:::     :::

5 สิ่งน่าจับตาเมื่อ Bundesliga is back

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ศึกบุนเดสลีกา เตรียมกลับมาฟาดแข้งกันอีกครั้งในวันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคมนี้ หลังจากเว้นวรรคไปนานมากกว่า 2 เดือนเนื่องจากพิษโควิด

ลีกสูงสุดเมืองเบียร์กลายเป็นลีกใหญ่ลีกแรกของยุโรปที่สามารถกลับมาได้ ทำให้ได้รับความสนใจจากแฟนบอลอย่างมากเพราะที่ผ่านมาต้องบอกว่าอดอยากปากแห้งกันสุดๆ กับการใช้ชีวิตแบบไร้ฟุตบอล   

นอกจากการลุ้นแชมป์ที่เข้มข้นสุดๆ เช่นเดียวกับคู่เอกประจำสัปดาห์ในศึก "เรเวียร์ดาร์บี้แมตช์" ของ 2 คู่ปรับตลอดกาลระหว่าง โบรุสเซีย ดอร์ทุนด์ กับ ชาลเก้ แล้วยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่น่าจับตามองในการคัมแบ็กกลับมาอีกครั้งของบุนเดสลีกา 

 

1. The new 'normal' - วิถีใหม่ 

การกลับมาเตะของบุนเดสลีกาในสุดสัปดาห์นี้จะเป็นภาพที่ต่างจากเดิมสิ้นเชิงเนื่องด้วยต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบและคำแนะนำทางด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ตลอด 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ละทีมจะเก็บตัวในสถานที่เฉพาะซึ่งส่วนใหญ่เลือกพักโรงแรมแบบเหมาชั้น มีทางเข้า-ออกเฉพาะแยกจากบุคคลทั่วไป เช่นเดียวกับการใช้ลิฟท์และห้องประชุม


ซิกนัล อิดูน่า ปาร์ค ของ ดอร์ทมุนด์ จะไม่มีกำแพงสีเหลืองที่คุ้นเคย

การเดินทางไปสนามใช้รถบัสจำนวนหลายคันเพราะแต่ละคันไม่สามารถนั่งเก้าอี้ทุกตัวได้ ต้องเว้นระยะห่างอย่างน้อย 1.5 เมตร นักเตะรวมถึงสตาฟฟ์โค้ชต้องสวมหน้ากากตลอดระหว่างเดินทางไปและกลับ ขณะที่ทีมเจ้าบ้านได้รับอนุญาตให้ขับรถส่วนตัวไปได้ แต่ห้ามนักเตะคนอื่นโดยสารไปด้วยกัน

นักเตะได้รับอนุญาตให้อยู่ในห้องแต่งตัวได้มากสุด 40 นาที และต้องสวมหน้ากากตลอดเวลา ส่วนในสนาม กลุ่มผู้เล่นสำรองและสตาฟฟ์โค้ชก็ต้องสวมหน้ากากอยู่ตลอด ขณะที่เฮดโค้ชสามารถขยับหน้ากากลงเล็กน้อยได้ในเวลาตะโกนสั่งลูกทีมข้างสนาม 


"Hennes" แพะนำโชคของ โคโลญจน์ ที่จะไม่ได้อยู่ในสนามอีกแล้ว

ลูกฟุตบอลที่ใช้จะต้องผ่านการฆ่าเชื้อทั้งก่อนและระหว่างเกม ขณะที่นักเตะต้องดื่มน้ำจากขวดของตัวเองเพียงคนเดียวเท่านั้น ตัวสำรองข้างสนามต้องนั่งแบบเว้นเก้าอี้ หรือหากซุ้มม้านั่งสำรองไม่เพียงพอก็สามารถขยับขึ้นไปนั่งบนอัฒจันทร์ได้ 

