เลห์มันน์รำลึก "Battle of Old Trafford"
ปลายยุค 90 ต่อด้วยต้นยุค 2000 อาร์เซน่อล คือคู่แข่งที่ขับเคี่ยวแย่งแชมป์กับ แมนฯ ยูไนเต็ด แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน เป็นคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อกันที่สุดของพรีเมียร์ลีกยุคนั้น
ระหว่างฤดูกาล 1996/97 ถึง 2003/04 มีเพียง 2 ทีมเท่านั้นที่เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกคือ "ผีแดง" กับ "ปืนใหญ่" ทีมอื่นทำได้เพียงตัวประกอบ
แชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2003/04 ของ อาร์เซน่อล ถูกจดจำในฐานะแชมป์ "ไร้พ่าย" ไม่เสียท่าให้ใครเลยตอลดฤดูกาล 38 นัด โดยเป็นการชนะ 26 นัด และเสมอ 12 นัด
ทว่าหนึ่งในนัดที่พวกเขาเกือบจะพลาดท่าและไม่อาจสร้างสถิติอันไร้เทียมทานได้คือเกมเยือน แมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงต้นฤดูกาลที่กลายเป็น "สงครามแห่งโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด"
ผีแดงของ เซอร์ อเล็กซ์ ที่ทวงแชมป์คืนได้ในฤดูกาล 2002/03 ขนตัวหลักลงครบครันนำโดย รอย คีน, ไรอัน กิ๊กส์, ริโอ เฟอร์ดินานด์, แกรี่ เนวิลล์, รุด ฟาน นิสเตลรอย และดาวรุ่งหน้าใหม่ที่เพิ่งย้ายมาฤดูกาลแรกอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้
ขณะที่พลพรรคปืนโตก็จัดหนักไม่แพ้กันนำทัพโดย เธียร์รี่ อองรี, ปาทริค วิเอร่า, เดนนิส เบิร์กแคมป์, เฟรดี้ ลุงเบิร์ก, แอชลี่ย์ โคล, โคโล่ ตูเร่, โลร็อง และ เยนส์ เลห์มันน์ ขาดเพียง โซล แคมป์เบลล์ ที่ติดธุระส่วนตัว
เฟอร์กี้ กับ เวนเกอร์ หวิดสาวหมัดใส่กัน
ทั้งสองทีมเปิดหน้าแลกกันอย่างดุเดือด เข้าบอลหนักหน่วงรุนแรงและเต็มไปด้วยกลยุทธิ์ลูกหนังทั้ง "บุ๋น" และ "บู๊" ทุกแท็กติกการเล่นทันกันและกันจนต้องงัดลูกเล่นอื่นออกมาสู้
ปาทริค วิเอร่า กองกลางพันธุ์ดุของปืนโตเสียท่า รุด ฟาน นิสเตลรอย หัวหอกผีแดงที่กระโดดขึ้นโหม่งบอลและยันหัวเข่าใส่ซอกคอ วิเอร่า จนทำให้แข้งชาวฝรั่งเศสตบะแตกพยายามดีดขาเอาคืน ทำให้ผู้ตัดสินต้องไล่ออกจากสนาม อาร์เซน่อล เหลือผู้เล่นเพียง 10 คน
แมนฯ ยูไนเต็ด เรียกจุดโทษได้ในช่วงทดเจ็บท่ามกลางการประท้วงที่ไม่เป็นผลของ อาร์เซน่อล ก่อนเป็น ฟาน นิสเตลรอย รับหน้าที่ยิงจุดโทษเต็มแรงส่งบอลพุ่งวาบชนคานอย่างจัง ผีแดงพลาดได้ประตู ขณะที่แก๊งปืนโตรอดตัวได้ผลเสมอหวุดหวิด
นั่นทำให้ตอนจบเกม หัวหอกผีแดงจึงโดนแข้งปืนรุมทึ้งทั้งกระโดดและตะคอกด่าราวกับจะกินเลือดกินเนื้อหอกผีแดงให้ได้จนกลายเป็นอีกเหตุการณ์อื้อฉาวของพรีเมียร์ลีก
เลห์มันน์ ประท้วงใบแดงของ วิเอร่า
นอกจากนี้ ข้างสนามของ 2 กุนซือก็เดือดตามลูกน้องไปด้วยเมื่อ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กับ อาร์แซน เวนเกอร์ หวิดได้วางมวยกันจริงๆ
"ผมจำได้ว่าหลังจบเกม ผมไม่ได้มองตาเพื่อนร่วมทีมเลย ผมเพียงมองที่ตาของ อาร์แซน" เลห์มัน กล่าว
"เขาอยู่ใกล้ๆ และคว้าตัว เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทั้งคู่หัวเสียใส่กันสุดๆ และเกือบจะต่อยกันอยู่แล้ว"
