์เซน่อล ด้วยชัยชนะ

ได้ประตูนำก่อนพักเบรกช่วยให้ อาร์เซน่อล กลับมาเล่นในครึ่งหลังไม่กดดันตัวเองมากเท่าจบครึ่งแรกแบบไร้สกอร์

เพียง 6 นาทีหลังรีสตาร์ทเกมอีกรอบ ปืนใหญ่ก็นำ 2-0 จากการเข้าทำคล้ายกับลูกแรกที่คนเปิดคือคนเดิมอย่าง รีสส์ เนลสัน กระชากขึ้นทางขวาก่อนโยนให้  เอ็ดดี้ เอ็นเคเทียห์ ชาร์จจังหวะแรกโดนไม่ดีแต่บอลก็ตกตรงหน้าได้ตามซ้ำระยะหลาเดียวตุงตาข่าย

นำ 2-0 แบบนี้ อาร์เซน่อล จึงเล่นง่ายกว่าเดิม เป็นฝ่ายครองบอลส่วนใหญ่ ขณะที่ พอร์ทสมัธ ยังคงตั้งรับลึก ไม่เปิดแลกและไม่ได้เพรสซิ่ง โอกาสที่จะลุ้นตีไข่แตกแทบไม่มี ช่วงครึ่งชั่วโมงสุดท้ายจึงเป็นไปอย่างเอื่อยเฉื่อย ทีมปืนใหญ่เองก็ไม่ได้เร่งจังหวะมากนัก

อาร์เซน่อล จึงปิดเกมด้วยชัยชนะ 2-0 พร้อมผ่านเข้ารอบ 6 หรือรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้เป็นทีมแรก 

เรื่องน่ากังวลใจเรื่องเดียวที่เกิดขึ้นคืออาการบาดเจ็บของ ลูคัส ตอร์เรร่า ที่ต้องลุ้นว่าจะหนักเพียงใดและต้องพักนานแค่ไหน 

กองกลางร่างเล็กหลุดเป็นสำรองบ่อยครั้งในช่วงหลัง แต่ก็คือหนึ่งในแข้งคนสำคัญของทีมที่ อาร์เตต้า มักหย่อนลงมาทำลายเกมคู่ต่อสู้และช่วยเกมรับในช่วง 20-30 นาทีท้าย และยังเป็นผู้เล่นที่แฟนบอลปืนใหญ่ชื่นชอบเพราะเต็มที่ทุกครั้งที่ลงเล่น มุ่งมั่น สู้ไม่ถอย 

ขณะที่นัดแรกของ ปาโบล มารี ไม่ได้ถูกทดสอบอะไรมากในเกมรับ ช่วงแรกต้องรับมือลูกโด่ง แต่จากนั้นเกมรุกของปอมปีย์ก็ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ทำให้มีโอกาสได้ช่วยเกมรุกด้วยการเปิดบอลยาวทะแยงขึ้นทางฝั่งขวาไปให้ รีสส์ เนลสัน 

ในภาพรวมของฟอร์มการเล่นนัดนี้ "ไม่ดี-ไม่แย่" เป็นไปตามศักยภาพของทีมที่ใช้ชุดผสมลงเล่น ทว่าสิ่งสำคัญสุดคือ คือการกลับมาชนะในทันทีหลังความผิดหวังเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว 

ล้มแล้วต้องลุกให้ไว กลับมาสู้ใหม่ สู้เพื่อรักษาความหวังที่เหลืออยู่เอาไว้ให้นานที่สุดจนกว่าจะไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นกันอีกแล้ว