ห้ามวิ่งมาฉลองเป็นกลุ่ม แตะมือ หรือสวมกวดในเวลาที่ยิงประตูได้ เช่นเดียวกับการถ่มน้ำลายในสนามที่เลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง ยกเว้นเวลาล้างหน้า-บ้วนปากเพิ่มความสดชื่นระหว่างแข่งขัน 

นี่ยังรวมไปถึงสัตว์นำโชคที่เป็นสัญลักษณ์ของหลายสโมสรไม่ว่าจะเป็นเจ้า "Hennes" แพะคู่บ้านคู่เมืองของ โคโลญจน์ที่ประจำอยู่สนามมาตั้งแต่ปี 2008 หรือเจ้า "Attila" อินทรีผู้เป็นมัสคอตของ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต ที่ถูกห้ามเข้ามาในสนามเช่นกัน 

2. การประสานงานของ ซานโช่ และ ฮาแลนด์

หากไม่นับ 3 ตัวรุกพระกาฬของ ลิเวอร์พูล แล้ว การประสานงานกันระหว่าง เจดอน ซานโช่ กับ เออร์ลิ่ง ฮาแลนด์ ในการขับเคลื่อนเกมรุกของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ คืออีกหนึ่งแนวรุกที่น่าตื่นตาตื่นใจในเวลานี้


ซานโช่ กับ ฮาแลนด์ ทรงประสิทธิภาพสุดๆ 

นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีม ดอร์ทมุนด์ ในเดือนมกราคม ฮาแลนด์ ระเบิดฟอร์มต่อเนื่องแบบไม่ยั้งกดไป 9 ประตูจาก 8 นัดแรกในบุนเดสลีกา ทำให้ยิงรวม 40 ประตู 33 นัดในฤดูกาลนี้ (รวมสถิติกับ ซัลซ์บวร์ก ในครึ่งฤดูกาลแรก)

ขณะที่ฟอร์มของ ซานโช่ ก็จัดจ้านไม่แพ้กัน เขายิงไปได้ 14 ประตูกับอีก 15 แอสซิสต์จาก 23 นัดในลีก และกำลังประสานงานกับ ฮาแลนด์ ได้อย่างเข้าขารู้ใจก่อนการแข่งขันจะเว้นวรรคไป

ในวันเสาร์นี้ คู่หูใหม่ของ ดอร์ทมุนด์ จะได้เจอบททดสอบสำคัญในศึกดาร์บี้แมตช์ปะทะ ชาลเก้ ซึ่ง ฮาแลนด์ ยังไม่เคยสัมผัสประสบการณ์นี้มาก่อน ขณะที่ ซานโช่ เป็นคนยิงประตูชัยในนัดเยือนเมื่อฤดูกาลที่แล้ว

 

3. เลวานดอฟสกี้ วัดคม แวร์เนอร์ 

แฟนบอลทุกคนต้องการเห็นการยิงประตูซึ่งเป็นสิ่งที่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และ ติโม แวร์เนอร์ กำลังทำให้เห็นครั้งแล้วครั้งเล่าในฤดูกาลนี้

เลวานดอฟสกี้ นำดาวซัลโวที่ 25 ประตู โดยสร้างประวัติศาสตร์ยิงถึงเลข 2 หลักได้ตั้งแต่ 6 นัดแรก และยิงตลอด 11 นัดแรกของฤดูกาล


แวร์เนอร์ 21 ประตู ดวล เลวานดอฟสกี้ 25 ประตู

ขณะที่ แวร์เนอร์ ตามมาไม่ห่างมากนักที่ 21 ประตู เขาช่วยให้ แอร์เบ ไลป์ซิก มีลุ้นแชมป์เต็มตัวจนกระทั่งมีข่าวโยงกับ ลิเวอร์พูล ต่อเนื่องเช่นเดียวกับ แมนฯ ยูไนเต็ด หรือกระทั่ง บาเยิร์น มิวนิค 

บาเยิร์น, ดอร์ทมุนด์, ไลป์ซิก และ กลัดบัค อาจเบียดบี้แย่งแชมป์บุนเดสลีกาแบบออกได้ทุกหน้า แต่ตำแหน่งดาวซัลโวประจำฤดูกาลไม่น่าจะหลุดไปจาก 2 คนนี้ 