"มันไม่ใช่เรื่องของผมหรือนักเตะ มันเป็นเรื่องของผู้จัดการทีม"
หลังจากสงบสติอารมณ์กันได้ เฟอร์กี้ และ เวนเกอร์ จึงเข้าไปช่วยแยกลูกทีมตัวเองที่ชุลมุนวุ่นวายกันอยู่พักใหญ่ การแข่งขันจบลงโดยที่ไม่มีผู้ชนะและไม่มีประตูเกิดขึ้น แต่มีเรื่องให้ต้องเคลียร์กันยาวเหยียด
เลห์มัน เล่าต่อถึงอีกเหตุการณ์ที่นักเตะทั้งสองทีมกำลังแยกเขี้ยวใส่กันว่า "ผมเข้าไปตอนท้าย จำได้ว่ามีผู้เล่น 2 คนเผชิญหน้ากัน ผมบ้วนน้ำใส่ทั้งคู่ จริงๆ ไม่ได้จงใจหรอกนะ"
ฟาน นิสเตรอย โดนรุมทึ้ง
"จะว่าไปมันก็สนุกนะที่ได้เห็น ผมไม่ได้เข้าไปผสมโรง คุณคงคิดว่าผมต้องมีเอี่ยวด้วยแน่ๆ แต่ผมไม่ได้ยุ่งเลยกับเรื่องนี้"
"เราคุยกันเรื่องนี้ (ในการกลับมาซ้อมวันจันทร์) แต่เราก็รอบทลงโทษที่จะออกมาและแน่นอนกับ ยูไนเต็ด ด้วย"
สงครามแข้งแห่งโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด นำมาซึ่งการลงโทษที่หนักหน่วงที่สุดอีกครั้งของพรีเมียร์ลีกเมื่อทั้งสองทีมถูกปรับและถูกแบนกันระนาว
อาร์เซน่อล และนักเตะสารภาพผิดต่อข้อกล่าวหาที่เกิดขึ้นและถูกปรับเงิน 175,000 ปอนด์ มากสุดที่สโมสรเคยถูกสมาคมฟุตบอลอังกฤษปรับเงิน
โลร็อง เอตาเม่, มาร์ติน คีโอว์น, ปาทริค วิเอร่า และ เรย์ พาร์เรอร์ ถูกแบนระหว่าง 1-4 นัดและถูกปรับเงินระหว่าง 10,000-40,000 ปอนด์ ส่วน เลห์มัน ที่ตอนแรกถูกตั้งข้อหาแต่สุดท้ายรอดตัวไป
ส่วนฝั่ง แมนฯ ยูไนเต็ด มี 2 คนที่ถูกปรับเงินคือ ไรอัน กิ๊กส์ กับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ 7,500 ปอนด์ และ 4,000 ปอนด์ตามลำดับ พร้อมถูกเตือนให้ควบคุมตัวเองมากกว่านี้
อาร์เซน่อล ถูกลงโทษจากวีรกรรมต่างๆ ในวันนั้น แต่ผลเสมอที่พวกเขาได้ออกมาถือว่าสำคัญยิ่งเพราะไม่มีนัดไหนที่ยากไปกว่า "Battle of Old Trafford" นี้อีกแล้ว
เวนเกอร์ พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไร้พ่ายไปครองอย่างยิ่งใหญ่ และกลายเป็นหนึ่งในทีมที่เก่งที่สุดตลอดกาลของพรีเมียร์ลีก
ปืนใหญ่เป็นแชมป์ไร้พ่ายได้สำเร็จ
แมนฯ ยูไนเต็ด จบเพียงอันดับ 3 ในฤดูกาล 2003/04 พวกเขามีเพียงแชมป์เอฟเอ คัพ ติดมือ แต่สามารถหยุดสถิติไร้พ่ายของอริจากลอนดอนได้ในฤดูกาลต่อมาซึ่งเกิดขึ้น ณ สนามพวกเขาเองในภาคต่อของสงครามแข้งแห่งโอลด์ แทร็ฟฟอร์ดที่อื้อฉาวไม่แพ้กันและจบด้วยเหตุการณ์ปาพิซซ่าของ เชส ฟาเบรกาส ที่ลอยเข้าหน้า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อย่างจัง
ความสัมพันธ์ของ เวนเกอร์ และ เฟอร์กี้ ย่ำแย่สุดๆ ในช่วงเวลานั้น แต่อีกหลายปีต่อมา ทั้งคู่กลับมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ให้ความเคารพนับถือในฝีมือของและกันโดยเฉพาะในช่วงปีท้ายๆ ก่อนวางมือ
ในนัดสุดท้ายที่ เวนเกอร์ พาทีมไปเยือนโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อปี 2018 เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่เลิกคุมทีมไปก่อนหน้านั้นหลายปีก็ลงมาในสนามด้วยเพื่อร่วมอำลาและมอบของที่ระลึกให้คู่ปรับตลอดกาลที่ห่ำหั่นกันมานานจนกลายเป็นสัญลักษณ์ของพรีเมียร์ลีก
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT