พรีเมียร์ลีกคัมแบ็ก
การแข่งขันในฤดูกาล 2019/20 ต้องหยุดไปตั้งแต่เดือนมีนาคมหลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งหากนับถึงวันที่ 17 มิ.ย. ที่จะรีสตาร์ทกันอีกรอบก็เท่ากับว่าหยุดแข่งไปนาน 96 วัน หรือมากกว่า 3 เดือน โดยนัดล่าสุดของพรีเมียร์ลีกคือเกมที่ เลสเตอร์ ซิตี้ เปิดรัง คิง เพาเวอร์ เอาชนะ แอสตัน วิลล่า 4-0 เมื่อวันจันทร์ที่ 9 มีนาคม
ในการตัดสินใจครั้งสำคัญเพื่อกลับมาแข่งอีกครั้ง ยังมีรายละเอียดอีกหลายอย่างที่อาจจะยังไม่รู้กันทั้งหมด เช่นเดียวกับบางคำถามที่ในขณะนี้ก็ยังต้องหาคำตอบกันต่อไป
มติจากที่ประชุมเมื่อวันพฤหัสบดี
หลังจากไฟเขียวในการประชุมเมื่อวันพุธให้มีการซ้อมแบบสัมผัสตัวได้ ในการประชุมเมื่อวันพฤหัสบดี พรีเมียร์ลีกจึงเสนอว่าน่าจะกลับมาแข่งกันได้ใน 2 สัปดาห์
แต่สโมสรต่างๆ ต้องการเวลา 4 สัปดาห์ให้เหมือนเตรียมความพร้อมช่วงปรีซีซั่น ก่อนท้ายที่สุดสามารถตกลงกันได้ที่ 3 สัปดาห์
บางสโมสรมีแผนที่จะจัดแมตช์อุ่นเครื่องเพื่อให้นักเตะพร้อมสำหรับการแข่งขันจริงที่กำลังรีสตาร์ทอีกรอบ
เริ่มและจบเมื่อไหร่?
พรีเมียร์ลีกจะรีสตาร์ทด้วย 2 นัดที่ตกค้างเพราะติดโปรแกรมรอบชิงชนะเลิศคาราบาว คัพ คือ แอสตัน วิลล่า กับ เชฟฯ ยูไนเต็ด และ แมนฯ ซิตี้ กับ อาร์เซน่อล ในวันพุธที่ 17 มิถุนายน จากนั้นวันศุกร์ที่ 19 มิถุนายนเป็นต้นไปจะเริ่มรันโปรแกรมเต็มรูปแบบสำหรับทุกทีม
พรีเมียร์ลีก ต้องการปิดฤดูกาลในปลายเดือนกรกฎาคม เปิดทางให้วันที่ 1 สิงหาคมเป็นรอบชิงชนะเลิศเอฟเอ คัพ รวมไปถึงเกมยุโรป ดังนั้นพรีเมียร์ลีกอีก 92 นัดที่เหลือจะจบภายในเวลา 6 สัปดาห์
รีสตาร์ทด้วยโปรแกรมสำคัญ "เรือใบ" ปะทะ "ปืนใหญ่"
ช่วงเวลาแข่งขันในแต่ละวันวางเอาไว้ดังนี้ รอเพียงจับคู่แข่งขันใส่เข้าไปในแต่ละช่วงเวลาซึ่งตอนนี้กำลังคุยกับสถานีโทรทัศน์ที่ได้ลิขสิทธ์ถ่ายทอดสดในอังกฤษซึ่งไม่จำเป็นต้องมีแข่งขันทุกวัน (เวลาอังกฤษช้ากว่าไทย 6 ชั่วโมง)
โปรแกรมสุดสัปดาห์
วันศุกร์ : 20.00 น.
วันเสาร์ : 12.30 น., 15.00 น. 17.30 น. 20.00 น.
วันอาทิตย์ : 12.00 น., 14.00 น., 16.30 น., 19.00 น.
วันจันทร์ : 20.00 น.
โปรแกรมกลางสัปดาห์
วันอังคาร : 18.00 น., 20.00 น.
วันพุธ : 18.00 น., 20.00 น.
วันพฤหัสบดี : 18.00 น., 20.00 น.
แข่งขันสนามตัวเองทั้งหมดหรือสนามกลางด้วย?
เกมส่วนใหญ่จะแข่งในสนามเหย้าของแต่ละทีม "ยกเว้น" เกมที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เกมดาร์บี้แมตช์ระหว่าง เอฟเวอร์ตัน กับ ลิเวอร์พูล ที่อาจเป็นเกมฉลองแชมป์ของ "หงส์แดง" จะต้องแข่ง "สนามกลาง" เพราะมีความหวั่นเกรงว่าจะมีการรวมตัวของแฟนบอลนอกสนามและขัดต่อมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม
สนามกลางที่จะถูกเลือกให้แข่งในเกมที่มีความเสี่ยงแบบนี้จะอยู่ในย่านที่ไม่ได้เป็นชุมชนที่พักอาศัยหนาแน่น
เมอร์ซีย์ไซด์ดาร์บี้แมตช์อาจต้องเล่นสนามกลาง
ลิเวอร์พูล จะได้เล่นในบ้านเมื่อไหร่?
ตอนนี้ยังไม่มีการตัดสินว่า ลิเวอร์พูล จะได้เล่นนัดเหย้า 4 นัดสุดท้ายของฤดูกาลในแอนฟิลด์หรือไม่ ตอนนี้กำลังพูดคุยกันว่าทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ควรเล่นสนามกลางในนัดเหย้า 4 นัดสุดท้าย ขณะที่ผู้บริหารระดับระดับสูงของสโมสรก็พยายามผลักดันให้ได้เล่นในแอนฟิลด์พร้อมให้คำมั่นสัญญาแฟนบอลหงส์แดงจะรักษามาตรการทางสังคมต่างๆ ที่มีในตอนนี้โดยเฉพาะการไม่มารวมตัวใกล้สนามแข่ง
สิ่งที่ทำให้การถกกันเรื่องนี้ไม่สามารถตัดสินใจได้โดยง่ายเพราะแฟนบอลลิเวอร์พูลมีอยู่ทั่วประเทศ ดังนั้นต่อให้แข่งสนามกลางในเมืองอื่นก็ไม่ได้การันตีว่าจะไม่มีการรวมตัวนอกสนามของแฟนบอล นี่จึงเป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยพยายามหาทางออกร่วมกันในเวลานี้
ลิเวอร์พูลพยายามผลักดันให้ได้แข่งในแอนฟิลด์
หากแข่งไม่จบจะจัดอันดับอย่างไร?
ตอนนี้ยังไม่มีการกำหนดว่าทำอย่างไรเกี่ยวกับอันดับของแต่ละทีมในตารางหากการกลับมาแข่งไม่สามารถแข่งให้จบฤดูกาลได้เพราะมีผลต่อทีมที่กำลังลุ้นโควตายุโรปและลุ้นหนีตกชั้น
ก่อนหน้านี้มีความเข้าใจกันว่าจะใช้เกณฑ์ "คะแนนเฉลี่ย" ที่คำนวณจากคะแนนที่ทำได้ทั้งหมดหารด้วยจำนวนนัด แต่ก็ยังเป็นเพียงแนวคิดและจะต้องพูดคุยกันในรายละเอียดในที่ประชุมครั้งต่อไป
การประชุมครั้งต่อไป
พรีเมียร์ลีกจะประชุมอีกครั้งในวันพฤหัสบดีที่ 4 มิถุนายนนี้ เรื่องที่ต้องถกกันคือ การตัดสินใจขั้นต่อไปหากแข่งไม่จบ รวมไปถึงช่วงเวลาของการเปิด-ปิดตลาดซัมเมอร์ และการกำหนดวันสำหรับเริ่มฤดูกาลหน้า
เอฟเอ คัพ กำหนดวันแข่งเช่นกัน
ศึกเอฟเอ คัพ ฟุตบอลถ้วยรายการเก่าแก่ที่สุดในโลก กำหนดโปรแกรมที่เหลือเป็นที่เรียบร้อยหลังการแข่งขันหยุดชะงักในรอบก่อนรองชนะเลิศ
ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายที่จับสลากประกบคู่กันเอาไว้แล้วดังนี้ เชฟฯ ยูไนเต็ด - อาร์เซน่อล, นิวคาสเซิ่ล - แมนฯ ซิตี้, นอริช ซิตี้ - แมนฯ ยูไนเต็ด และ เลสเตอร์ ซิตี้ - เชลซี จะทำการแข่งขันในวันที่ 27-28 มิถุนายน
ส่วนรอบตัดเชือก วางคิวเอาไว้ในวันที่ 11-12 กรกฎาคม และและรอบชิงชนะเลิศจะมีขึ้นที่สนามเวมบลีย์และไม่เปิดให้แฟนบอลเข้าชมในวันที่ 1 สิงหาคม
เอฟเอ คัพ รอบชิงฯ จะมีขึ้นในวันที่ 1 ส.ค.
ลีกใหญ่อื่นทยอยกลับมา
นอกจากพรีเมียร์ลีกที่กำหนดวันรีสตาร์ทได้แล้ว กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ก็ประกาศกลับมาแข่งเช่นกันในวันที่ 20 มิถุนายน โดยที่หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านั้นนำร่องด้วยศึกโคปปา อิตาเลีย ที่ตกค้างในรอบตัดเชือก นัดสอง
ขณะที่ลา ลีกา สเปน ก็มีการยืนยันอย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา จะกลับมาแข่งในวันที่ 11 มิถุนายน เริ่มด้วยโปรแกรมดาร์บี้แมตช์ระหว่าง เซบีย่า กับ เรอัล เบติส
นั่นเท่ากับว่า 4 จาก 5 ลีกใหญ่อันประกอบด้วย บุนเดสลีกา ที่กลับมาแข่งได้แล้ว 3 นัด, พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี และ ลา ลีกา สเปน กำลังเดินหน้าแข่งขันเพื่อให้ฤดูกาลจบสมบูรณ์ มีเพียง ลีก เอิง ฝรั่งเศส ที่เลือก "ตัดจบ" ฤดูกาลนี้ไปเป็นที่เรียบร้อย
คอลัมน์กีฬาบทความกีฬาต่างๆโดยนักวิเคราะห์ GURUชั้นนำของไทย มีให้ท่านได้เสพทุกวันที่เว็บไซต์ TH SPORT