 

4. ดาวรุ่งน่าจับตามอง

เวทีบุนเดสลีกาได้ชื่อว่าผลิตดาวรุ่งฝีเท้าดีออกมาได้ตลอด เช่นเดียวกับฤดูกาลนี้ที่มีหลายคนถูกจับตามองว่าอาจได้ย้ายทีมในช่วงซัมเมอร์

คนที่ได้รับความสนใจมากสุดคือ ไค ฮาแวร์ตซ์ ดาวรุ่งพรสวรรค์สูงของ เลเวอร์คูเซ่น ที่ ลิเวอร์พูล, เชลซี และ บาเยิร์น มิวนิค ต้องการตัว

แข้งวัย 20 ปี กดไปแล้ว 10 ประตูกับอีก 8 แอสซิสต์ในฤดูกาลนี้ ขณะที่ฤดูกาลก่อนกระหน่ำได้ถึง 20 ประตูทั้งที่เล่นในตำแหน่งกองกลาง


ไค ฮาแวร์ตซ์ ถูกจับตามองมากกว่าเดิมแน่

นอกจากนี้ยังมีแข้งสายเลือดใหม่อีกหลายคนที่น่าจับตามองไม่ว่าจะเป็น อัลฟอนโซ่ เดวิส ที่ยึดครองตำแหน่งแบ็กซ้ายในทีม บาเยิร์น มิวนิค ในปัจจุบัน 

ขณะที่ จอช ซาร์เก้นท์ ของ แวร์เดอร์ เบรเมน, เอเซเกล ปาลาซิออส อีกหนึ่งยังเติร์กของทัพห้างยา และ คริสโตเฟอร์ เอ็นคุนคู ของ แอร์เบ ไลป์ซิก ก็ล้วนอยู่ในข่ายพร้อมปล่อยของอย่างเต็มที่ในช่วงที่เหลือของฤดูกาลนี้ 


5. สมรภูมิหนีตายท้ายตาราง 

ไฮไลท์อีกอย่างในบุนเดสลีกาสัปดาห์นี้คือเกมของ 2 ทีมท้ายตารางระหว่าง ฟอร์ทูน่า ดุสเซลดอร์ฟ กับ พาเดอร์บอร์น 

สถานการณ์ตอนนี้เป็นเรื่องยากสุดๆ สำหรับ พาเดอร์บอร์น ในการเอาตัวรอดอยู่ในลีกสูงสุดต่อไปหลังเพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นมาในฤดูกาลนี้


พาเดอร์บอร์น ต้องชนะเสาร์นี้เพื่อลุ้นหนีตาย

พาเดอร์บอร์น เพิ่งมีเพียง 16 คะแนนจาก 25 นัดที่ผ่านมา อยู่ห่างจากอันดับ 16 ที่ต้องเพลย์ออฟอย่าง ดุสซลดอร์ฟ 6 คะแนน และห่างอันดับ 15 ไมนซ์ 10 คะแนน 

พวกเขาจำเป็นต้องเก็บ 3 คะแนนให้ได้ในการไปเยือน ดุสเซลดอร์ฟ เพื่อรักษาความหวังในการอยู่รอด แต่หากมือเปล่ากลับมาก็แทบการีนตีชะตากรรมของตัวเองว่าคงต้องเริ่มใหม่ในลีกา สองอีกครั้ง


คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT

ถ้าไม่อยากพลาดทุกข่าวสารของวงการกีฬา โปรดติดตามเรา :
เพิ่มเพื่อน
Share
Twitter
Share
ระดับ : {{val.member.level}}
{{val.member.post|number}}
ระดับ : {{v.member.level}}
{{v.member.post|number}}
ระดับ :
ดูความเห็นย่อย ({{val.reply}})

ข่าวใหม่วันนี้

ดูทั้งหมด